เวลาช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อธาราและภูผาต่างช่วยกันเก็บของๆ ฝ่ายหญิงให้เข้าที่เรียบร้อย ธาราพยายามซึมซับบรรยากาศโดยรอบเพื่อสร้างความคุ้นเคยซึ่งก็ทำได้ไม่ยากเมื่อเห็นข้าวของที่คุ้นตาถูกวางตกแต่งไว้ในห้องใหม่ห้องนี้ หญิงสาวยกมือขึ้นซับเหงื่อก่อนจะเดินตรงไปยังส่วนของห้องครัว เธอรินน้ำเปล่าใส่แก้วจำนวนสองแก้วก่อนจะกลับมาหาร่างสูงที่เพิ่งแขวนรูปบนผนังให้เข้าที่เรียบร้อย
“น้ำค่ะพี่ภู” หญิงสาวยื่นแก้วน้ำในมือข้างหนึ่งให้ ภูผายิ้มบางก่อนจะยกขึ้นดื่มจนเกือบหมดแก้ว
“ขอบใจนะน้ำ”
“น้ำสิคะที่ต้องขอบคุณพี่ภู ถ้าไม่มีพี่ภูน้ำคงจะต้องแย่กว่านี้ ผู้หญิงอะไรทำงานบ้านสู้ผู้ชายอย่างพี่ภูก็ไม่ได้” ธาราหน้าสลดเมื่อคิดถึงท่าทีเงอะงะของเธอ สำหรับหญิงสาวที่เกิดมาท่ามกลางความสบายและมีคนคอยรับใช้อยู่ตลอดเวลา การทำสิ่งเหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
“ไม่เป็นไรหรอกน้ำ เรื่องเล็กน้อยเอง” ภูผาปลอบใจด้วยถ้อยคำที่ไม่เกินจริง เมื่อตัวเขาเองนั้นต้องเดินทางไปต่างประเทศและใช้ชีวิตเพียงลำพังอยู่บ่อยครั้งจึงทำให้ต้องดูแลตัวเองอยู่เสมอจนเคยชิน
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ น้ำก็ยังเกรงใจอยู่ดี เอาอย่างนี้ดีไหมคะ นี่ก็ใกล้เย็นแล้ว เดี๋ยวน้ำทำอาหารให้พี่ภูกินนะคะ” ธารากระตือรือร้นนำเสนอสิ่งที่เธอถนัด คนฟังเองก็มีท่าทีสนใจอย่างเห็นได้ชัด
“เอาสิ พี่ไม่ได้กินฝีมือน้ำมานานแล้ว เดี๋ยวพี่เป็นลูกมือด้วยละกันนะ”
“หืม...พี่ภูพักเถอะค่ะ เดี๋ยวน้ำจัดการเอง”
“ช่วยกันน่ะดีแล้ว จะได้เสร็จเร็วๆ ไง เพราะตอนนี้พี่ก็ชักหิวแล้ว” ภูผาลูบท้องของตนเพื่อยืนยันคำพูด ธาราจึงหัวเราะให้กับท่าทางของเขา
“ก็ได้ค่ะ ช่วยกันก็ได้ แต่พี่ภูห้ามแย่งงานน้ำอีกนะคะ”
“ครับผม”
ทั้งสองหัวเราะให้กันอีกครั้งก่อนจะเริ่มคิดเมนูอาหารจากวัตถุดิบที่ภูผานำมาเตรียมไว้ให้หญิงสาวจนแน่นตู้เย็นในห้อง เพียงไม่นานกลิ่นหอมก็ลอยอบอวลไปทั่วตามมาด้วยอาหารหน้าตาน่าทานที่ช่วยเรียกน้ำย่อยของคนมองได้อย่างดี
“ลองชิมดูก่อนนะคะพี่ภู จริงๆ น้ำก็ไม่ได้ทำอาหารมานานแล้ว ไม่แน่ใจว่าจะยังกินได้เหมือนเดิมไหม” ธาราจ้องอย่างลุ้นๆ เมื่อภูผาค่อยๆ ชิมอาหารของเธอทีล่ะอย่างจนครบ
“อืม...” คิ้วหนาแสร้งขมวดเข้าหากันก่อนที่ชายหนุ่มจะส่งยิ้มให้ “อร่อยมาก น้ำยังทำอาหารอร่อยไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“เฮ้อ...ค่อยยังชั่ว นอกจากวาดรูปแล้ว ก็มีเรื่องนี้ล่ะค่ะที่น้ำพอทำได้” ธาราทำท่าโล่งอกเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นเยอะ
“ไม่ใช่แค่พอทำได้หรอก แต่ทำได้ดีเลยล่ะ”
“ขอบคุณนะคะ งั้นเราลงมือกันเลยดีกว่าเนาะ”
ภูผาพยักหน้าแต่เสียงเคาะประตูห้องก็ทำให้ทั้งสองหยุดมือ
“หรือว่า...” ธาราระบายยิ้มก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องพัก “พี่คี”
