หญิงสาวทอดสายตามองของว่างตรงหน้า แล้วช้อนสายตามองบิดา
“มาทำไมคะ”
“อาธเนศจะมาขอพิมพ์ให้กับลูกชาย!”
เธอเงียบแล้วหลับตาลง ก่อนเปิดเปลือกตา ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย ชวนให้หงุดหงิดเสียเหลือเกิน เธอแค่อยากทำงานอยู่อย่างสงบ ไม่มีเพศตรงข้ามมายุ่งเกี่ยวยิ่งดี
“พิมพ์ไม่ตกลง พ่อตอบอาธเนศไปได้เลยนะคะ!”
สีหน้าคนเป็นพ่อไม่สู้ดีนัก เขาไม่อยากบังคับลูก แต่ถ้าพิมพ์ไม่ยอมรับปาก ลูกสาวคนโตต้องแย่แน่ เพราะทางนั้นคงทำให้เรศต้องเสียชื่อเสียง นิสัยธเนศเขารู้ดี หมอนั่นทำได้ทุกอย่าง
“พิมพ์พ่อขอร้องลูกเถอะนะ พิมพ์ยอมรับไม่ได้เหรอ”
คิ้วบางขมวด สีหน้าสับสน
“ทำไมพ่อพูดแบบนี้ล่ะคะ ทั้งพ่อทั้งพิมพ์ เราต่างก็รู้ไม่ใช่เหรอคะว่าพี่เรศคบกับนายธัชพลนั่นอยู่ พ่อจะให้พิมพ์ไปแย่งมาได้ยังไงกัน!” พิมพ์จันทร์อธิบายน้ำเสียงไม่พอใจ
“พ่อมีเหตุผล ที่อยากให้พิมพ์แต่งกับธัช พี่เรากับธัชคงไม่มีวาสนาต่อกัน”
หญิงสาวกัดฟันระบายลมหายใจ เธอรู้ดีแก่ใจ หมอนั่นไม่ชอบหน้าเธอสักเท่าไหร่ พูดคุยกันแทบนับคำได้ เขาทำเหมือนเธอเป็นอากาศไม่มีตัวตน ซึ่งเธอก็พอใจที่ธัชพลทำเช่นนั้น เพราะตนเองก็ไม่ได้ชอบหน้าหมอนั่นเหมือนกัน
“อย่าพูดเรื่องวาสนากับพิมพ์เลยค่ะ เพราะยังไงพิมพ์ก็ไม่มีวันยอมแต่งงานกับสามีพี่สาวหรอก!”
“พ่อจำเป็นต้องให้พิมพ์ช่วย พ่อรู้ว่าเรศกับธัชพลรักกัน แต่พ่อไม่มีทางเลือกอื่น พ่อต้องให้พิมพ์แต่งกับเขา!” คนเป็นพ่อเสียงสั่นเครือ พยายามโน้มน้าว เพราะไม่มีทางเลือกอื่น เขาเองก็ไม่อยากให้มันออกมาเป็นแบบนี้เหมือนกัน
คนตัวเล็กลุกยืนแววตาขุ่นเคือง ให้แต่งงานเธอยอมหนีไปบวชเสียดีกว่า
“พิมพ์ไม่แต่งค่ะพ่อ ไม่ต้องขอร้องอะไรพิมพ์อีกนะคะ!” เธอตัดบทแล้วเดินหนีจากตรงนั้นทันที
ชายชรายกมือกุมขมับสีหน้าเครียด ภาพพวกนั้นหากถูกปล่อยเมื่อไหร่ ชีวิตเรศต้องจบแห่แน่ เขายอมไม่ได้ คงเหลือหนทางสุดท้ายแล้ว ที่จะทำให้พิมพ์ยอมรับปากแต่งงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนไม่อยากทำเลย
พิมพ์จันทร์เปิดประตูออกจากห้องนอน จังหวะเดียวกับที่อีกห้องกำลังอ้าออก สองคนเผชิญหน้ากัน หญิงสาวชะงักก่อนยิ้มบางๆ ไม่คิดว่าจะเจอหน้ากันในตอนนี้
“จะไปทำงานเหรอ?” พรรณเรศทักน้องสาว วันนี้มีเรื่องดีๆ เลยทำให้เธอรู้สึกอยากพูดดีกับน้องบ้าง
“ค่ะ”
“เดินทางดีๆ ล่ะ”
พิมพ์จันทร์แปลกใจ แต่กลับรู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก ที่พี่สาวยอมพูดดีด้วย
“ขอบคุณค่ะ พิมพ์ไปก่อนนะคะ”
ร่างบางสาวเท้าลงบันได เห็นบิดยืนรออยู่ วันนี้เธอจะอยู่ทำงานที่บริษัทจนมืดค่ำเพราะไม่ต้องการพบหน้าใคร
“วันนี้หยุดงานไม่ได้เลยเหรอ พิมพ์ควรอยู่ที่บ้านนะ” คนเป็นพ่อพยายามเกลี่ยกล่อม
“เรื่องนี้พิมพ์ไม่ขอยุ่งค่ะ อีกอย่างพี่เรศเองก็คาดหวังเรื่องที่แขกจะมาในวันนี้ พิมพ์เห็นพี่ตื่นแต่เช้าเลยล่ะค่ะพ่อ”
สีหน้าพิชัยไม่สู้ดีนัก “พิมพ์... พ่อจำเป็นนะลูก พิมพ์ต้องเข้าใจพ่อนะ”
“พิมพ์เข้าใจพ่อค่ะ แต่พิมพ์ทำตามความต้องการของพ่อไม่ได้ พ่อเองก็ควรเข้าใจพิมพ์ด้วยนะคะ พิมพ์ขอตัวไปทำงานก่อน” พิมพ์จันทร์ตัดบท แล้วเดินออกมานอกบ้าน สตาร์ทรถขับออกไปทันที
เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอด ทำเอาพิชัยแทบตั้งตัวไม่ติด รีบต้อนรับแขกแล้วพาเดินเข้าด้านใน พรรณเรศยิ้มกว้างทันทีที่สบตากับคนรัก ธัชพลตรงเข้าไปหาแล้วกุมมือบางไว้แน่น
“ทำไมหนีหายไปแบบนั้น ผมเป็นห่วงมากรู้ไหม!” เขาตัดพ้อ
“เรศขอโทษค่ะ เรศแค่เสียใจ”
“ไม่เป็นไร แต่ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ”
“ค่ะ เรศจะไม่ทำอีก”
สองร่างเดินเคียงกันมายังห้องรับแขก ธเนศทรุดกายลงตรงข้าม พรรณเรศยกมือกระพุ่มไหว้ เขายอมรับไหว้เพราะไม่อยากให้เพื่อนเสียน้ำใจ สองคนนั่งลงข้างกันแล้วกุมมือไม่ห่าง ภาพนั้นยิ่งทำให้พิชัยเจ็บปวด
“ฉันจะพูดเข้าเรื่องเลยนะ ฉันไม่อยากให้มันเสียเวลาไปมากกว่านี้”
พิชัยหลับตา น้ำตาตกใน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
“วันนี้ฉันจะมาสู่ขอลูกสาวนาย” พูดจบชายชรากวาดตามองรอบๆ “หนูพิมพ์ไม่อยู่เหรอ”
พรรณเรศยิ้มกว้างแล้วหุบลงฉันพลัน เมื่ออีกฝ่ายถามถึงน้องสาว
“พิมพ์ไปทำงานแล้วน่ะ”
“อะไรกันวันนี้วันสำคัญแท้ๆ ทำไมถึงยังไปทำงานอีก” ธเนศบ่น
หญิงสาวเหลือบมองคนรักสีหน้ากังวล มือบางถูกบีบแน่น ยิ่งทำให้หัวใจเธอกระตุกวูบ คิ้วบางขมวดเข้าหากัน ความหวาดหวั่นฉายชัดในดวงตา ธัชพลขบกรามแน่น หากวันนี้พ่อทำอย่างที่พูด เขาตั้งใจพาคนรักหนีให้ไกล ให้พ้นจากความวุ่นวายนี่เสียที พิมพ์เองแทนที่จะช่วยพูดกลับหนีหายไปเสียอย่างนั้น ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาเลยหรือไง ช่างแล้งน้ำใจเสียจริง
“ยัยพิมพ์ชอบทำงานมากกว่าอยู่บ้านน่ะ” คนเป็นพ่อแก้ตัวแทน
ทว่าธเนศกลับยิ้มกว้างด้วยความยินดี
มือบางกำแน่น ร่างกายสั่นสะท้าน น้ำตาเอ่อคลอ คนเป็นพ่อเห็นบุตรสาวแล้วสงสาร
“เรศขึ้นไปพักข้างบนก่อนเถอะลูก”
“แบบนี้ฉันชอบ ผู้หญิงทำงานเก่ง มีฝีมือแบบหนูพิมพ์!” เขาประกาศกร้าว