4 บทที่ 4 (3)

1181 Words
อัคคีสำรวจดูความเรียบร้อยของห้องนอนด้วยความพึงพอใจเมื่อเห็นว่าทุกอย่างที่เขาสั่งไว้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ห้องๆ นี้เป็นห้องที่เขาคิดเตรียมไว้ให้ธาราที่จำเป็นจะต้องย้ายออกจากบ้านหลังเดิมในวันพรุ่งนี้ เขาเลือกห้องที่อยู่ติดกับห้องนอนของอัณณาเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป ชายหนุ่มใช้มือลูบไล้ไปบนผ้าปูที่นอนสีชมพูหวานสีโปรดของว่าที่เจ้าของห้องคนใหม่ด้วยรอยยิ้มบางเบาเมื่อเริ่มคิดถึงคนรักของตน “ทำอะไรกันอยู่ จัดห้องใหม่ทำไม” อรรถพลที่ยืนอยู่หน้าห้องมองเข้ามาอย่างแปลกใจ “อ้าว...พ่อมาพอดี ผมกับอัณคิดกันว่าจะให้น้ำมาอยู่บ้านเราน่ะครับก่อนที่ธนาคารจะเข้าไปยึดบ้าน ก็เลยสั่งให้เด็กจัดเตรียมห้องก่อนน่ะครับ” “อวดดี ใครบอกให้แกพาน้ำเข้ามาอยู่ที่นี่ฮะ” เจ้าของบ้านตัวจริงขึ้นเสียงสาวเท้าเข้าหาลูกชายด้วยความไม่พอใจ รอยยิ้มของอัคคีจึงเลือนหายกลายเป็นความหงุดหงิดเข้ามาแทนที่ “ทำไมครับพ่อ ทำไมน้ำจะมาอยู่กับเราไม่ได้ในเมื่อน้ำเป็นคู่หมั้นของผม ไม่ต้องให้มีใครบอก ผมก็คิดเองของผมได้” “แล้วฉันเคยอนุญาตให้พวกแกหมั้นกันหรือไง” คนฟังสวนกลับ “ไอ้ที่ไปทำกันเองลับหลังน่ะ ฉันไม่นับหรอกนะ” “พ่อ...นี่พ่อหมายความว่ายังไง” อัคคีหน้าเสีย ในใจเริ่มหวาดหวั่นขึ้นมา “ไม่ต้องห่วงนะลูกรัก แกได้แต่งงานแน่ๆ แต่...เจ้าสาวของแกจะไม่ใช่ผู้หญิงไร้ประโยชน์อย่างน้ำนะ” อรรถพลแสยะยิ้ม อัคคีใจหายวาบเมื่อรอยยิ้มของพ่อน่ากลัวเหลือเกินในความคิดของเขา “ว่าที่เจ้าสาวของแกคือหนูรสต่างหาก หนูรสสุคนธ์...ลูกสาวของท่านเกรียงไกร” “เป็นไปไม่ได้” อัคคีสวนกลับเสียงดัง “รสเป็นเพื่อนของน้ำนะพ่อ แถมเขาก็รู้ด้วยว่าผมกับน้ำเป็นแฟนกัน เขาไม่มีวันเห็นด้วยกับความคิดบ้าๆ ของพ่อหรอก” “จะเห็นด้วยหรือไม่ฉันกับพ่อของเขาก็ตกลงกันแล้ว ยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับเขา” คนเป็นพ่อยิ้มอย่างเป็นต่อ ในขณะที่คนฟังแทบเซ “อะไรนะ...นี่พ่อทำแบบนี้ได้ยังไง ทำไมพ่อไม่ถามผมก่อน” “ทำไมฉันจะต้องถามในเมื่อเรื่องนี้มันก็ดีต่อตัวแกเองทั้งนั้น แกฟังฉันนะไอ้คี แกจำเป็นต้องมีคู่ครองที่ช่วยส่งเสริมแก คนที่จะช่วยให้แกและบริษัทของเราเจริญก้าวหน้า ลำพังแค่แกคนเดียว แกคิดว่าแกเก่งพอจนเอาตัวรอดได้แล้วเหรอ คิดให้ดีๆ ทุกวันนี้ถ้าไม่มีปีกของฉัน ใครจะมาสนใจแกบ้างจริงไหม” อรรถพลจี้จุดด้วยคำพูดที่รู้ดีว่าเป็นปมที่ติดอยู่ในใจของบุตรชาย อัคคีขบกรามแน่นแม้จะถูกความจริงตอกหน้าแต่ภาพของธาราก็ทำให้เขายังไม่อาจจะยอมรับได้ “แต่ผมรักน้ำและผมสัญญากับอาธีไปแล้วด้วย เรื่องนี้เราก็ตกลงกับอาธีตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะเสีย อยู่ดีๆ จะให้ผมเปลี่ยนใจอย่างนั้นหรือครับ ผมทำไม่ได้หรอกในเมื่อผู้หญิงที่ผมรักมีแค่น้ำคนเดียว...