เมื่อเฉินจือหานออกไป วิญญาณของจางหลินซินก็กลับมาที่ห้องของตัวเอง แม้ว่าเธอจะเห็นจางเย่าหยางและคนอื่นๆ ตายอย่างโหดร้ายในตอนนี้ แต่ภายในใจของเธอไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ เธอเพียงแค่อยากเห็นเฉินจือหานให้มากขึ้นก่อนจะจากไปแบบนี้แม้เธอตาย ก็ไม่เสียใจ
วิญญาณของจางหลินซินผ่านทะลุกำแพง เห็นร่างของตัวเองนอนนิ่งอยู่บนเตียงก็ยืนนิ่งงัน เลือดที่เปื้อนร่างถูกเช็ดออกหมดแล้ว และเปลี่ยนเป็นชุดนอนที่สะอาด ถ้าไม่ใช่เพราะรอยแผลที่เด่นชัดบนแขนของจางหลินซิน คงไม่มีใครเชื่อว่าเธอตายแล้ว
ทั้งจางหลินซินและเฉินจือหานเองก็ยังไม่เชื่อ
เฉินจือหานยังคงทำเหมือนจางหลินซินยังไม่ตาย กอดร่างแข็งทื่อของเธอนอนอยู่บนเตียงเหมือนเคย เขาก้มลงจูบริมฝีปากเย็นชืดของจางหลินซิน
“อาซิน...มันเป็นเพราะฉันไม่สามารถปกป้องเธอได้ เธอคงไม่โกรธฉันใช่ไหม...ขอโทษนะ อาซิน”
จางหลินซินอยากบอกชายตรงหน้าว่าไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เธอทำไม่ได้ ทำได้เพียงมองเฉินจือหานพูดกับตัวเอง
“อาซิน ฉันจะแอบบอกเธอเรื่องหนึ่ง ทุกคืนฉันจะแอบมานอนกอดเธอ แล้วแอบออกไปก่อนที่เธอจะตื่น นั่นเป็นช่วงเวลาในแต่ละวันที่ฉันมีความสุขมากที่สุด”
“เธอรู้ไหม อาซิน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรักใครสักคนมากขนาดนี้ ครั้งแรกที่ฉันอยากใช้ชีวิตที่เหลือกับคนนี้ แต่สวรรค์ก็เล่นตลกให้ฉันต้องเสียเธอไป” เฉินจือหานพูดพร้อมกับสะอื้น
“แม้ว่าอาซินจะเกลียดฉัน วางยาพิษฉัน แทงฉัน ไม่ให้ฉันแตะต้องตระกูลจาง แต่แล้วไงล่ะ ฉันก็ยังอยากจะจับเธอมาอยู่ข้างๆ ฉันขังเธอไว้ แต่ฉันไม่สามารถยอมรับการที่เธอจากฉันไปได้”
“เธอต้องเป็นภรรยาของฉันเท่านั้น ตลอดชีวิตและชาติต่อๆ ไป”
“อาซิน”
“ฉันรักเธอ” เฉินจือหานปล่อยมือจากเอวของจางหลินซิน และจับมือเธอไว้แน่น
น้ำตาของจางหลินซินไหลออกมาไม่หยุด ชายที่เธอเคยเกลียดชังและหมกมุ่นกับเธอ ให้ความรักทั้งหมดกับเธอ ปกป้องจากอันตรายทุกอย่างโดยที่เธอไม่เคยรู้ แต่เมื่อเข้าใจทุกอย่างมันก็สายไปแล้ว
รอบๆ ร่างของจางหลินซินเต็มไปด้วยดอกกุหลาบ เพราะเธอชอบกุหลาบ เฉินจือหานจึงสั่งให้คนปลูกกุหลาบทั่วทั้งสวน ตอนนี้เมื่อเธอตาย เขาก็ทำตามที่เธอต้องการ จากนั้นเฉินจือหานจุดไฟแช็กและโยนมันลงบนเตียง ไฟลามไปทั่วห้อง
เฉินจือหานกอดจางหลินซินแน่น ยิ้มอย่างขมขื่น “อาซิน เมื่อเธอไม่อยู่ ฉันก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน”