เจ้าของห้องโผกอดคนรักที่อ้าแขนรอด้วยความดีใจจนแน่น อัคคีซบใบหน้าเข้ากับเรือนผมนุ่มก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆ คลายอ้อมกอดเพื่อพูดคุยกัน
“เป็นยังไงบ้างคะน้ำ ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”
“ค่ะ พี่ภูช่วยน้ำจัดห้องจนเรียบร้อยเลย ตอนนี้เรากำลังจะกินข้าวกัน พี่คีกินอะไรมาหรือยังคะ”
“ยังเลยค่ะ พี่รีบตรงมาหาน้ำด้วยความคิดถึงเลยนะ” ฝ่ายชายบีบจมูกคนรักเบาๆ อย่างหยอกเย้า ธาราจึงเอียงคอหนีอย่างเขินอาย
“ถ้าอย่างนั้นมากินด้วยกันนะคะ เดี๋ยวน้ำเตรียมข้าวกับน้ำให้ รอแป๊บนะคะ” ธาราจัดแจงพาอัคคีไปนั่งยังที่นั่งตรงโต๊ะกินข้าวข้างๆ ตนก่อนจะแยกตัวไปทางห้องครัวเหลือไว้แค่ชายหนุ่มทั้งสองเพียงลำพัง
“น้ำดูสดใสขึ้นมาก คงเพราะแกช่วยพูดอีกล่ะสิ” อัคคีที่เพิ่งถอนสายตาออกจากคนรักหันกลับมาพูดกับเพื่อนที่มักจะหาถ้อยคำมาปลอบใจน้องน้อยของพวกเขาจนหายทุกข์ใจได้เสมอ
“ฉันแค่ไม่อยากเห็นน้ำเศร้านานๆ” ภูผาเอ่ยสั้นๆ พยายามทำใจให้ชาชินกับภาพบาดตาเมื่อครู่แม้จะไม่ง่ายเลยก็ตาม
“ยังไงก็ขอบใจแกมากนะที่ช่วยดูแลน้ำแทนฉัน จากนี้ไปคงไม่มีอะไรต้องรบกวนแกแล้วล่ะ เรื่องห้องนี้ก็เหมือนกัน อีกไม่นานน้ำก็คงจะไปอยู่บ้านฉันอย่างที่เคยคุยกันเอาไว้”
คนฟังยิ้มรับ เก็บอาการอื่นๆ ไว้อย่างมิดชิด ไม่นานธาราก็เดินกลับมาที่โต๊ะและทุกคนจึงเริ่มลงมือทานอาหารมื้อแรกในห้องเล็กๆ ที่เป็นบ้านใหม่ของหญิงสาวที่เป็นดังดวงใจของพวกเขา
“ฝีมือน้ำยังเยี่ยมเหมือนเดิมเลยนะคะ” อัคคีชมคนรักปิดท้ายเมื่อกับข้าวทุกจานหมดเกลี้ยงจนไม่เหลือ ธาราจึงยิ้มกว้างให้กับคำชมนั้น
“จะว่าไปขนมฝีมือน้ำพี่ก็ไม่ได้กินมานานแล้วเหมือนกัน ว่างๆ ทำให้กินหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิคะ เดี๋ยวน้ำทำเผื่อพี่ภูด้วยนะคะ”
“ขอบใจจ้ะ” ภูผาตอบก่อนจะกดรับโทรศัพท์ของตนที่ส่งเสียงร้องขึ้นมา
“ครับพ่อ...ได้ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มวางสายอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยกับคนร่วมโต๊ะ “ฉันคงต้องกลับก่อน พี่ไปก่อนนะน้ำ”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่ภู” ธาราส่งท้ายพร้อมกับเดินไปส่งภูผาที่ประตูพร้อมกับคนรัก ชายหนุ่มจึงหันมาบอกลาอีกครั้งก่อนจะออกจากห้องไป
“ถ้าไม่ได้ไอ้ภูเราคงแย่...” อัคคีเอ่ยขึ้นมาก่อนจะหันกลับมาสบตาหญิงสาวข้างกายพร้อมกับโอบเอวของเธอไว้หลวมๆ “พี่ขอโทษนะคะน้ำที่พี่เปลี่ยนใจให้น้ำมาอยู่ที่นี่ แต่พี่เป็นห่วงน้ำจริงๆ นะ”
“น้ำเข้าใจค่ะพี่คี น้ำต้องขอบคุณพี่คีต่างหากล่ะคะที่ช่วยคิดแทนน้ำ ช่วงนี้น้ำสับสนมาก เลยอาจจะคิดไม่ทันว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ ดีนะคะที่น้ำได้พี่คีคอยดูแลแบบนี้” ธาราเอ่ยอย่างใจเย็นเข้าใจดีถึงเหตุผลที่คนตรงหน้าเป็นห่วงว่าคนอื่นอาจจะมองเธอไม่ดีหากย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเดียวกับเขาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงาน... ทางออกนี้จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้ก่อนที่เส้นทางของทั้งสองจะกลายเป็นเส้นทางเดียวกันอย่างสมบูรณ์
