ตอนที่ 1 พบเจอ
ณ ประเทศอังกฤษ
พนัส นักศึกษาปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ พนัสเรียนจบมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่เขายังไม่อยากกลับเมืองไทย เพราะกำลังศึกษาดูใจกับนักศึกษาไทยรุ่นน้องคนหนึ่งอยู่
ระหว่างที่พนัสมาอยู่ที่นี่นั้น เขาไม่เคยเปิดเผยตัวเองว่าเป็นคนมีฐานะ พนัสมักจะใช้ชีวิตธรรมดา แล้วการใช้ชีวิตแบบนี้ของพนัส จึงทำให้เขาถูกบอกเลิกครั้งแล้วครั้งเล่า
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พนัสเดินเข้ามาภายในร้านที่แฟนสาวนัดมาเจอกันที่นี่ พนัสคิดว่าเธอคงนัดมาทานข้าวตามปกติเท่านั้น แต่พอเขาเดินมาถึงโต๊ะที่แฟนสาวกำลังนั่งอยู่ เขาก็นั่งลงทันทีพร้อมกับยิ้มให้เธอเหมือนอย่างเคย แล้วเธอก็พูดขึ้นมาว่า
“นัส เราเลิกกันเถอะ” ผมขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคซ้ำๆแบบนี้บ่อยนัก ผมยอมรับว่าผมคาดหวังกับนิชาไว้มาก แล้วมันก็ไม่ได้เป็นแบบที่ผมคิดไว้สักเท่าไหร่ เพราะถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดเหตุการณ์วันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นระหว่างผมกับนิชา
“เพราะอะไรนิ” และทุกครั้งผมก็จะถามหาเหตุผลแบบนี้ทุกครั้งกับผู้หญิงที่บอกเลิกผม
“ตอนนี้นิเจอคนใหม่แล้ว เขาดีกว่านัสทุกอย่าง” ผมถอนหายใจแรงๆทิ้งหนึ่งที เพราะนี่มันเป็นประโยคเดิมๆที่ผมฟังมันจนชินชาแล้ว
“แล้วความรักของเราล่ะ” ผมพยายามถามหาความรัก ที่คิดว่ามันน่าจะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้
“ความรักมันกินไม่ได้หรอกนัส แฟนใหม่ของนิเขารวยมาก แล้วเขาก็ขอนิเป็นแฟนแล้วด้วย นิขอตัวก่อนนะ” เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินออกไปทิ้งให้ผมนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว
ผมคิดว่าผู้หญิงอย่างนิชาไม่น่าจะได้ความรักจากผมเลยด้วยซ้ำ ผู้หญิงจะเป็นเหมือนกันหมดทุกคนแบบนี้หรือเปล่านะ ผมพยายามเปิดโอกาสให้กับตัวเองมาโดยตลอด และพยายามมองผู้หญิงทุกคนแตกต่าง แต่สุดท้ายผมก็เจอแบบเดิมๆ ก็คือพวกเธอไม่เคยเห็นความรักของผมมีค่าเลย แล้วยังมาทำร้ายกันด้วยคำว่า เจอคนใหม่ที่ดีกว่า รวยกว่า แค่นั้นเหรอที่พวกเธอต้องการ
วันรุ่งขึ้นผมตัดสินใจเดินทางกลับเมืองไทย เพราะผมเรียนจบมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว และวันนี้ผมก็ได้กลับมาเหยียบที่เมืองไทยอีกครั้ง
ขณะที่ผมกำลังมองหาพี่ชายที่บอกว่าจะเป็นคนมารับผมด้วยตัวเอง ผมก็บังเอิญเดินชนกับผู้หญิงคนหนึ่งเข้า
“ปัก!!”
