บทที่ 1 สายธาร นำพา

1464 Words
เสียงผู้คน หลากสำเนียง หลายภาษา รวมกันอยู่ ในสถานที่โบราณช่วงวันหยุด หลิวเฉิงเฉิงยืนห่างจากจุดขายตั๋วทางเข้าบริเวณหน้าพระราชวังสายตามอบรอบๆเพื่อกำหนดเป้าหมายในการเดินชม สมบัติจากประวัติศาสตร์ของแผ่นดินใหญ่ ปกติแล้วนักศึกษามหาลัยปีสุดท้ายเช่นเขาควรจะทุ่มเทเวลาให้กับการทำโครงการจบ แล้วเริ่มยื่นเอกสารหางานทำ หากแต่ว่าหลิวเฉิงเฉิง เป็นคนติดนิยาย หลังจากอ่านจบหนึ่งเรื่องก็ อ่านต่ออีกหนึ่งเรื่องทันที ทำให้ในวันหยุดของเขาส่วนใหญ่จะใช้เวลากับการอยู่ในห้อง ส่วนที่วันนี้เขามาโผล่บริเวณโบราณสถานได้ ก็คงเป็นเพราะนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่เขากำลังติดตามอยู่ ‘ตะวันดับสิ้นราชวงศ์ จันทราฉายไร้ราษฎร’ เป็นนวนิยายที่เล่าเหตุการณ์คล้ายหน้าประวัติศาสตร์จริงสมัยราชวงศ์ถัง แต่ก็ไม่เหมือนไปสะทั้งหมด โดยผู้เขียนนิยายนั้นใช้ภาษา และอธิบายเหตุการณ์บางอย่างที่ หลิวเฉิงเฉิงคาดว่า คงเป็นการแต่งเติมเพิ่มขึ้น อย่างละเอียด น่าติดตาม และ น่าประทับใจ โดยเขาจำได้อย่างแม่นยำว่ามีเหตุการณ์หนึ่งทำให้เขาประหลาดใจถึงที่สุด นั้นคือการแต่งชายาบุรุษเพื่อทำลายอำนาจ แต่สุดท้ายเพื่อรักษาอำนาจ ชายคนนั้นก็ต้องลาโลกไปอย่างไม่สมัครใจ ตัวละครนั้นจมอยู่ใต้สระบัว ถูกพันธนาการไว้ จวบจนร่างอืดเหม็นเน่าถึงได้ลอยขึ้นมา ช่างเป็นการเปิดตัวและปิดตัว ได้น่าจดจำ และแสนสงสารในเวลาเดียวกัน  กลับมาที่ปัจจุบัน ด้วยที่หลิวเฉิงเฉิงเป็นผู้ชายที่ตัวไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ ทำให้ทัศนวิสัยรอบข้าง ไม่ค่อยดี เขามองไปด้านหน้าก็เห็นแต่แผ่นหลังของนักท่องเที่ยว แดดก็ร้อนแสนร้อน หลิวเฉิงเฉิง ถอนหายใจให้กับความพยายามของตัวเองที่จะเบียดเข้าไปครั้งสุดท้าย สุดท้ายเขาก็ตัดใจ ไม่ไปดูสะพานโบราณที่กำลังเป็นนิยมในขณะนี้ ทันทีที่เขาหันหลังออกมา สายตาพลันประสานกับพระภิกษุที่ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ ข้างกำแพงโบราณสถาน ในยุคโลกาภิวัตน์ น้อยนักที่คนอายุ ยี่สิบกลางๆจะให้ความสำคัญกับ ศาสนาพุทธ แต่ไม่ใช่กับหลิวเฉิงเฉิง ทันทีที่เขาเห็นพระภิกษุ เขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปแสดงความเลื่อมใส ศรัทธา ด้วยการถวายน้ำสะอาดบรรจุขวด ที่ได้ซื้อมาเมื่อสักครู่ น้ำยังเย็นพอสมควร เหมาะกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวในวันนี้อย่างยิ่ง หลังจากได้รับบิณฑบาต พระภิกษุได้กล่าวบทสวด ก่อนมอบด้ายสีขาวให้หลิวเฉิงเฉิง เอ่ยว่า “จงสวมไว้ ด้ายนี้จะนำเจ้าไปสู่สิ่งที่เจ้าหวงแหนยิ่ง” ตะวันคล้อยต่ำ รอบโบราณสถานผู้คนเริ่มบางตา ทำให้หลิวเฉิงเฉิงกลับมายังสะพานกลางสระบัวอีกรอบ แน่นอนว่าที่เขาให้ความสนใจ ก็เพราะในนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่องนั้น เคยใช้เป็นฉากของตัวประกอบได้ตายที่นี่ แต่เมื่อวนกลับมา เขาถึงกับผิดหวัง เพราะผู้คนยังหนาตา หลิวเฉิงเฉิงก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่าสายมากแล้ว เขาจึงจำใจ พยายามแทรกตัวเบียดเสียดฝูงชนเข้าไปให้ได้เห็นความลึกของสระบัวนี้สักครั้ง หากแต่ว่า ทันทีที่เขาเบียดเข้าไปเห็นเบื้องหน้าว่าเป็นสระบัวที่ดำมืดน่าพิศวงได้ไม่ทันไร จากบรรยากาศที่ร้อนอบอ้าว กลับมีเมฆดำมืดปกคลุมทั่วผืนฟ้า ลมพัดกระหนำ นำพาฝุ่นลอยจากพื้นตลบ ขณะที่ฝูงชนเริ่มปั่นป่วน ตัวของหลิวเฉิงเฉิงก็ถูกดัน เท้าของเขาทรงตัวไม่อยู่ ทันใดนั้นก็เกิดพายุฝนกระหน่ำลงมา ตัวของเขาถูกผลักตกลงไปในสระบัว โดยไม่มีผู้คนสังเกตเห็น หลิวเฉิงเฉิงสำลักน้ำในสระ พยายามว่ายขึ้นฝั่ง แต่บัวในสระ มีมากเกินไป ขาของเขาถูกพันไปด้วยรากบัว ยิ่งดิ้น ยิ่งรัด ยิ่งรัด ยิ่งขยับตัวไม่ได้ ไม่รู้ว่าสำลักน้ำไปมากแค่ไหน จวบจนเขาต้องตัดใจ เพราะสติเรือนลางเต็มที่แล้ว เขาจึงเริ่มสั่งเสียกับตัวเองใต้น้ำที่มืดสนิท แม่ พ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจจะตายนะ ผมขอโทษ ไอ้เฉิน น้องเวร พี่ฝากแม่กับพ่อด้วยนะ เลิกติดเกมส์แล้วลงมาหาพ่อกับแม่บ้าง เจ้าปิงปิงแมวโง่ แกห้ามขี้ใส่ที่นอนนะ ไปขี้ใส่กะบะทราย รอพ่อแม่มารับแกไปเลี้ยงนะ  เปลือกตาของเขาปิดลง ลาก่อนหลิวเฉิงเฉิง สิ้นความคิดสุดท้ายเขาที่จำใจยอมตายใตน้ำ จู่ๆก็รู้สึกได้ว่ารากบัว ที่เคยพันธนาการตัวเขาได้คลายออก หลิวเฉิงเฉิงจึงรีบใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้าย ผลักดันตนเองขึ้นจากใต้น้ำได้สำเร็จ ทันทีที่ขึ้นมาเขาพบว่ารอบข้างมืดสนิท ความสะพรึงกลัวและน่าตกใจถาโถม เขาค่อยๆว่ายเข้าฝั่ง ด้วยสายตาที่หวาดระแวง แสงโคมไฟสว่างสรัวมาแต่ไกล ทันทีที่มือถึงขอบสระ เขาก็ดันตัวเองขึ้น และสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าเป็นชุดโบราณ ที่อุ้มน้ำไว้เต็มที่ เสียงรอบข้างเงียบสงบ ไร้แสงตะวัน มองซ้าย ไม่พบ แลขวา ไม่เห็น เสาไฟที่เคยมี เวลาในช่วงบ่าย ฝนที่กำลังตก ผู้คนที่แตกตื่น แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรสักอย่าง เขาเริ่มรู้สึกว่าจิตใจเขาเริ่มมีแต่ความหวาดกลัวที่ค่อยๆเกาะกิน “คุณชายน้อย คุณชายเจ้าคะ” เสียงสตรีนางหนึ่งดังเข้ามาใกล้ “คุณชาย จางเฉิง” สิ้นเสียงเรียกชื่อ เขาสะดุ้งเฮือกด้วยความพลันพรึง