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงพี่ก็จะอยู่ข้างน้ำเสมอนะ” ชายหนุ่มรั้งร่างของคนรักให้มาอยู่ในอ้อมอกอีกครั้ง ท่าทางคลายใจขึ้นเมื่อธาราเข้าใจอะไรได้ง่ายโดยเฉพาะเหตุผลปลอมๆ อย่างที่เขาหวังไว้
“แล้ววันนี้งานของพี่คีเรียบร้อยดีไหมคะ”
ร่างสูงเกร็งขึ้นมาวูบหนึ่ง รวดเร็ว...จนคนในอ้อมแขนไม่ทังสังเกต
“เอ่อ...เรียบร้อยค่ะ เรียบร้อยดี” อัคคีหลบตาก่อนจะพาเปลี่ยนเรื่อง ”ไหน...ขอพี่สำรวจหน่อยสิ ว่าห้องใหม่เป็นยังไงบ้าง”
“ได้สิคะ”
อัคคีทำเป็นเดินไปยังมุมต่างๆ ทั้งๆ ที่เขาเองก็เคยมีโอกาสเข้าออกห้องนี้มาแล้วเช่นกัน ห้องนี้กว้างกว่าหนึ่งร้อยตารางเมตรจึงถูกจัดไว้เป็นสัดส่วนอย่างเรียบร้อย เมื่อเปิดเข้ามาจะพบกับห้องนั่งเล่นซึ่งฝั่งขวาจะมีทางออกไปยังระเบียงที่สามารถมองวิวได้จากมุมสูงและสวยงามอย่างที่หลายคนใฝ่ฝัน ทางฝั่งขวาจะเป็นส่วนของห้องกินข้าวและห้องครัวที่อยู่ลึกเข้าไป ด้านในสุดหากเดินตรงผ่านห้องนั่งเล่นมาจะเป็นห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกันโดยมีห้องน้ำคั่นกลาง เพียงแต่ตอนนี้ภูผาดัดแปลงให้ห้องๆ หนึ่งกลายเป็นห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์วาดภาพไว้ใช้สำหรับงานอดิเรกของเจ้าของห้องคนใหม่
“สมกับเป็นไอ้ภู ดูก็รู้ว่าทั้งห้องนี้ถูกจัดมาให้น้ำ” อัคคีพูดขึ้นเมื่อสำรวจทุกห้องเรียบร้อยจนมาถึงห้องนอนของหญิงสาวเป็นห้องสุดท้าย
“นั่นสิคะ พี่ภูรู้ใจน้ำตลอด” ธารามองห้องนอนโทนสีชมพูของเธอด้วยความชื่นชมอีกครั้งจนทำให้คนฟังตาวาวก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“หืม...แล้วพี่ล่ะคะ รู้ใจน้ำมากไหม”
ดวงตาแวววับของชายหนุ่มทำให้ธาราเลือกจะหลบสายตาก่อนจะทำท่าเดินหนี
“พี่คีก็...”
“จะหลบไปไหนคะ”
“ว้าย” ร่างเล็กอุทานเมื่ออยู่ๆ ชายคนรักก็คว้าแขนของเธอจนทำให้เธอเสียหลักล้มลงไปบนเตียงโดยมีร่างหนาล้มตามลงมาคร่อมตัวของเธอไว้ ใบหน้าของเธอทั้งตกใจและตื่นตระหนก แต่คนที่อยู่เหนือกว่ากลับยิ้มกริ่มก่อนจะก้มหน้าลงมาประชิดใบหน้านวลช้าๆ
“ตกลงว่าพี่รู้ใจน้ำมากกว่าไอ้ภูไหมคะ” อัคคีถามเสียงพร่าใช้จมูกของตนปัดป่ายจมูกเล็กด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงไปอีกเพื่อหวังจะครอบครองริมฝีปากฉ่ำหวานที่กำลังยั่วยวนใจตน
“อย่าค่ะพี่คี” ธาราที่รวบรวมสติอันน้อยนิดของตนจนสำเร็จยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปากของตัวเองเอาไว้ ใบหน้าคมชะงักวูบก่อนจะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ อัคคีใช้มือของตนจับมือบางขึ้นมาไล่จูบทีละนิ้วแล้วก้มลงสูดความหอมที่ข้างแก้มนวลของร่างบางที่กำลังตัวสั่นน้อยๆ ก่อนจะหักใจคว้าร่างนุ่มนิ่มมากอดไว้แค่เพียงเท่านั้น