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า พอดีผมไม่ทันได้ระวัง” เธอเอ่ยขอโทษผม ผมก็เอ่ยขอโทษเธอเช่นกัน และดูเหมือนว่าทั้งผมทั้งเธอคงจะไม่ทันได้ระวังเหมือนกัน
“ฟ้าต้องขอโทษด้วยนะคะ ฟ้าไม่ทันได้ระวังเหมือนกัน ขอตัวก่อนค่ะ” จากนั้นเธอก็หยิบกระเป๋าแล้วเดินจากไป ส่วนผมก็พยายามมองหาพี่ภีร์ พี่ชายคนโตของผมต่อ
“ไอ้นัสทางนี้โว้ย” ผมเห็นพี่ภีร์โบกไม้โบกมือมาแต่ไกล
“สวัสดีครับพี่ภีร์ พี่มาคนเดียวเหรอครับแล้วพี่เข็มล่ะ” พี่เข็มก็คือพี่สาวอีกคนของผม ส่วนผมนั้นเป็นลูกคนเล็กของบ้าน
“อือพี่มาคนเดียว กว่าจะกลับมาได้นะ หน้าแห้งแบบนี้อกหักกลับมาหรือเปล่าเนี่ย” อะไรกันทักกันแบบนี้ อย่างกับเป็นหมอดูแน่…ผมคิดในใจพร้อมกับหรี่ตาจ้องมองไปที่พี่ชายคนโตของผม
“เปล่าครับ” ผมตอบเสียงเรียบพร้อมกับทำหน้าเฉยๆ เรื่องอะไรผมจะต้องยอมรับ เพราะผมไม่ได้เจ็บหนักขนาดนั้น แต่เอาเข้าจริงๆก็รู้สึกอยู่บ้างเหมือนกัน แต่...ช่างมันเถอะ
“เออเปล่าก็ดีแล้ว เรียนจบก็กลับมาช่วยกันทำงานบ้าง ตำแหน่งรองประธานบริษัทรอแกอยู่” พี่ภีร์พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม คงจะอารมณ์ดีที่เห็นผมกลับมา และคงคิดว่าผมจะไปช่วยพี่ภีร์ทำงาน แต่สำหรับผมยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย
“ไม่เอาครับ” ผมปฏิเสธเพราะตอนนี้ผมยังไม่อยากเข้าไปทำงานที่บริษัท ผมอยากหาประสบการณ์ก่อน และที่สำคัญผมยังไม่อยากให้ใครรู้จักผมในฐานะทายาทนักธุรกิจตระกูลดัง เพราะถ้าผมยอมเข้าไปแน่นอนว่าจะต้องมีพวกนักข่าวมาทำข่าวกันอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยต้องการ
“นั่นแน่ ไฟกำลังแรงใช่ไหม ถ้างั้นแกจะขึ้นเป็นประธานแทนพี่เลยก็ได้นะ ช่วงนี้อยากพักบ้างว่ะ” พี่ภีร์กำลังเข้าใจผมผิดอย่างแรง อย่าบอกนะว่าเข้าใจว่าผมอยากได้ตำแหน่งที่ใหญ่กว่า เปล่าเลยผมยังไม่อยากได้ตำแหน่งไหนทั้งนั้น
“เปล่าครับ ผมไม่เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ แล้วผมก็ยังไม่อยากไปทำงานที่บริษัทด้วย” พี่ภีร์หันมามองหน้าผมแบบไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ผมก็เลยต้องทำหน้าให้เศร้าลงอีกเผื่อว่าพี่ภีร์จะเห็นใจ
“อ้าวไอ้นี่...เรียนจบกลับมาแล้ว หมดเงินไปกี่ล้าน จบกลับมาแล้วก็ต้องมาช่วยกันทำงานซิวะ” ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วก็หันกลับไปพูดกับพี่ภีร์ต่อว่า...
“โธ่พี่...ผมยังไม่พร้อม ขอเวลาผมอีกหน่อยนะ” ผมรู้ว่าทุกคนที่บ้านกำลังรอให้ผมกลับไปช่วยทำงานอยู่ แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีอารมณ์นั้นเลย เฮ้อ...
“ชักพูดไม่เข้าหูแล้ว ไหนบอกมาสิว่าชาติไหนแกถึงจะพร้อม...ท่าทางแบบนี้อกหักกลับมาชัวร์” ตอนที่ผมเรียนจบใหม่ๆ พวกพี่ๆของผมก็ให้ผมรีบกลับ เพราะอยากให้ผมกลับมาช่วยทำงาน แต่ผมก็บอกว่าผมยังไม่พร้อมที่จะกลับ เพราะผมยังติดผู้หญิงอยู่นั่นเอง แต่พอมาถึงวันนี้ ผมอกหักกลับมา จะเอาใจที่ไหนไปทำงานได้ ก็ผมยังไม่พร้อมจริงๆนี่นา ว่าจะไปหาที่พักผ่อนเงียบๆสักพัก
“ครับ...ผมอกหักกลับมา ขอเวลาสักพักนะครับพี่” ผมอ้อนวอนเต็มที่ และผมก็รู้ว่าพี่ภีร์ใจดีกับผมเสมอ แต่ถ้าเป็นพี่เข็ม พี่สาวอีกคนของผม รายนั้นไม่ยอมท่าเดียว
“โอ๊ย...หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ ฐานะบ้านเราก็ดีขนาดนี้ ไหนบอกมาสิว่าผู้หญิงที่ไหนมันกล้าปฏิเสธน้องพี่” ผมจะไม่พอใจก็คำที่พี่ภีร์บอกว่าหน้าตาของผมพอไปวัดไปวาได้นี่แหละ
“ช่างมันเถอะครับพี่ ถ้าผมเจอผู้หญิงที่รักผมด้วยใจจริงเมื่อไหร่ ผมถึงจะยอมเปิดเผยฐานะทางบ้าน”
“เดี๋ยวอย่าบอกนะ ว่าพวกหล่อนคิดว่าแกจน...เงินก็มีหัดแต่งตัวให้มันสมฐานะบ้างซิวะ นี่ใส่กางเกงอะไร” ก็ยีนไงถามได้ เห็นแบบนี้ผมใส่เสื้อผ้ามีราคานะจะบอกให้ แต่พวกหล่อนตาไม่ถึงเอง อ่อแต่ราคาเสื้อผ้าของผมทั้งชุดก็คงจะสู้กางเกงชั้นในพี่ภีร์ตัวเดียวไม่ได้มั้ง
“ตัวนี้ห้าพันนะครับ...แต่ผมคงสู้พี่ไม่ได้หรอกครับ” ผมบอกราคากางเกงของผมให้พี่ภีร์ฟัง แล้วมันก็ทำเป็นขยับแบรนด์เสื้อผ้าของมันให้ผมดู น่าจะหลักแสน
“ใส่แล้วลอยได้ไหมครับพี่ ดูคนจนสิหลักร้อยเขาก็ยังใส่กันได้เลย” ผมว่าเสื้อผ้าแบรนด์หรูที่พี่ภีร์ใส่อยู่ มันแพงเกินความจำเป็นไปหน่อยไหมครับ สำหรับผมขอแค่เนื้อดีใส่สบายก็พอแล้ว
“แต่พี่ก็ไม่เคยถูกผู้หญิงทิ้งแบบแก” ฮึ! แล้วไงครับ ผมมองมันด้วยสายตาแบบ...ผมไม่สนใจ แล้วผมก็ไม่ได้อยากได้ผู้หญิงแบบที่พี่ภีร์เลือกด้วย
“ผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้รักพี่จริง พวกเธอรักที่เงินของพี่ต่างหาก”
“พี่ไม่สน พี่พร้อมจะซื้อความสุข”
“แล้วแต่พี่ภีร์เลยครับ แต่ผมไม่ชอบ แล้วผมก็จะอยู่ของผมแบบนี้” ให้มันรู้ไปว่าจะไม่มีผู้หญิงแบบที่ผมต้องการ โลกใบนี้ออกจะกว้างใหญ่ ผมจะเปิดใจให้ผู้หญิงทุกคนเดินเข้ามาในชีวิตของผม แล้วผมก็จะเป็นคนเลือกพวกเธอทีละคนเอง เฮ้อ...สุดท้ายผมก็ยังไม่ได้เลือก แต่พวกเธอได้เลือกก่อนทุกที เลือกที่จะเดินออกไปจากชีวิตของผมไง
“ไปขึ้นรถ แล้วแต่แกเลย ขอให้เจอนะผู้หญิงที่แกตามหาน่ะ จะมีอยู่บนโลกหรือเปล่าก็ไม่รู้” เมื่อคนขับรถเอากระเป๋าเสื้อผ้าของผมใส่รถให้แล้ว พี่ภีร์ก็เดินขึ้นรถตู้ไปก่อน ส่วนผมก็เดินตามพี่ภีร์เข้าไปนั่งใกล้ๆกัน
“ผมว่ามี”
“พี่จะคอยดู” แล้วผมจะพิสูจน์ให้พี่ภีร์ดูให้ได้ว่า ผู้หญิงแบบที่ผมต้องการมันจะต้องมีอยู่จริงบนโลกใบนี้