“เจ้าเป็นใครเหตุใดถึงออกมาเดินยามค่ำมืดเช่นนี้?”
“เอ่อ...คือว่า”
“ใต้เท้าของข้าถามพวกเจ้าเหตุใดถึงไม่ตอบ”
“ไม่ต้องกลัวข้าไม่บอกใครหรอกว่าพบพวกเจ้าที่นี่เพียงแค่ห่วงว่าพวกเจ้าจะเป็นอันตรายก็เท่านั้น เป็นเพียงผู้หญิงมากันลำพังสองคนไม่กลัวหรืออย่างไร”
“แล้วท่านเป็นใครกันเจ้าคะมาทำลับๆ ล่อๆ ตรงรั้วราชวังทำไมกัน”
“นี่เจ้า! ใต้เท้าของข้าถามพวกเจ้าอยู่นะเหตุใดเจ้าถึงมาถามพวกข้ากลับกันเล่า”
“กงอี้ ถอยไป”
“ขอรับใต้เท้า”
“ข้าเป็นเพียงขุนนางเล็กๆ ไม่ได้เป็นคนใหญ่คนโตอะไรหรอกก็เพียงแค่แวะมาหาหลานสาวข้าที่เป็นนางกำนัลตรงตำหนักของพระสนมลิ่งเฟยก็เท่านั้นเอง”
“อย่างนี้นี่เอง”
“แล้วตกลงว่าพวกเจ้าคือ”
“พวกข้าเป็นนางกำนัลตำหนักหนิงเซียงเจ้าค่ะ”
“ตำหนักหนิงเซียงงั้นหรือ?”
บุรุษหน้าตาหล่อเหลาผู้นั้นรีบหันไปมองใบหน้าของผู้ติดตามของเขาทันที
“ข้าว่าข้าก็คุ้นชื่อตำหนักแห่งนี้อยู่บ้างขอรับใต้เท้า”
“ช่างเถอะ ว่าแต่พวกเจ้าสองคนจะไปไหนกันถึงได้ออกมาเดินค่ำๆ มืดๆ เช่นนี้ เจ้านายของพวกเจ้าอนุญาตให้ออกมาเช่นนั้นหรือ”
“ก็ที่ทำลับๆ ล่อๆ ก็เพราะว่าแอบออกมานี่ล่ะเจ้าค่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นสินะข้าก็คิดเอาไว้แล้วเชียว แล้วพวกเจ้าจะออกจากวังไปที่ไหนกัน”
“ก็แค่อยากไปสำรวจในเมืองดูเสียหน่อยเจ้าค่ะ พวกข้าอยู่แต่ในวังมานานไม่ได้ออกไปไหนเลยมันน่าเบื่อมาก”
“น่าเบื่อถึงเพียงนั้นเลยหรือ”
“มากๆ เลยเจ้าค่ะ”
“งั้นก็ไปกัน”
“ไป? ไปไหนหรือเจ้าคะ”
“ไปในเมืองอย่างไรเล่า ข้าจะนำทางพวกเจ้าไปเอง”
จ้าวซูหลินหลี่ตาลงทั้งยังจ้องมองใบหน้าของเขาด้วยความไม่ไว้วางใจ เหตุใดถึงคิดจะพานางออกจากวังอย่างง่ายดายล่ะมีสิ่งใดแอบแฝงไว้หรือไม่นะ หรือว่า!...
“เจ้าคิดอะไร ข้าเห็นว่าพวกเจ้าเป็นหญิงเดินทางไปกันเพียงลำพังหากเจอพวกคนร้ายเข้าจะทำอย่างไรกันล่ะ”
“อย่างนั้นเองหรือ ก็ได้เจ้าค่ะขอบคุณนะเจ้าคะใต้เท้า”
“ข้าแซ่โจวเรียกข้าว่าใต้เท้าโจวก็ได้”
“เจ้าค่ะใต้เท้าโจว”
จ้าวซูหลินยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนจะเดินตามหลังของบุรุษทั้งสองคนไปยังประตูลับที่อยู่ถัดไปไม่ไกลกันนัก ไม่นานพวกเขาก็มายืนอยู่ตรงประตูไม้ที่ดูเก่าแก่แต่กลับถูกแกะสลักอย่างสวยงามปราณีตยิ่งนัก
“เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นประตูบานนี้เลยนะ”
“ก็เพราะว่าเป็นประตูลับอย่างไรเล่า ไปกันเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
พวกเขาเดินทางผ่านประตูไม้เก่าแก่แล้วเดินลัดเลาะออกจากเส้นทางป่ารกร้างไปสู่ถนนเข้าตัวหมู่บ้านก่อนจะมาโผล่ตรงชุมชนในเมืองหลวง ช่วงนี้เป็นเทศกาลโคมไฟจึงเห็นโคมไฟที่ถูกประดับประดาห้อยระโยงระยางเต็มเมืองไปหมดแสงจากโคมไฟนั้นส่องสว่างไปทั่วทั้งเมืองแลดูสวยงามยิ่งนัก
“สวยจังเลย”
จ้าวซูหลินเดินชมความงามของโคมไฟรอบๆ เมืองด้วยความตื่นตาตื่นใจ จะว่าไปตอนที่อยู่ในยุคที่นางจากมานั้นตัวนางเองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่มีเวลาเที่ยวเล่นเหมือนคนอื่นเลย เช่นนั้นเมื่อทะลุมิติมาอยู่ในยุคนี้ก็ขอเที่ยวเล่นเสียหน่อยเถอะ
“นายหญิง พวกเราซื้อโคมไฟไปปล่อยกันดีหรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าทำเป็นหรือ”
“ไม่เป็นหรอกเจ้าค่ะแต่ลองดูก็ได้นี่นา”
“ได้ เจ้ารอตรงนี้นะ”
“พี่ชายข้าขอซื้อโคมอันหนึ่งเท่าไหร่หรือเจ้าคะ”
“ยี่สิบอีแปะขอรับแม่นาง”
“นี่เจ้าคะ”
จ้าวซูหลินยื่นเงินให้พ่อค้า เมื่อได้โคมไฟมาอยู่ในมือแล้วก็รีบวิ่งกลับมาหาซั่วอิงทันที
“มาแล้วๆ ว่าแต่เจ้าแน่ใจนะว่าทำได้ แล้วจะเอาไฟจากที่ไหนกันดีล่ะ”
“แม่นางให้ข้าช่วยหรือไม่”
“อ้าวใต้เท้าข้าก็ลืมไปเสียสนิทเลยว่าท่านก็มาที่นี่ด้วย พวกข้าอยากปล่อยโคมเจ้าคะแต่ว่า…ข้าทำไม่เป็น”
“ไม่เห็นยากเลยเอามานี่สิ ข้าช่วย”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
ใต้เท้าโจวเห็นประกายความดีใจในแววตาของนาง จนเขาเองก็รู้สึกดีใจไปกับนางด้วย
“กงอี้ไปเอาคบไฟมา”
“ขอรับใต้เท้า”
จ้าวซูหลินรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะการปล่อยโคมไฟครั้งนี้ถือว่าครั้งแรกในชีวิตของนางเลยก็ว่าได้ โดยมีบุรุษผู้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนมาช่วยปล่อยโคมไฟในครั้งนี้
“เจ้ามาจับตรงนี้ แล้วอธิษฐานของพรก่อนที่จะปล่อยโคมไฟ”
“เจ้าค่ะ”
จ้าวซูหลินจับที่ปลายโคมไฟด้านล่างที่อยู่ตรงข้ามกับใต้เท้าโจว ก่อนจะหลับตาตั้งใจอธิษฐานขอพรทันที
‘ขอให้ชีวิตของข้าในโลกใหม่นี้ราบรื่นไปตลอด ขอให้ได้พบบุรุษที่รักข้าจริงๆ และรับได้กับสิ่งที่ข้าเป็นด้วยเถิด’
‘ช่างเป็นสตรีที่ดูเรียบง่ายแต่เมื่ออยู่ด้วยแล้วกลับมีชีวิตชีวาเสียจริง หากข้าเป็นเพียงบุรุษธรรมดาก็คงจะดีสิ’
“ข้าอธิษฐานเสร็จแล้ว ท่านจะอธิษฐานด้วยหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ล่ะ ข้าจะปล่อยเลยนะ”
“เจ้าค่ะ”
ทั้งสองค่อยๆ ปล่อยมือออกจากโคมไฟ โคมไฟกระดาษสีขาวที่มีแสงไฟสีเหลืองนวลจากเปลวไฟค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ลอยละลิ่วไปตามสายลมก่อนจะค่อยๆ ลับหายไปจากสายตาของนางทีละนิด
บนท้องฟ้าในยามราตรีนี้มีแสงจากดวงดาวระยิบระยับไปทั่วทั้งท้องฟ้าและปะปนไปด้วยโคมไฟที่ทะยอยลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ามากมาย ดูแล้วช่างสวยงามละลานตายิ่งนักสวยงามและดูเป็นอิสระในสายตาของจ้าวซูหลิน
“สักวันหนึ่งข้าก็จะโบยบินออกจากวังหลวงเหมือนอย่างกับโคมไฟดวงนี้ของข้าเช่นกัน”
‘ความฝันของเจ้าคือการได้ออกจากวังเช่นนั้นหรือ?...’
ใต้เท้าโจวแอบมองรอยยิ้มของนาง รอยยิ้มที่ดูเหมือนโล่งใจและสบายใจดูมีความสุขที่เขาเองก็ไม่ค่อยจะพบเห็นจากใครเท่าใดนัก