“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยหนูด้วย หนูถูกเขาจับตัวมา ช่วยด้วย!”
เสียงหวานตะโกนร้องขอความช่วยเหลือตลอดทางเมื่อถูกชายหนุ่มฉุดกระชากเข้าสู่คฤหาสน์หลังโต ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยหล่อนเลยสักคน ใครหน้าไหนจะกล้าขัดขวางความสุขของเจ้านาย
“แหกปากร้องให้ตายก็ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอกพิมพ์ชนก ทุกคนที่นี่ต่างเป็นคนของฉันทั้งนั้น”
“สารเลวที่สุด ปล่อยฉันนะ!”
พิมพ์ชนกขืนตัวสุดฤทธิ์ ลูเซียโน่ถอนหายใจ ตัดปัญหาโดยการช้อนร่างเล็กขึ้นสู่อ้อมแขนแกร่ง สร้างความตื่นตระหนกต่อบรรดาสาวใช้และคนงานในบ้านไปตาม ๆ กัน
“ปล่อยฉันลงนะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยหนูด้วย ไอ้ผู้ชายสารเลว!” พิมพ์ชนกร้องขอความช่วยเหลือไม่หยุดแม้ไม่มีใครช่วยเธอได้เลยก็ตาม
“ใครกัน… นายพาใครมา?” พุดซ้อน หัวหน้าแม่บ้านที่อยู่รับใช้ลูเซียโน่มานานเอ่ยถามบอดี้การ์ดคนสนิทของเจ้านาย
“นายหญิงครับป้า” เจมส์บอกเสียงทุ้ม ทว่าคนฟังไม่อยากเชื่อ
“อะไรกัน ไหนว่าไม่คิดจริงจังกับใครไง”
“จริง ๆ ป้า นายพูดเองว่าผู้หญิงคนนี้จะเข้ามาเป็นนายหญิงของที่นี่ พวกมันก็ได้ยิน ใช่ไหมพวกเรา” เจมส์หันไปหาแนวร่วม เหล่าเพื่อนบอดี้การ์ดแต่ละคนต่างพยักหน้ารับพร้อมเพรียง เป็นเครื่องการันตีว่าสิ่งที่พุดซ้อนได้ยินคือความจริงทุกประการ
“หน้าตายังละอ่อนอยู่เลย อายุอานามเท่าไรกันนี่”
ใบหน้าสวยหวานสุกปลั่งแรกแย้มสะดุดสายตามาแต่ไกล
“ยี่สิบครับ”
“ว่าไงนะ! อย่าบอกนะว่ายังเรียนหนังสืออยู่”
“เห็นว่าเรียนจบแค่มอหกเองนะป้า ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี แถมป้าแท้ ๆ ก็ติดการพนัน มาเล่นแล้วเสียที่กาสิโนของนาย พอไม่มีปัญญาใช้หนี้ก็เอาหลานในไส้มาเร่ขาย”
“เวรกรรม ขนาดเป็นญาติยังทำกันได้ลงคอ” พุดซ้อนรู้สึกเวทนาหญิงสาวขึ้นมาฉับพลัน “แล้วนายก็รับซื้อ?”
“สวยหวานขนาดนี้ ใครบ้างจะไม่อยากได้ล่ะป้า” เจมส์พูดยิ้ม ๆ
“คุณพระ ห่างกันเป็นรอบเลยนะนั่น”
ลูเซียโน่ในวัยสามสิบห้าปีกับเด็กสาววัยละอ่อน อะไรดลใจให้คว้าสตรีอ่อนเยาว์มาเคียงกาย ดูจากท่าทางก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจมา คงไม่แคล้วถูกอำนาจมืดของฝ่ายชายบังคับเอาเป็นแน่
“เฮ้อ เวรกรรมจริง ๆ”
ปัง!
คนตัวโตใช้เท้าปิดประตูห้องนอนเสียงดังลั่น ลูเซียโน่โยนร่างแสนพยศลงบนเตียงกว้าง พิมพ์ชนกรีบเด้งตัวนั่งหลังตรงทันที หวาดกลัวกับท่าทางคุกคามของเขา
“จะ จะทำอะไร ยะ อย่าเข้ามานะ” หญิงสาวคว้าหมอนมากอดแนบอก ชายหนุ่มมองแล้วยิ้มหยัน
“แค่หมอนใบเดียวไม่ช่วยให้เธอรอดพ้นจากเงื้อมมือฉันได้หรอกนะ” ลูเซียโน่ก้าวขึ้นเตียงช้า ๆ โดยไม่ละสายตาจากดวงหน้าหวาน
พิมพ์ชนกถอยหนีจนแผ่นหลังติดหัวเตียง ครั้นจะกระโจนลงจากเตียงก็ช้าไปกว่ามือหนาที่ตรงเข้าตะครุบร่างอรชร เขาพลิกกายเธอนอนหงายแล้วขึ้นคร่อมทันที
“อย่านะคะ ได้โปรด ยะ อย่าทำแบบนี้” น้ำหูน้ำตาไหลทะลัก หางเสียงสั่นเครือน่าสงสาร หัวใจของผู้ชายร้ายกาจเริ่มสั่นไหว
“ร้องไห้มาก ๆ เธอไม่เบื่อหรือไง” เขาถามอย่างเอ็นดู นิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้กับเธอ “อย่าร้อง” น้ำเสียงเข้มมีความอ่อนโยนอยู่ในท่าที สาวเจ้ารู้สึกวูบไหวแปลก ๆ
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ” เมื่อเห็นว่าเขาอ่อนโยนเธอจึงพยายามพูดจาดี ๆ ด้วย
“ฉันซื้อเธอมาในราคามหาศาล นั่นเท่ากับว่าฉันมีสิทธิ์ทำอะไรกับเธอก็ได้ และเธอโตพอที่จะรู้โดยสัญชาตญาณว่าฉันซื้อเธอมาเพื่ออะไร แน่นอน… ฉันไม่ได้ซื้อเธอมาเพื่อให้เธอเล่นบทโศกบีบน้ำตาให้ฉันดูไปวัน ๆ หรอกนะ” ลูเซียโน่จริงจัง ทุกคำพูดล้วนต้องการบอกให้เธอยอมรับความจริง พิมพ์ชนกได้ฟังแล้วยิ่งอดสู
“ฉันรู้ว่าคุณซื้อฉันมาเพราะอะไร” พูดไปน้ำตาก็ยิ่งไหล เรียวปากอิ่มเม้มสนิทเป็นเส้นตรง
“แต่คุณช่วยเมตตาฉันหน่อยได้ไหม ฉันยังเด็ก ตลอดชีวิตฉันไม่เคยคิดว่าจะต้องมาพบเจอสถานการณ์แบบนี้ ป้าทำในสิ่งที่ฝืนใจฉัน คุณก็รู้ว่าฉันไม่เต็มใจ คุณยังจะทำร้ายฉันลงอีกหรือคะ?”
อีกฝ่ายกำลังใช้ลูกอ้อนต่อรอง และหล่อนก็เข้าใจพูดเสียด้วย…
“เธอกำลังใช้หลักจิตวิทยากับฉันเหรอ?” เขาแสร้งถามพลางจดจ้องคนตัวเล็กใต้อาณัติ
“เปล่าค่ะ ฉันเพียงแต่กำลังอ้อนวอนคุณ”
มันได้ผล! ลูเซียโน่ยอมรับว่าท่าทางอ่อนหวานบวกกับน้ำเสียงเล็ก ๆ ของเธอทำได้ดีเกินคาด จากคราแรกที่ตั้งใจจะมอบบทรักแสนเร่าร้อนทันทีที่มาถึงเป็นอันต้องยกเลิกไป เขาไม่อาจหักหาญน้ำใจร่างบางที่กำลังร้องห่มร้องไห้อยู่ได้
“งั้นฟังนะสาวน้อย ฉันให้เวลาเธอแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น รีบยอมรับและทำใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้ซะ”
พิมพ์ชนกกลืนน้ำลายลงคอ หนึ่งอาทิตย์ก็ยังน้อยไปสำหรับเธออยู่ดี แต่ก็ถือว่าบุญนักที่เขายังพอมีเมตตาให้เวลาทำใจอยู่บ้าง
“อยู่กับฉันมันไม่ยากหรอกพิมพ์ชนก แค่เชื่อฟังและไม่ดื้อ แล้วเธออยากได้อะไรฉันจะหามาให้ทุกอย่าง เวลาฉันทำงานกลับมาเหนื่อย ๆ คอยดูแลปรนนิบัติฉัน อย่าให้ต้องหงุดหงิดใจ แค่นี้เธอทำได้ไหม?”
นัยน์ตาคมสบลึกมองผู้ฟัง หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบ
“และที่สำคัญ…” ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปคลอเคลียแก้มใส ร่างบางผวาเฮือก อยากหลีกหนีก็ทำไม่ได้ เขากระซิบเสียงเข้มชิดใบหูเล็ก
“อย่าคิดหนีเด็ดขาด สิ่งเดียวที่ฉันจะไม่มีวันให้อภัยคือเธอคิดตีตัวออกห่างจากฉัน!” น้ำเสียงดุดันบ่งบอกให้รู้ว่าข้อนี้ห้ามโดยเด็ดขาด
พิมพ์ชนกยอมรับว่ากลัว ดูจากสภาพความเป็นอยู่ที่มีบอดี้การ์ดล้อมรอบก็พอจะรู้ว่าเขานั้นมีอำนาจและบารมีมากเพียงใด ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่ควรต่อกรด้วยเลย
“อย่าทำให้ฉันโกรธเพราะฉันไม่ใช่คนใจเย็น และฉันก็ไม่ใช่คนดี แต่ฉันเลือกจะทำดีกับเธอคนเดียวเท่านั้น”
พิมพ์ชนกพยักหน้าช้า ๆ เนื้อตัวสั่นเทิ้มหวาดหวั่น
“แต่ถ้าความใจดีของฉันทำให้เธอเหลิง ฉันก็จะเปิดเผยด้านเลวร้ายที่สุดให้เธอดูเป็นขวัญตาเช่นกัน!”
ลูเซียโน่หยัดกายลุกขึ้นยืน ปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระอีกครั้ง พิมพ์ชนกรีบลุกขึ้นนั่งกอดเข่ามองเขาอย่างหวาดกลัว
“เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม” เขาถามเสียงเข้ม ทว่าคนตัวเล็กกลับนิ่งเฉย คนรอฟังคำตอบขมวดคิ้ว “ฉันถามว่าเข้าใจไหมพิมพ์ชนก”
แววตาเริ่มเปลี่ยน เพิ่งบอกไปหยก ๆ ว่าอย่าทำให้เขาหงุดหงิด หรือไม่ทันข้ามคืนหล่อนก็คิดจะลองดีเสียแล้ว
“ขะ เข้าใจค่ะ” พิมพ์ชนกรีบตอบรับเมื่อเห็นเขาทำท่าจะก้าวขึ้นเตียงอีกครั้ง
“ก็แค่นี้” เขายกมือเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นอย่างลวก ๆ ทุกอิริยาบถช่างหล่อเหลาดุจเทพปั้น
“อาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย เดี๋ยวอีกสองชั่วโมงฉันจะให้คนขึ้นมาตามเธอลงไปทานข้าว” ลูเซียโน่มองแล้วสงสาร เนื้อตัวสั่นเทาเริ่มมอมแมมเพราะถูกลากถูกับพื้นดินมาตลอดทั้งวัน
“เสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ฉันเตรียมไว้ให้หมดแล้ว”
พิมพ์ชนกเงยหน้ามองผู้พูดก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง โต๊ะเครื่องแป้งสลักลวดลายสวยงามเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนานาชนิด ขวดน้ำหอมหลากหลายทรวดทรงวางเรียงรายต่างสีสัน แม้เธอไม่ค่อยมีความรู้เรื่องแบรนด์เนมสักเท่าไร แต่มองปราดเดียวก็รู้ว่าสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะมูลค่ารวม ๆ กันมหาศาลเพียงใด
“แล้วเจอกันมื้อค่ำที่รัก” แววตาเจ้าเล่ห์มองแม่กวางน้อย ยกยิ้มมุมปากก่อนเดินออกจากห้อง ไม่ลืมลงกลอนให้เสร็จสรรพ พิมพ์ชนกรีบวิ่งไปดูประตูให้แน่ใจว่าเขาเล่นแง่อะไรอีกไหม เมื่อทุกอย่างปกติหล่อนก็
โล่งอก เป่าปากไล่ความกังวล
“ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย…”
สาวน้อยทิ้งตัวนั่งร้องไห้พิงแผ่นหลังแนบบานประตู เธอไม่ได้ต้องการแบบนี้ เบื้องบนช่างใจร้ายเหลือเกิน ที่ผ่านมาชีวิตของเธอยังลำบากไม่พอใช่ไหม ถึงต้องส่งคนร้ายกาจลงมาเยียบย่ำให้ตายทั้งเป็น
“เขาต้องการแค่ร่างกายของฉันเท่านั้น ฉันเกลียดเขา เกลียดที่สุด!”