เพราะชื่อที่เขาได้ยินคือชื่อของชายาบุรุษที่ตกน้ำในสระตายไม่ใช่หรือ ทนใดนั้นเขาก็เห็นกลุ่มคนแต่งกายชุดโบราณในช่วงราชวงศ์ถังวิ่งตรงมาทางเขา “ชายาท่านแม่ทัพอยู่ที่นั้น” ชายาแม่ทัพ สระบัว จางเฉิง นั้น พวกเขาหมายถึงผมเหรอ เพราะพวกเขาวิ่งมาทางนี้ วิ่งมาหาผม … บ้า บ้าไปแล้ว… อย่าบอกว่าผมทะลุมิติมาที่นี่ ! ในนิยายออนไลน์ แถมยังเป็นตัวเคราะห์ร้ายรับกรรม ! สิ้นความคิดนั้น หลิวเฉิงเฉิงก็รู้สึกเย็นมาตั้งแต่เท้าจรดปลายจมูก ลมหายใจแผ่วบางเต็มที่ หายใจไม่ออก และหมดสติไปทันที ฉางอัน ราชวงศ์ถัง จวนโหว ยามห้าย ดาราประดับทั่วผืนคคนานต์ ภายในจวนโหวรอบบริเวณประดับประดาไปด้วยผ้าแดงหลากเฉกหลายผืน กลางโถงเรือนมีคุณชายใบหน้าเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยกลิ่นแห่งความดุดันกำลังหมุนชาในถ้วยด้วยความสงบนิ่ง หากแต่ดวงตาของเขาสุดแสนเลื่อนลอยและไร้ประกาย เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ หลังจากกลับจากการรบที่เมืองซานตง เย่ว ตงหยาง แม่ทัพแห่งประจำราชวงศ์ ถัง ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา เขาเห็นเลื่อนลาง บ้างก็ไม่เห็นสิ่งใด ความเงียบในจวนถูกทำลายด้วยเสียงเดินของคนสองคน ก่อนจะตามด้วยเสียงเข่าสัมผัสพื้น “ท่านแม่ทัพ” พวกเขาทั้งสองยกมือขึ้นผสาน “คน…ตายหรือไม่” ผู้ที่ถูกขนามนามว่า ท่านแม่ทัพ เปล่งวาจาไร้ซึ่งความปราณี และขาดเมตตาจิต เขาเอ่ยถามเรื่องความตายของมนุษย์เฉกเช่นผักปลา “ไม่ขอรับ” “ไม่ตาย ก็อยู่เหมือนตายทั้งเป็น” “เห็นว่าขึ้นจากสระบัวได้ก็สิ้นสติ หาก…” ไม่ทันได้พูดมากกว่านี้ เสียงโวยวายของผู้คนก็ดังโหวกเหวก พ้นประตูจวนเข้ามาก็เห็นเป็นคุณชายน้อยที่อายุพึ่งย่างสิบเจ็ดปี ร่างกายบอบบางเสียยิ่งกว่าอะไร ถูกห่ามขึ้นหลังของคนงานชายรีบวิ่งเข้ามาในจวนโหว “เกิดอะไรขึ้น” แม่ทัพแสร้งสอบถาม “ท่านแม่ทัพเจ้าคะ พระชายาได้รับพระเมตตาจากฮ่องเต้ พระองค์รับสั่งมอบยาลูกกลอนรักษาอาการป่วย หม่อมฉันจึงตามกงกงไปรับของพระราชทาน เมื่อกลับมา นางในก็แจ้งว่าพระชายวิ่งตามผีเสื้อไปหลังวัง เมื่อไปถึงก็เห็นเนื้อตัวเปียกปอนสลบอยู่ข้างสระบัวเจ้าค่ะ” “พาพระชายาไปที่ห้อง แล้วตามหมอ” เย่ว ตงหยาง เอ่ยตัดน้ำเสียงตื่นตกใจของแม่นมจากสกุลจางที่ติดตามมาดูแล ชายาบุรุษ ของตน ที่เมื่อวานพึ่งเข้ารับพิธีอภิเษก หากแต่ว่า ในงานเต็มไปด้วยเสียงเย้ยหยัน คนหนึ่งพิการตาบอด คนหนึ่งปัญญาอ่อนน้ำลายไหลเป็นทาง น่าขบขันยิ่งกว่าอะไรดี! พระชายาแม่ทัพเป็นปัญญาอ่อน ส่วนแม่ทัพที่เคยเกรียงไกรบัดนี้ก็พิการไปเสียแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD