เกิดใหม่...ใกล้เธอ
1
คุณคิดว่าคนเราจะเกิดใหม่ได้สักกี่ครั้งแล้วคุณคิดว่าชาติหน้าจะมีจริงหรือไม่? ถึงจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะพิสูจน์อะไรได้ สำหรับบางคนก็ยังเชื่อว่าชาติหน้ามีจริงและจะได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในอีกชาติต่อๆไป บ้างก็เพื่อความปรารถนาบางอย่าง บ้างก็ยังยึดติดกับชาติภพเดิมที่ยังตัดไม่ขาด บ้างก็หวังกลับมาแก้ไขอดีตที่โชคร้าย บ้างก็เชื่อว่ากลับมาชดใช้เวรกรรมที่ได้ก่อเอาไว้จากชาติภพเดิม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความเชื่อ ความคาดหวัง ว่าชีวิตของมนุษย์เราจะมีการเวียนว่ายตายเกิดจริงๆ และสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความคาดเดาของมนุษย์ทั้งนั้น เพราะยังไม่มีใครตายจากไปแล้วกลับมาบอกสักคนว่าเรื่องราวเหล่านี้คือเรื่องจริง
ตันหยง ค่อยๆ ลืมตาตื่นฟื้นขึ้นมา จากสายตาที่พร่ามัวภาพที่พร่าเลือน ค่อยๆ เริ่มเด่นชัดขึ้น หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบๆสภาพเธอตอนนี้เหมือนกับว่าจะนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
“หยง ฟื้นแล้วเหรอลูก?”
เสียงของใครบางคนเอ่ยถามเบาๆหญิงสาวเพ่งพินิจกรอกสายตาไปมา มองผู้หญิงตรงหน้า ด้วยความงุนงง สับสน
“น้าแพร!”
“เอ๊ะ! ทำไมลูกเรียกแม่แบบนั้น”
ตันหยงพยายามยันกายลุกขึ้นพร้อมกับเอามือกุมศีรษะไว้ เธอรู้สึกปวดหนึบ เกิดภาพซ้อนภาพและความทรงจำต่างๆ ค่อยๆ ไหลเข้ามา ภาพเหล่านั้นเริ่มชัดขึ้นก่อนจะค่อยๆพรั่งพรูฉายออกมาในสมองของเธอทีละภาพทีละภาพราวกับเป็นเรื่องราวของใครคนหนึ่ง
“โอ้ย!ปวดหัว”
หญิงสาวทำหน้าตาเหยเกกุมศีรษะตัวเองและร้องลั่นอย่างรู้สึกเจ็บปวด
“ ลูกของฉันฟื้นแล้ว ใครก็ได้เข้ามาช่วยฉันหน่อย”
เสียงผู้เป็นมารดาวิ่งออกไปเรียกเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เสียงกึกก้องดังกังวานไปทั่วห้องด้วยความตื่นตกใจเพราะเป็นห่วงบุตรสาว ตันหยงล้มตัวลงหมดสติไปอีกครั้ง
ปี 2002
“วนิดา”
เด็กสาววัยแรกแย้มดั่งกุหลาบขาวที่เพิ่งจะผลิกลีบดูบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคีใดๆ เธอเอี้ยวตัวหันไปหาเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน หรืออาจจะมากกว่าเธอประมานสองถึงสามปีตามเสียงเรียก
“ขา พี่ชานนท์”
วนิดาขานรับเสียงหวาน ใบหน้าสดใสของเจ้าหล่อนปรากฏรอยยิ้มแย้มแก้มป่องตาหยีน่ารักตามวัยอยู่บนดวงหน้าเล็กๆ ฉายแววว่าอีกไม่นานดวงหน้าดวงนี้จะเติบโตขึ้นเป็นสาวสวยงดงามสะพรั่งดุจดั่งเจ้าหญิง
