บทที่1หลังตึก

1616 Words
เสียงรองเท้าดังเอี๊ยดอ๊าดหลายเท้าเดินขวักไขว่ เสียงพูดคุยจอแจจับใจความไม่ได้มาจากรอบตัว หากกำลังอ่านหนังสือนิยายก็คงจะนึกถึงเหตุการณ์วุ่นวายในโรงพยาบาล ตลาดสด แต่ไม่ใช่แบบนั้นหรอก เพราะชีวิตจริงยิ่งกว่าใน นิยายซะอีก เพราะถึงเวลาพักเที่ยงของพนักงานแล้วน่ะสิ ... เสื้อคอบัวสีครีมตัดขอบด้วยสีน้ำตาเข้ม บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาทำงานอะไร ... ใช่แล้ว เป็นแม่บ้าน รองเท้าผ้าใบคัทชูทรงบัดดี้ เมื่อก่อนที่เคยเป็นสีขาวสะอาดตา นานวันไปก็กลายเป็นสีหมองตามปกติของคนทำงาน สองขาเรียวถือถาดอาหารเร่งฝีเท้าไปยังด้านหลังของตึก ท่าทีเร่งรีบราวกับว่ามีใครสักคนรอเธออยู่ กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาตามพื้นปูนคอนกรีต ในที่สุดก็ถึงด้านหลังของตึกโรงงานที่เธออยู่ สภาพหลังตึกอาคารนี้ไม่น่าดูเอาเท่าไหร่ แท็งก์น้ำใบใหญ่ พื้นหญ้าน้ำขังเฉอะแฉะ ยังดีที่มุมซ้ายของแท็งก์น้ำเป็นพื้นปูนคอนกรีตหยาบ ๆ เป็นที่ไว้พักพิงยามตะวันจ่อตรงกลางหัว อันที่จริง ห้องอาหารก็เป็นที่พักสำหรับพนักงาน แต่ถ้าหากอยากจะทำตามใจตนเองพาบุคคลภายนอกเข้ามาอาศัยด้วยก็คงจะดูเสียมารยาทไม่น้อย ร่างเล็กย่อตัววางถาดอาหารลงกับพื้นปูนตรงหน้า ก่อนจะเดินสาวเท้าตรงไปมุมด้านหลังของตึก "ฝัน มากินข้าวได้แล้วลูก" เสียงเล็กเอ่ยเรียกลูกชายตัวน้อย ที่เจ้าตัวพามาทำงานด้วยทุกวัน ลินได้ขออนุญาตจากทางโรงงานแล้วเพราะเป็นช่วงเดือนที่เด็กปิดเทอม เมษายน ฤดูร้อนปิดเทอมใหญ่ที่รักของเด็กนักเรียน รวมถึงเด็กน้อยอนุบาลวัยหกขวบคนนี้ด้วย คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่คนเดียวกลางเมืองกรุงคงมีตัวเลือกไม่เยอะ ลำพังเงินเดือนแม่บ้าน จะจ้างใครเขามาเลี้ยงลูกให้ เงินค่าอยู่ค่ากินค่าเช่าห้องคงไม่เหลือกันพอดี ถึงได้กระเตงลูกมาทำงานแบบนี้ทุกวัน ด้วยความที่เกรงใจเพื่อนร่วมงาน เกรงใจพนักงานในโรงงาน เธอเลือกที่จะให้ลูกมาหลบเล่นอยู่บริเวณหลังตึก เงียบสงบไม่มีผู้คน แต่สถาพแวดล้อมบริเวณนี้ก็พอที่จะเข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีผู้คนมาแถวนี้ แต่ถ้าให้ออกไปอยู่หน้าตึกก็กลัวว่าจะไปวิ่งเพ่นพ่านวุ่นวายกัน คงเป็นภาพที่ใครต่อใครก็มองว่าไม่มีมารยาทเอา . . มุมกำแพงหลังตึกโรงงาน เด็กชายตัวน้อยแก้มกลมนั่งพับเพียบในมือถือดินสอสีก้มตาก้มตาเขียนขยุกขยิกกับสมุดระบายสีที่คุณแม่ซื้อมาให้ "ฝัน" เด็กชายเงยหน้าขึ้นจากสมุดระบายสี พวงแก้มกลมสีแดงระเรื่อขึ้นสีชัดเพราะอากาศร้อน ดวงตากลมโตสบตากับคนเป็นแม่ ปากเล็กๆฉีกยิ้มร่า "แม่ แม่ดู" แขนเล็กทั้งสองข้างยืดจนสุดแขนมือน้อยๆชูสมุดวาดรูปขึ้น ให้มารดามมองดูรูปที่ตนวาด "ความฝันวาดคุณไดโนเฉา" พร้อมอธิบายสิ่งทีตัวเองบรรจงวาดให้ผู้เป็นแม่ฟัง "ครับ แม่เห็นแล้วน้องฝันวาดสวยจังเลย" "แต่ตอนนี้มากินข้าวกันก่อน วันนี้มีแกงจืดที่ฝันชอบด้วยนา" ปากเอ่ยชมผู้เป็นลูก อากาศร้อนอบอ้าวทำให้ใบหน้าของลูกชายตัวน้อยมีเหงื่อเม็ดเล็ดซึมตามไรผม ผู้เป็นแม่ใช้มือลูบผมที่ปรกหน้าให้ลูกชายขึ้น "อากาศร้อน ผมน้องฝันก็ยาวมากแล้ว เดี๋ยวแม่เลิกงานเราไปตัดผมกันนะ" แม่เอ่ยชวนเด็กน้อย เจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักอย่างรู้ความ พร้อมเก็บดินสอสีและสมุดไว้อย่างเป็นระเบียบเตรียมไปกินข้าวกลางวันกับผู้เป็นแม่ เดือนนี้ขึ้นชื่ออากาศร้อนเป็นที่หนึ่ง ผมยาวปรกหน้าปรกตา ขนาดเขาเป็นผู้ใหญ่ ทำงานเก็บผมเรียบร้อยยังกวนใจเลย เป็นเด็กก็คงรำคาญไม่สบายตัวน่าดู หลังพักกินข้าว ร่างเล็กผู้เป็นแม่กลับมาทำงานของตัวเองต่อ ปล่อยให้ลูกชายของตัวเองอยู่เล่นคนเดียวตามลำพังที่หลังตึกโรงงาน ไม่นานก็คล้อยหลับนอนกลางวันตามกิจวัตรของเด็ก นั่งนอนระบายสีรอแม่พักเที่ยง นอนกลางวัน ทำแบบเดิมอีกรอบรอแม่เลิกงานเช่นทุก ๆ อย่างรู้ความ . . แดดบ่ายแก่ ๆ สาดส่องลงมากระทบผิวแก้มของเด็กน้อย ทำให้คนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ขมวดปมคิ้มเล็กน้อย สองตากลมโตค่อย ๆ ลืมขึ้นช้า ๆ มือเล็กยกขึ้นมาขยี้ตาไม่กลัวว่าจะเจ็บหรือแสบ เจ้าตัวเล็กตื่นลุกขึ้นนั่งกวาดสายตามองซ้าย ขวา หลังจากที่นอนกลางวันไปหลายชั่วโมง รู้ดีว่าเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว แม่ใกล้จะเลิกงานแล้วนี่น่า สองขาหยัดยืนขึ้นเดินเตาะแตะ เก็บดินสอสีสมุดลงในกระเป๋านักเรียนใบจิ๋วที่ผู้เป็นแม่ซื้อให้แล้วนั่งรอแม่อย่างรู้งาน ไม่นานผู้เป็นแม่ก็เดินหอบข้าวหอบของตรงมาทางเจ้าตัวน้อย ความฝันลุกขึ้นยืนพร้อมข้าวขาเดินตรงไปหาแม่ "น้องฝันเก็บของเสร็จแล้ว" "เก่งมากเลยครับ กลับบ้านกัน" แขนป้อมชูขึ้นจับมือกับผู้เป็นแม่ สองแม่ลูกเดินลัดเลาะตามตรอกซอยหลังโรงงาน เพื่อที่จะทะลุไปถนนใหญ่ พาความฝันไปตัดผมตามที่แม่เอ่ยปากชวนไปเมื่อตอนกลางวัน เป็นเวลาหกโมงครึ่งท้องฟ้ายามพลบค่ำ สิ่งที่บ่งบอกว่าวันนี้ใกล้จะจบลงแล้ว แม่ลูกนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ หลังจากที่พาเจ้าตัวน้อยไปตัดผมเสร็จ "ฝันแกว่งขาบ่อย ๆ นะลูก เดี๋ยวยุงกัด" "ทำไมต้องแกว่งขาบ่อย ๆ ล่ะแม่ ?" เด็กน้อยเอียงคอถามแม่พร้อมส่งสายตาแบบไม่เข้าใจ "ก็ถ้าขยับตัวบ่อย ๆ ยุงก็จะบินหนี แต่ถ้าเราอยู่นิ่ง ๆ ยุงก็จะกัด" คนเป็นแม่พูดพลางใช้สายตาสำรวจร่างกายของลูกชายตัวน้อย "นี่ไง เห็นมั้ยยุงกัดจนได้" มือนิ่มจับแขนวาดฝันนิ้วโป้งเกลี่ยบริเวณที่โด่นยุงกัด พร้อมใช้เล็บจิกตุ่มยุงกัดเป็นรูปกากบาท "แม่ แม่ทำไมต้องทำแบบนี้ ?" เด็กน้อยพูดพลางเลียนแบบกิริยาของผู้เป็นแม่ที่ทำไปเมื่อครู่ หญิงสาวอมยิ้มกลั้นขำ หกขวบ วัยแห่งการขี้สงสัยเสียจริง "แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะสิ ตอนเด็ก ๆ คุณยายของฝันทำให้แม่ แม่ก็เลยทำตาม" . . ตึกแถวทรุดโทรม ถือเป็นแหล่งพักพิงของกลุ่มคนหาเช้ากินค่ำเช่นเดียวกับแม่ของความฝัน ภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ถ้าจะให้พรรณนาถึงความแคบของห้อง ให้เห็นภาพได้ง่ายที่สุดก็คงจะบอกได้ว่าห้องน้ำของที่โรงงานยังมีขนาดใหญ่กว่าห้องเช่าของเขาเสียอีก เดินจากหน้าประตูห้อง ก้าวขาไม่กี่ก้าวก็ถึงประตูหลังห้องแล้ว ความฝันนั่งระบายสีอยู่บนฝูกนอนเก่า ๆ ขนาดสามจุดห้าฟุตภายในห้อง หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จ มือเล็กขีดเขียนรูปลงบนกระดาษ พร้อมกับปากขมุบขมิบฮัมเพลงเรื่อยเปื่อยตามประสาเด็ก "แม่ถืออะไรมา ?" เด็กน้อยเอียงคอมองตาแป๋ว เอ่ยปากถามมารดาด้วยความสงสัย พร้อมกับลุกขึ้นเขย่งเท้าชะเง้อมองสิ่งที่แม่ของตนถือมา "เสื้อผ้ามาให้น้องฝัน มีคนใจดีบริจาคเสื้อผ้ามาให้ครับ" แม่อธิบายให้เจ้าตัวเล็กขี้สงสัยเข้าใจ พร้อมหยิบเสื้อผ้าจากในถุงกระดาษให้ดู ตากลมโตลุกวาวเป็นประกาย อ้าปากยิ้มกว้าง "ว้าว ตัวใหม่ทั้งนั้นเลยแม่ ! น้องฝันชอบทุกตัวเลย" ท่าทางเด็กน้อยยิ้มร่า มือสองข้างปรบมือระรัวอย่างดีใจ พนักงานในโรงงานที่แม่เป็นแม่บ้านอยู่บริจาคเสื้อผ้าของหลานชายแกให้กับความฝัน หลายตัวเต็มถุงเลย มีแต่เสื้อผ้าดี ๆ ทั้งนั้น ขอบคุณนะครับคนใจดี ฝันจะใส่ให้คุ้มเลย ... เด็กชายความฝันในวัยหกขวบ เสื้อยืดสีฟ้าอ่อนตัวเก่ง ที่แทบจะไม่เหลือเค้าโครงของสีฟ้าอยู่แล้ว เพราะถูกแทนดวยสีซีด เส้นด้ายที่หลุดรุ่ย ที่บ่งบอกถึงการใช้งานมาอย่างยาวนาน กางเกงขาสั้นตัวจิ๋วสีน้ำเงินก็เช่นกัน คนเป็นแม่อย่างลินมองแล้วก็รู้สึกละอายใจกับตัวเอง นึกอยากหาโอกาสซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ ให้ลูกชายใส่ก็ยังไม่มีโอกาสดี ๆ สักที ลำพังเงินที่ได้จากการทำงานก็เดือนชนเดือนตลอด ลินในวัยยี่สิบสามปีเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่ที่รู้ว่าตนเองท้อง ฝ่ายผู้ที่เป็นพ่อไม่ได้สนใจใยดีเลย พ่อแม่ของเธอก็เช่นกัน หอบลูกในท้องจากต่างจังหวัดมาหางานทำที่เมืองกรุง แต่เรียนไม่จบจะทำงานอะไรได้มากมาย นับเป็นเวลาสี่ปีแล้ว ความฝัน... เด็กน้อยผู้เป็นเหตุผลเดียวของการมีชีวิตต่อของเธอ ความฝันเลี้ยงง่าย ไม่เคยงอแงกับผู้เป็นแม่สักครั้ง นับเป็นโชคดีของเธอจริง ๆ ... . . . สวัสดีค่ะ นี่เป็นนิยายเรื่องแรกของเราเลย ภาษาการบรรยายอาจจะยังไม่ลื่นไหลมากนัก จะพยายามปรับปรุงแก้ไขค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ ❤️
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD