ธาราเดินเข้าโรงแรมและตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงด้วยท่าทางเหม่อลอย มือบางกำการ์ดสีชมพูในมือแน่นยังคงรับไม่ทันกับความจริงที่ได้เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ อัคคีแต่งงาน...กับรสสุคนธ์เพื่อนสนิทของเธอ หญิงสาวเดินไปตามเส้นทางในขณะที่ร่างของเธอสั่นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้เห็นป้ายบอกทางที่ถูกตั้งไว้เป็นระยะซึ่งมีชื่อของบ่าวสาวของค่ำคืนนี้ปรากฏอยู่ในนั้น
“เจ้าบ่าวเจ้าสาวทางนี้ครับ” เสียงช่างภาพคนหนึ่งดังขึ้นและเรียกให้ธาราหันไปมอง เธอจึงได้เห็นภาพของคนรักหนุ่มที่กำลังประคองเพื่อนของเธอเข้าไปยืนยังซุ้มบริเวณหน้างาน ก่อนที่ฝ่ายชายจึงโอบฝ่ายหญิงไว้ในอ้อมแขนเพื่อให้ช่างภาพอีกนับสิบชีวิตถ่ายรูป
“ใกล้กันอีกนิดครับ”
อัคคียกยิ้มก่อนจะตอบรับคำขอนั้น คนมองแทบจะทรุดลงไปกับพื้นเมื่อเห็นสีหน้าชื่นมื่นของคู่บ่าวสาวและความสนิทสนมของคนทั้งคู่
“ไม่จริง...พี่คี...”
“น้ำ...” ภูผาที่ก้าวมาจากอีกด้านเอ่ยเรียกหญิงสาวที่ดูผ่ายผอมและทรุดโทรมไปจากเดิมมากและเสียงของเขาก็ดังพอที่จะทำให้คู่บ่าวสาวที่ยืนคู่กันอยู่ได้ยินด้วย
“น้ำ...” อัคคีตัวชาเอ่ยเรียกภรรยาสาวที่กำลังมองมาที่เขาอย่างปวดใจ ร่างบางที่กำลังซวนเซค่อยๆ ก้าวถอยจากภาพบาดตาของคู่ชายหญิงที่กำลังยืนสวมกอดกันอยู่ตรงหน้า ธาราหมุนตัวหันหลังและเริ่มก้าวเดินก่อนจะกลายเป็นวิ่ง มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลกลบหน้าเมื่อความหนึบชาในใจจางหายกลายเป็นความเจ็บช้ำเข้ามาแทนที่ เสียงวิ่งตามและเสียงร้องเรียกทำให้หญิงสาวพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อหวังจะไปให้พ้นจากคนหลอกลวงที่เหยียบย่ำทำร้ายหัวใจเธอ
นี่หรือ...ผลตอบแทนจากรักแรกที่เธอมอบให้ชายเพียงคนเดียวที่เธอยึดไว้ในชีวิต
ภาพวันวานแสนหวานที่เร่งเร้าเข้ามาในความคิดบีบรัดหัวใจของหญิงสาวให้ยิ่งแตกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งคำรักที่เขาพร่ำบอก สัมผัสอ่อนหวานที่ยังคงตราตรึงเธอไปทั่วทั้งร่างที่จากนี้คงไม่มีอีกแล้ว สิ่งที่เธอเกิดขึ้นในวันนี้มันทำให้เธอรู้ซึ้งอย่างชัดเจนแล้วว่าทุกอย่างเป็นเพียงแค่มายาที่ใช้หลอกล่อให้เธอทนอยู่ในมุมลับๆ ของตนเองราวกับคนโง่งมงายเท่านั้น เขาหลอกเธอ พี่คี...ชายคนรักที่เคยมีแค่เธอคนเดียวในชีวิตคนนั้นเขาได้หายไปแล้ว...
“น้ำ...ฟังพี่ก่อนนะ ฟังพี่ก่อน” อัคคีที่วิ่งตามมาติดๆ พยายามร้องเรียกหญิงสาวที่ไม่เคยหันหลังให้เขา ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเผือด ใจยังไม่อาจรับมือกับความผิดพลาดที่ไม่ได้เตรียมการเอาไว้ ถัดจากเขาไปมีภูผาและรสสุคนธ์ที่กำลังตามมาติดๆ เช่นกัน
“ปล่อยน้ำนะคะพี่คี ปล่อย...” ธาราโวยวายเมื่อถูกรวบเข้าไปไว้ในอ้อมกอดของคนที่ทำร้ายเธออย่างเลือดเย็นได้สำเร็จ มือทั้งสองข้างทุบไปตามร่างหนาพร้อมกับพยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งต่อต้านเขาก็ยิ่งกอดเธอแน่น แต่แล้วอัคคีก็ต้องเสียหลักเมื่อถูกมือหนาของภูผาที่วิ่งตามมาทันจับแยกออกจากธาราและเหวี่ยงเขาออกไปอย่างแรง
“พี่คีคะ” รสสุคนธ์ในชุดเจ้าสาวผวาเข้าไปช่วยชายหนุ่มที่ล้มลง หญิงสาวประคองเขาด้วยความห่วงใย แต่ก็แอบตวัดสายตาสมใจยามที่มองใบหน้าของธาราที่อยู่ภายใต้การปกป้องของภูผาในยามนี้
“ถอยไปซะไอ้ภู นี่มันเรื่องของฉันกับน้ำ”
“แกต่างหากที่ต้องถอย ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าจากนี้ไปฉันจะไม่ถอยอีก”
“แต่นี่มันเรื่องของฉันกับน้ำ”
“เหอะ...แกลืมเจ้าสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังแกไปอีกคนหรือไง”
“ไอ้ภู!”
“พี่คีคะ” รสสุคนธ์รีบคว้าแขนเจ้าบ่าวของตน “พิธีช่วงเย็นใกล้จะเริ่มแล้วนะคะ ป่านนี้คุณพ่อกับอาอรรถคงกำลังคอยเราอยู่นะคะ”
อัคคีชะงักไปทันทีที่ได้ยินคำเตือนนั้น ธารามองคนทั้งคู่อย่างปวดร้าวแล้วซุกตัวเข้าหาภูผาที่ใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดเธอไว้
“น้ำคะ...”
“พี่คีคะ” รสสุคนธ์เรียกเจ้าบ่าวของตนอีกครั้งด้วยเสียงที่เข้มขึ้นจนทำให้ขาที่กำลังจะก้าวของอีกฝ่ายค้างอยู่กับที่ อัคคีเม้มปากแน่น ท่าทางครุ่นคิดหนักมองคนรักที่อยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนด้วยแววตาสับสน ก่อนจะตัดใจถอยห่างออกมา
“กลับไปรอพี่นะน้ำ รอพี่...ที่บ้านของเรานะคะ แล้วพี่จะรีบไปหา” อัคคีเว้าวอนทิ้งท้ายก่อนจะรีบหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิมทันที รสสุคนธ์ปรายตามองเพื่อนสาวอย่างเฉยชาก่อนจะรีบก้าวตามไป ธาราตัวสั่น เจ็บไปทั้งใจจนไม่สามารถวิงวอนหรือพูดอะไรได้อีก น้ำตาที่เหือดแห้งไปไหลลงมาใหม่ช้าๆ ก่อนจะพรั่งพรูออกมาอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้
เขาไปแล้ว...เขาไปแล้วจริงๆ...
สุดท้ายผู้ชายที่พูดพร่ำว่ารักเธอก็ทิ้งเธอและคำว่ารักเอาไว้ตรงนี้พร้อมกับคำสัญญาที่เลื่อนลอยอย่างเคย...