“คุณแม่ให้มาตามไปรับประทานของว่างค่ะ”
ชานนท์เด็กหนุ่มวัยรุ่นวัยสิบห้าปี เดินมาตามเด็กสาวอายุสิบสามขวบ ซึ่งพ่อแม่ของทั้งคู่นั้นเป็นเพื่อนรักกัน ปิดเทอมแบบนี้มักจะพาลูกๆ มาพักผ่อนที่บ้านสวนต่างจังหวัดของผู้เป็นบิดาและมารดาของวนิดาอยู่สม่ำเสมอ
“วนิดาอยากได้ ดอกบัวในคลองค่ะ พี่นนท์”
เด็กสาวผิวขาวอมชมพูบอกผู้มีศักดิ์เหมือนพี่ชายด้วยน้ำเสียงออดอ้อน พร้อมกับชี้ไปที่ในคลองที่มีดอกบัวผลิบานอยู่อย่างละลานตาแทบจะมองไม่เห็นสายน้ำในลำคลอง เนื่องจากถูกบดบังและปกคลุมไปด้วยพืชน้ำล้มลุกอย่างดอกบัวและผักกระเฉด ชานนท์ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
“เอาไว้กินข้าวเสร็จเดี๋ยวพี่จะชวนนายภาคินออกมาพายเรือเก็บให้นะคะ”
ชานนท์บอกเด็กสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน สายตาที่มองวนิดามีแต่ความอ่อนโยนและเอ็นดูเป็นที่สุด
“ไม่เอา วนิดาอยากให้พี่ชานนท์เก็บให้คนเดียวค่ะ ไม่อยากได้จากพี่คินเลยสักนิด”
ดวงหน้าเล็กนั้นงอง้ำเมื่อเอ่ยถึงชื่อภาคินผู้เป็นพี่ชายแท้ๆ
“ได้สิ ๆ”
เด็กสาววัยรุ่นยิ้มกว้างออกมาจนตาหยีเมื่อถูกตามใจ ชานนท์ลูบผมที่ดำสนิทยาวสลวยดุจดั่งเส้นแพรไหมของเธอเบา ๆ ภายในใจของเขานั้นรักวนิดาคนนี้มากเหลือเกิน
หาใช่ความรักแบบพี่ชายน้องสาวไม่ แต่เขาหลงรักเธอแบบหนุ่มสาว เพียงแต่ว่าในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเอ่ยคำเหล่านี้ออกไป
เพราะทั้งคู่นั้นยังคงเยาว์วัยเกินที่จะคบหากันเป็นคู่รัก แต่ในอนาคตนั้นชานนท์ให้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมเสียวนิดาไปให้ผู้ชายคนอื่นเป็นแน่ เขาได้ตั้งปณิธานเอาไว้แล้วอย่างตั้งมั่นและตั้งใจว่าจะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจเขาได้อย่างแน่นอน
“สองคนนั้นน่ะ เผลอแป๊บเดียวก็มาจีบกันอีกแล้ว”
เสียงภาคินผู้เป็นพี่ชายแท้ๆ ของวนิดาดังขึ้น
“จีบอะไรกันน่ะพี่ภาคิน วนิดากับพี่ชานนท์เราเป็นแฟนกันแล้วนะ ไม่ต้องจีบกันแล้ว”
อยู่ๆ วนิดาก็ตอบโต้ผู้เป็นพี่ชายออกไปเสียงดังอย่างไร้เดียงสาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความหมายของคำว่า'แฟน'คืออะไร ทำเอาชานนท์ถึงกับเลิ่กลักปรับสีหน้าแทบไม่ทัน เพราะไม่ทันคิดว่าวนิดาจะพูดออกมาแบบนั้น
“จริงเหรอวะไอ้นนท์ เอ้ย หน้าแดงว่ะ หรือว่านายจะแอบชอบน้องสาวฉันจริงๆ ด้วย”
“หยุดล้อพี่ชานนท์เดี๋ยวนี้นะพี่คิน”
เด็กสาวเท้าสะเอวชี้หน้าพี่ชายอย่างเอาเรื่อง
“แก่แดดไปแล้วนะ พี่จะฟ้องคุณแม่ แบร่!”
ภาคินแลบลิ้นปลิ้นตาใส่น้องสาวเสร็จก็วิ่งเข้าไปในบ้านทันที นี่แหละสาเหตุที่วนิดาไม่ค่อยชอบใจผู้เป็นพี่ชายนัก ก็ภาคินมักจะคอยเหย้าแหย่หยอกล้อเด็กสาวอยู่แทบทุกเวลาที่ปะหน้ากัน
“หยุดนะพี่คิน หยุดเดี๋ยวนี้”
วนิดาไล่ตามไปติดๆ ทิ้งให้ชานนท์ยืนอมยิ้มอย่างเขินๆ ทำอะไรไม่ถูกอยู่คนเดียว เขาลูบท้ายทอยตัวเองพรางก็นึกถึงคำพูดไร้เดียงสาของวนิดาซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด
"หรือว่าน้องวนิดาจะรู้สึกแบบเดียวกับเราด้วย ดีใจจัง"
เสียงแหบแห้งของหนุ่มน้อยพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มหวานอย่างดีอกดีใจ เมื่อคิดว่าอีกฝั่งก็มีหัวใจตรงกัน ในความเข้าใจครั้งแรกนั้น นึกว่าเจ้าหล่อนจะคิดกับเขาเพียงแค่พี่ชายเสียอีก ยิ่งคิดหัวใจดวงน้อยก็ยิ่งพองโตคับอกข้างซ้าย
"นนท์ลูก มัวทำอะไรอยู่มากินข้าวเร็ว"
เสียงเรียกจากผู้เป็นมารดาดังขึ้นมาอีกครั้ง ปลุกให้เด็กหนุ่มตื่นจากอาการตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก
"จะไปเดี๋ยวนี้ครับคุณแม่"
ตันหยง สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เรื่องราวที่ผุดขึ้นมาในความฝันของเธอเมื่อสักครู่มันไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความฝัน บัดนี้เธอจดจำเรื่องราวเหล่านั้นได้หมดแล้ว มันคือเรื่องจริงของเธอที่เกิดขึ้น "เมื่อชาติที่แล้ว"
"หยงตื่นแล้วเหรอลูก"
ตันหยงมองผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้ง
'น้าแพรคือแม่ของเราในชาตินี้ทำไมโลกกลมเหลือเกิน'
"ค่ะแม่ หยงเป็นอะไรไปคะ"
"ลูกนอนหมดสติอยู่ที่ห้องสมุดในมหาลัย หมอก็ไม่รู้สาเหตุลูกสลบไปสองวันแล้วรู้มั้ย แม่ใจคอไม่ดีเลยจริงๆ"
แพรวาลูบศีรษะบุตรสาวเบาๆอย่างเป็นห่วงเป็นที่สุด รอบๆดวงตาบวมแดงไม่บอกก็รู้ว่าเธอเพิ่งจะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
"หยงหายแล้วค่ะแม่ ไม่เป็นอะไรแล้ว"
หญิงสาวพยายามยิ้มให้ผู้เป็นมารดาอย่างสดใส บีบมือของผู้เป็นมารดาเบาๆ เพื่อเป็นการว่ายืนยันว่าเธอนั้นหายจากอาการป่วยแล้วจริงๆอย่าได้กังวลใดๆอีกเลย
'นี่มัน ปี 2022 ผ่านมา20ปีพอดี ก็แสดงว่าพี่ชานนท์ยังอยู่ น้าแพรวาคือเพื่อนอีกคนของคุณแม่ของเราเมื่อชาติที่แล้ว ทำไมอายุปาเข้าไปยี่สิบปีถึงเพิ่งจะมาจำได้นะ พี่ชานนท์จะแต่งงานมีลูกมีเมียไปแล้วหรือยัง'
ตันหยงยังคงครุ่นคิดอย่างว้าวุ่นอยู่ภายในใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดนี้มันคือเรื่องจริง เพิ่งจะรู้ตัวว่าความปรารถนาอันแรงกล้าของเธอเมื่อชาติที่แล้วก่อนจะสิ้นใจลง จะกลายเป็นความจริงดั่งที่ได้อธิษฐานเอาไว้ทุกประการ