คนเดียวเท่านั้น” อัคคียืนยันหนักแน่นเพื่อให้บิดาของตนได้เห็นถึงความตั้งมั่นของเขา แต่เขาคิดผิดเมื่ออีกฝ่ายกลับหัวเราะใส่แถมยังมองเขากลับด้วยแววตาสมเพชจนใบหน้าของเขาชาไปหมด “รักหรือ... แกนี่มันคิดอะไรโง่ๆ อีกแล้วนะไอ้คี รักแล้วมันกินได้หรือยังไง ผู้หญิงที่เหลือแต่ตัวแบบนั้นแต่งงานกันไปก็ไม่มีอะไรส่งเสริมแกได้สักอย่าง แล้วแบบนี้แกจะแต่งไปทำไม เชื่อฉันเถอะ...ผู้หญิงแบบหนูรสต่างหากที่แกควรจะเลือก ไม่ใช่คนที่ถ่วงความเจริญของแกอย่างน้ำ อ้อ...แล้วเรื่องสัญญาบ้าบออะไรนั่นฉันไม่สนใจด้วยหรอกเพราะว่าแกมีหน้าที่ทำตามคำสั่งของฉันเท่านั้น” ชายสูงวัยยิ้มเยาะก่อนจะหันหลังเดินหนีให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์อีกต่อไป “นี่สินะเรื่องที่ทำให้พ่อกับอาธีทะเลาะกันวันนั้น” ฝีเท้าของอรรถพลชะงักเมื่อได้ยินประโยคกับน้ำเสียงที่รู้เท่าทันของบุตรชาย เขาจึงหันกลับไปอีกครั้งและได้เห็นแววตาดูแคลนที่อีกฝ่ายมีให้เขา “พ่อ...เป็นคนทำให้อาธีตาย” อัคคีกล่าวต่อด้วยท่าทีแข็งกร้าวเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ “แม้แต่เพื่อนสนิทของตัวเองพ่อยังทรยศได้ลงคอ พ่อทำอย่างนี้ได้ยังไง ทำไมพ่อถึงได้เห็นแก่ตัวแบบนี้” “ไอ้คี!!!” มือใหญ่ฟาดเข้าไปที่หน้าของชายอ่อนวัยกว่าจนอีกฝ่ายเสียหลักล้มลงไปกับพื้น อรรถพลหอบตัวโยน ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อคนบนพื้นด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยวไม่แพ้กัน “แกอย่าลืมนะว่าที่แกมีกินมีใช้มีหน้ามีตาก็เพราะพ่ออย่างฉัน ลำพังเด็กบ้านนอกอย่างแม่ของแกจะช่วยให้แกชูคอได้อย่างนี้ไหม เพราะฉะนั้นคนอย่างแกไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันรู้เอาไว้ซะ” อรรถพลสะบัดมือจนทำให้อัคคีถลาลงไปบนพื้นอีกหนก่อนจะชี้หน้าอีกฝ่าย “หรือถ้าแก...กับแม่ของแกอยากลำบาก มีชีวิตที่ถูกเหยียดหยามอีกครั้งล่ะก็ แกก็ลองขัดคำสั่งฉันสิ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ไอ้ลูกทรพี” ชายวัยกลางคนหมุนตัวจากไปทันทีเมื่อข่มขู่เสร็จ อัคคีมองตามสายตากร้าว ภาพในวัยเด็กช่วงหนึ่งไหลย้อนเข้ามาในความทรงจำ... ‘เด็กคนนั้นลูกใครหรือคะ’ แขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงานวันเกิดของอรรถพลเอ่ยถามภรรยาเจ้าของงานเมื่อเห็นเด็กชายคนหนึ่งแอบมองพวกตนอยู่ที่หลังพุ่มไม้ ‘เด็กในบ้านน่ะ อย่าไปใส่ใจเลยค่ะ’ เจ้าบ้านฝ่ายหญิงที่หน้าตึงขึ้นตอบกลับ ก่อนจะปั้นยิ้มแย้มเดินแยกตัวไปอีกทาง ‘ไม่รู้จริงๆ หรือคะคุณ นั่นลูกคุณอรรถกับคนรับใช้ไงคะ’ แขกอีกคนซุบซิบกลับเมื่อเจ้าบ้านลับสายตาไป คนฟังตกใจจนหน้าถอดสี ‘ตายจริง มิน่าล่ะ คุณหญิงท่านถึง... ดิฉันก็ไม่รู้’ ‘แต่สุดท้ายก็คงเป็นแค่เด็กรับใช้ต่อไปนั่นแหละค่ะ ถ้าคุณหญิงมีลูกชายให้คุณอรรถได้ ก็คงถูกลืมไปเอง’ ‘นั่นสินะคะ ลูกคนใช้ก็คือ ลูกคนใช้ จะไปสู้ลูกคุณหญิงได้ยังไงล่ะคะ’ สองคนต่างพากันเออออก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาโดยไม่รู้ว่าประโยคของพวกเขายังคงฝังใจคนฟังจนกระทั่งทุกวันนี้... เขาจะไม่มีวันกลับไปอยู่ในสภาพนั้นอีกแน่...อัคคีมาดหมายในใจ แต่เขาก็จะไม่ยอมเสียธาราไปเหมือนกัน!!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD