เวลาเที่ยง ณ มหาวิทยาลัยMB
"เฮ้อ..อาจารย์ปล่อยคลาสสักที กูนี่หิวข้าวไส้แทบขาด ข้าวเช้าก็ไม่ได้แดกเพราะตื่นสายต้องรีบกลัวเข้าคลาสไม่ทัน" นาโนถอนหายใจเสียงดังพร้อมกับบ่นออกมาเสียงดัง
"ใครใช้ให้มึงตื่นสายละ" โปรแกรมว่าสวนกลับนาโนทันที
"เอ่อเพื่อนครับ เมื่อวานเพื่อนลืมหรือเปล่าว่าเราออกจากมหาลัยกี่โมง ตี3ครับเพื่อนกว่ากูจะขับรถถึงบ้าน กว่าจะอาบน้ำ กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตี4แล้ว เช้านี้เสือกมีเรียน8โมง กูต้องแหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่7โมง แล้วลากสังขารอันหล่อเหลาของกูมาเรียนได้ทันนี่ก็นับว่าบุญแล้วครับ"นาโนร่ายยาวตั้งแต่ต้นจนจบ
ปอร์เช่ที่เก็บของยัดใส่กระเป๋าเสร็จก็สาวเท้ายาวออกจากห้องทันที ไม่ได้สนใจเพื่อนที่ยังเถียงกันไปมาเหมือนเด็กรวมทั้งลายเส้นที่ลุกเดินตามออกไปติดๆ
"อ้าวไอ้เช่ รอพวกกูด้วย"นาโนตะโกนไล่หลังเพื่อนพร้อมกับรีบเก็บของยัดใส่กระเป๋าแล้ววิ่งตามไปพร้อมกับโปรแกรมวิ่งตามมาติดๆ จนถึงลานจอดรถ
"ไอ้เช่มึงจะไปไหน ทำไมมาที่ลานจอดรถตอนบ่ายเรามีเรียนอีกวิชาหนึ่งนะเว้ยมึงลืมเหรอ" นาโนถามเพื่อนออกไปทั้งที่ยืนหอบเหนื่อยอยู่
"กินข้าว"ปอร์เช่ตอบเพื่อนกลับไปพร้อมสาวเท้ายาวขึ้นรถทันที
"ลายเส้นมึงจะไปไหม ถ้าไปก็ขึ้นรถ" ปอร์เช่ลดกระจกตะโกนเรียกลายเส้นที่ยืนนิ่งอยู่เสียงดัง
"ไปๆ รีบเลยไอ้นาโน ไอ้โปรแกรม พ่อมึงไม่รอหรอกนะ"ลายเส้นตะโกนตอบกลับไปแข่งกับเสียงเครื่องยนต์รถซูเปอร์คาร์และหันไปพูดกับนาโนและโปรแกรมที่ยืนบื้ออยู่ข้างๆ
"ไอ้เช่ รอพวกกูด้วย"นาโนตะโกนบอกปอร์เช่เสียงดังพร้อมกับรีบขึ้นรถสตาร์ตเครื่องยนต์และขับตามไปทันที
หลังจากที่รถซูเปอร์คาร์2คันมาจอดที่คณะแพทย์ก็ดึงดูดทุกสายตาที่อยู่ละแวกนั้น ทั้งบุคคลที่ก้าวลงจากรถนั้นคือสมบัติของมหาลัย พ่อเทพบุตรทั้งสี่จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ตอนนี้มาปรากฏตัวอยู่ที่คณะแพทย์ ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
"ไอ้เช่กูขอถามมึงหน่อย มึงจะถ่อมากินข้าวทำไมตั้งไกลที่คณะแพทย์นี่" นาโนเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อมายืนอยู่ที่กลางโรงอาหารคณะแพทย์ท่ามกลางสายตากลุ่มคนนับร้อย
"กูอยากกินข้าวมันไก่" ปอร์เช่ตอบกลับไปแค่นั้นพร้อมมองหาอะไรบางอย่าง
"เดี๋ยวนะ ที่มึงลงทุนขับรถมาถึงนี่เพราะแค่มึงอยากกินข้าวมันไก่เนี่ยนะ" โปรแกรมถามปอร์เช่กลับทันทีว่าเขาได้ยินไม่ผิด
"อือ" ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
" ข้าวมันไก่ คณะเราก็มีเปล่าวะ ทำไมต้องถ่อมากินถึงคณะแพทย์"โปรแกรมถามปอร์เช่ออกไปอีกครั้ง
"เขาบอกที่คณะแพทย์อร่อย กูก็เลยอยากมาลองชิมดูว่าจะสมคำร่ำลือหรือเปล่า"ปอร์เช่โกหกเพื่อนออกไปคำโต จนลายเส้นที่ยืนฟังอยู่ถึงกับส่ายหัวให้กับความแถของเพื่อน
"ไม่เนียน"ลายเส้นพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้
"นาโน สงสัยพ่อมึงจะลาออกจากบวชแล้วละ"ลายเส้นหันไปพูดกับนาโนสลับกับมองหน้าปอร์เช่ที่เลิกลักอยู่ตอนนี้
"ทำไมพ่อกูจะลาออกจากบวชวะ"นาโนถามลายเส้นกลับไป
"ก็แม้แต่ศีล5ข้อ4ก็ยังรักษาไม่ได้ แถมจิตใจก็โดนกิเลสตัณหาครอบงำอีก"ลายเส้นพูดออกไปพร้อมกับจ้องหน้าปอร์เช่ที่ยืนคิ้วขมวดไม่พอใจอยู่ตรงหน้า
"อะไรคือศีล5ข้อ4 กูไม่เข้าใจ" นาโนถามลายเส้นออกไปอีกครั้งพร้อมทำหน้างง
"มึงรู้ไหมโปรแกรม ศีล5ข้อ4คืออะไร" ยังไม่ยอมหยุดยังหันหน้าไปถามโปรแกรมที่ยืนอยู่ข้างๆ อีกด้าน
"กูกับมึงนับถือศาสนาคริสต์ เผื่อมึงลืม" โปรแกรมตอบนาโนออกไปอย่างหัวเสียให้กับความอยากรู้อยากเห็นจนเกินเหตุของเพื่อน
"มุสาวาทา" ลายเส้นพูดขึ้นพร้อมกลับมองหน้าปอร์เช่ จนปอร์เช่ชักสีหน้าใส่เพื่อนเล็กน้อย จนทุกคนไม่กล้าถามอีกเงียบปากกันสนิทไม่แม้แต่จะสงสัย
ผ่านไป5นาทีปอร์เช่ก็ยังยืนอยู่ที่เดิม พยายามมองหาอะไรบางอย่างจนลายเส้นที่พอจะรู้ว่าที่เพื่อนถ่อมาถึงนี่เพราะเหตุผลอะไรจึงพูดขึ้น
"ไม่มีหรอกกูมองหาแล้วน่าจะยังไม่เลิกคลาส ไปซื้อข้าวมากินก่อนดีกว่าสงสารไอ้นาโนมัน"
"ปะนาโนไปซื้อข้าว โปรแกรมมึงไปซื้อน้ำกับไอ้เช่ แล้วกลับมาเจอกันที่โต๊ะนี้" ลายเส้นแจกแจงรายละเอียดเสร็จก็เดินนำนาโนไปที่ร้านขายข้าวมันไก่ทันที
"ลายเส้นทำไมมึงสั่งข้าวมันไก่ตั้ง4จาน ไอ้เช่มันไม่ชอบกินข้าวมันไก่ไม่ใช่เหรอ"นาโนถามขึ้นอย่างสงสัย
"เมื่อกี้พ่อมึงบอกว่าไง ที่ถ่อมาถึงนี่ไม่ใช่ว่าเพราะอยากกินข้าวมันไก่หรือไง"
"อ้าวเหรอ จริงดิ กูนึกว่ามันพูดเล่น" นาโนตอบกลับลายเส้นพร้อมกับยกมือขึ้นเกาหัวอย่างงงๆ
"มึงน่าจะฉลาดกว่านี้นะนาโน ซื่อมากไปก็ไม่ดีเพราะคำว่าซื่อกับคำว่าโง่มีแค่เส้นบางๆ กั้นอยู่แค่นั้นเอง"ลายเส้นบอกออกไปพร้อมกับถือจานข้าวตรงดิ่งมาที่โต๊ะที่ปอร์เช่และโปรแกรมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
"นี่มันด่าว่ากูโง่เหรอ??? ไอ้เชี่ยลายเส้นหลอกด่ากูอีกแล้ว" นาโนยืนบ่นพึมพำอยู่คนเดียว เมื่อคิดได้ว่าตัวเองโดนด่าจึงรีบเดินตามลายเส้นกลับมาที่โต๊ะทันที
"ลายเส้น เมื่อกี้มึงด่ากูว่ากูโง่เหรอ" นาโนถามออกไปเสียงดังเมื่อกลับมาถึงโต๊ะ
"อือ กูด่ามึงว่าโง่"ลายเส้นตอบกลับหน้าตายพร้อมกับตักข้าวมันไก่เข้าปากคำโตเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างอร่อย
"ไอ้เช่ มึงดูมันดิ ไอ้ลายเส้นมันด่ากูว่ากูโง่อะ" นาโนโวยวายขึ้นหันหน้าไปฟ้องปอร์เช่ที่อยู่ข้างๆ
"มันพูดเรื่องจริงแล้วมึงจะโวยวายทำไม ถึงไปฟ้องศาลกี่ศาลมึงก็แพ้เพราะมันพูดเรื่องจริง" ปอร์เช่ตอบกลับเสียงดังเพราะรำคาญกับนิสัยเด็กๆ ของเพื่อน
ทุกคนนั่งทานข้าวผ่านไปสัก10นาที นิรินและเพื่อนๆ กำลังเดินมาที่โรงอาหาร พร้อมพูดคุยสนุกสนานกับชายหนุ่มอีกคนดูอย่างสนิทสนม
"เช่ มึงดูโน่น" ลายเส้นส่งสัญญาณบางอย่างให้ปอร์เช่หันไปดูยังทิศทางที่ลายเส้นมองอยู่ตอนนี้
ปอร์เช่รีบยกแก้วน้ำขึ้นดื่มและหันไปมองทันที
"ปั๊ก!!!" เสียงแก้วน้ำกระทบกับโต๊ะเสียงดังซึ่งเป็นฝีมือของใครไม่ได้นอกจากปอร์เช่ ซึ่งตอนนี้กำหมัดแน่นและหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด
"เช่ ใจเย็นก่อน อาจจะแค่เพื่อนก็ได้ ถามเขาดูก่อนไหม" ลายเส้นพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้เพื่อนใจเย็นลง ขืนปล่อยไว้มีหวังโรงอาหารคณะแพทย์ได้พังเละไม่เป็นท่ารวมทั้งนักศึกษาแพทย์บางคนต้องพิการเป็นแน่
"เชี่ยเอ้ย" ปอร์เช่สบทออกมาเสียงดัง
"โทรถามเขาก่อนดีไหม อย่าคิดเองเออเอง"ลายเส้นพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนเริ่มอ่อนลง
Rrrrrr Rrrrrrr
"ค่ะ ว่าไงคะ รินพึ่งเลิกคลาสกำลังจะทานข้าวอยู่ที่โรงอาหาร" นิรินรับสายและพูดตอบกลับเสียงหวาน
"ทานข้าวกับใคร"ปอร์เช่ถามกลับเสียงแข็ง
"ทานกับเพื่อนค่ะ"นิรินตอบกลับด้วยเสียงหวานอีกครั้ง
"ให้โอกาสพูดใหม่ ไอ้เหี้ยที่นั่งอยู่ข้างๆ มันเป็นใคร สนิทกันแค่ไหน เวลาคุยจำเป็นต้องยิ้มให้มันขนาดนั้นไหม"ปอร์เช่รัวคำถามใส่นิรินยาวเหยียด จนตอนนี้นิรินมองหาปอร์เช่จึงสบตาเข้ากับปอร์เช่ที่มองอยู่ก่อนแล้ว
"เพื่อนที่คณะค่ะ วันนี้เข้าแล็บอยู่กลุ่มเดียวกัน" นิรินรีบอธิบายทันที
"ขยับออกห่างมันเดี๋ยวนี้ อย่าให้พอร์ชต้องลุกเดินไป"ปอร์เช่สั่งปลายสายเสียงดังพร้อมสายตาดุๆ ที่ส่งไป จนปลายสายที่ฟังและมองอยู่หน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
"แจน แลกที่นั่งกัน นิรินนั่งตรงนี้ไม่ค่อยถนัด"นิรินรีบทำตามคำสั่งของยักษ์ตัวโตทันที
"ได้สิ" แจนรีบลุกสลับที่นั่งกับนิรินทันที
"เย็นนี้พอร์ชจะมารับ อย่าให้เห็นว่าเดินกับผู้ชายคนไหนอีก พอร์ชไม่รับประกันความปลอดภัย" ปอร์เช่พูดจบก็กดวางสายทันที และลุกขึ้นเดินออกจากโรงอาหารไป สตาร์ตรถขับออกไปทันทีท่ามกลางทุกสายตาที่จับจ้องอยู่
**พบคนหึง1อัตรา หึงเลเวลระดับ8 อนุภาคทำลายล้างเกินต้านไหว**