“ฉันมาหาเธอแล้ว…”
“ตอนนี้ ไม่มีใครหยุดเราได้อีกแล้ว”
จางหลินซินตะโกนด้วยความโกรธ อยากหยุดทุกอย่าง เธอหวังว่าเฉินจือหานจะมีชีวิตที่ดีและเริ่มต้นใหม่ แต่เมื่อไม่มีเธอ เฉินจือหานจะมีความอยากมีชีวิตได้อย่างไร เมื่อร่างของเธอถูกเผาจนหมด วิญญาณของเธอก็สลายไปด้วย เขาปิดตาลง
“ถ้าชาติหน้ามีจริง ฉันจะรักเธอและดูแลเธออย่างดี”
ด้านนอกหลิวซูเหยียนเห็นสวนลุกเป็นไฟก็ตกใจทันที ถอดเสื้อออกและพยายามวิ่งเข้าไปช่วยท่านประธาน แต่ถูกบอดี้การ์ดจับไว้แน่น
“พี่หลิว ไปไม่ได้ ท่านประธานบอกให้พี่มีชีวิตที่ดี”
“ปล่อยฉัน! ฉันจะไปช่วยท่านประธาน! เขาเป็นพี่น้องของฉัน! ฉันจะปล่อยให้เขาตายได้ยังไง! ปล่อยฉัน!” ไม่ว่าหลิวซูเหยียนจะพยายามดิ้นรนอย่างไร บอดี้การ์ดก็ไม่ยอมปล่อย เขาทำได้เพียงมองไฟลามทั่วทั้งสวน เห็นสวนกลายเป็นเถ้าถ่านต่อหน้าต่อตา
“พี่หลิว นี่เป็นคำสั่งสุดท้ายของท่านประธาน ขอโทษนะ เราไม่สามารถทำตามคำสั่งของพี่ได้”
หลิวซูเหยียนทรุดตัวลง ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด บอดี้การ์ดส่งเอกสารให้เขา เมื่อดูใกล้ๆ เขาพบว่าเป็น เอกสารการโอนหุ้นตระกูลเฉิน หลิวซูเหยียนตกตะลึง ไม่คิดว่าเฉินจือหานจะโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้กับเขา เมื่อเห็นเอกสารเหล่านี้ เขารู้สึกหมดสิ้น เขาสูญเสียพี่น้องและเจ้านายที่ดีที่สุดไป
หวังว่าในชาติหน้าท่านประธานจะมีชีวิตที่ดี และคุณนายจะรักเขามากขึ้น
“อ๊า! เฉินจือหาน!”
จางหลินซินตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นรัว เห็นตัวเองอยู่ในห้องของชาติที่แล้ว นี่มันคืออะไรกันแน่? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่…
จางหลินซินรู้สึกสับสน ไม่ใช่ว่าเธอตายแล้วเหรอ?
จางหลินซินตบหน้าตัวเองแรงๆ รู้สึกเจ็บ “โอ๊ย...เจ็บจริงๆ”
ความเจ็บนี้ทำให้เธอรู้สึกชัดเจน เธอเกิดใหม่แล้วในชาตินี้ เธอจะไม่ยอมให้คนที่ทำให้ตัวเองตายอย่างน่าสังเวช และจะมีชีวิตที่สงบสุขอีกครั้ง เพราะเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง เธอจะไม่ยอมตายเป็นครั้งที่สอง บัญชีที่ค้างคาไว้ จะทำให้พวกนั้นชดใช้ทุกบาททุกสตางค์ ดั่งสุภาษิตที่ว่า ‘การแก้แค้นของสุภาพบุรุษ รอสิบปีก็ไม่สาย’
จางหลินซินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ดูวันที่
วันที่ 4 มิถุนายน วันนี้คือ...
วันที่แม่เลี้ยงของเธอเข้ามาที่บ้านตระกูลจางเป็นครั้งแรก! ในชาติก่อนเธอไม่สามารถรับความจริงที่ว่าพ่อของเธอแต่งงานกับแม่เลี้ยงได้ จึงไม่เคยพบหน้าแม่เลี้ยงคนนั้นเลย ทำให้ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือหลี่หลิงเจิน ต่อมาเธอก็มีน้องชายเพิ่มขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล เพราะไม่รู้เรื่องนี้ เธอจึงถูกหลี่หลิงเจินหักหลัง ครั้งนี้ควรจะพบกันก่อนที่สายเกินแก้
ห้องโถงบ้านจาง
จางเย่าหยางพาหลี่หลิงเจินที่กำลังตั้งท้องเข้ามาในบ้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี ข้างหลังมีสาวใช้ลากกระเป๋าของหลี่หลิงเจินตามมา
จางเย่าหยางมีท่าทางกังวล “โอ๊ยๆๆ เจินเจิน เดินช้าๆ หน่อย เดี๋ยวสะดุดล้มจะทำยังไง”
“คุณห่วงฉันหรือห่วงลูกในท้องกันแน่ ในสายตาของคุณ ลูกสำคัญกว่าสินะ?” หลี่หลิงเจินพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เจินเจิน ทำไมพูดอย่างนั้น นี่คือลูกของความรักเรา ฉันห่วงลูก และก็ห่วงเธอด้วย”
“ปากหวานจริงๆ”
แต่หลี่หลิงเจินก็ถูกจางเย่าหยางหลอกให้ยิ้มออกมา เหยียนอี้เห็นว่าที่แม้แล้วถูกบิดาพาเข้ามาก็รีบเข้าไปทักทาย
“พี่เจิน สวัสดีค่ะ ฉันเหยียนอี้ ยินดีต้อนรับพี่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านเรา”
“สวัสดีจ๊ะน้องอี้ ขอแค่น้องไม่รังเกียจก็พอ”
ทั้งสองจับมือกัน หลี่หลิงเจินมองเหยียนอี้ด้วยใบหน้าไร้พิษภัย แต่รู้สึกขยะแขยงในใจ หล่อนชอบแสร้งเป็นนางฟ้าเหมือนถุงขยะเปียกเน่าเหม็น เหยียนอี้มองหลี่หลิงเจินก็รู้สึกคลื่นไส้ หลี่หลิงเจินอายุมากกว่าเธอแค่สองสามปีเท่านั้น แต่กลับมาทำตัวเป็นแม่เลี้ยง จริงๆ แล้วเธอรู้สึกเบื่อหน่ายสุดๆ แน่นอนว่าจางเย่าหยางไม่สามารถอ่านใจผู้หญิงสองคนตรงหน้าได้ คิดว่าบรรยากาศราบรื่นดี และชื่นชมทั้งสองคนในใจ
“จางหลินซินอยู่ไหน? น้องอี้” หลี่หลิงเจินมองไปรอบๆ ไม่เห็นจางหลินซินจึงถามขึ้น
“เอ่อ พี่เจิน พี่ซินไม่สบายค่ะ พักผ่อนอยู่...ฉันพยายามบอกหลายครั้ง แต่พี่ซินก็ไม่ยอมมา” เหยียนอี้พูดพร้อมกับก้มหน้าด้วยท่าทีหดหู่
“ลูกอกตัญญู! สิ่งที่สั่งสอนไม่เข้าหัวเธอเลยหรืออย่างไร!” จางเย่าหยางขมวดคิ้ว ไม่พอใจกับการกระทำของจางหลินซิน
“ใครบอกว่าฉันไม่มา?” จางหลินซินยืนอยู่ตรงบันได มองไปยังทุกคนในห้องโถงและพูดด้วยเสียงเย็นชา
หลี่หลิงเจินหันไปมองเหยียนอี้ด้วยสายตาดุดัน เหยียนอี้เคยสัญญาว่าจางหลินซินจะไม่ปรากฏตัว ทำไมเธอถึงมาได้ เหยียนอี้ก็งง พี่สาวคนนี้ของเธอปกติก็เชื่อฟังทุกคำสั่งของเธอ ทำไมวันนี้ถึงผิดปกติ
“เธอยังมีหน้ามาพูดอีก! คุณป้าหลี่มานานแล้ว เธอเพิ่งจะโผล่มา ไม่อายหรือ?” จางเย่าหยางตะคอก
จางหลินซินมองไปที่ท้องของหลี่หลิงเจิน แล้วมองไปที่คนอื่นๆ ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “คุณป้า? เธออายุแค่ยี่สิบกว่าๆ จะมาจากไหนเป็นคุณป้าเหรอ ไม่มีความจำเป็นต้องเรียกคนที่อายุเท่าฉันว่าคุณป้า…ว่าไงล่ะ หลี่หลิงเจิน”
จางเย่าหยางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อได้ยินชื่อหลี่หลิงเจินก็สงสัยขึ้นมา “รู้ชื่อเจินเจินได้ยังไง?” เกือบลืมไปแล้วว่าพ่อของเธอ ยังไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของหญิงสาวกับหลี่หลิงเจิน วันนี้ก็บอกเขาไปเลยแล้วกัน
“หลี่หลิงเจิน เป็นเพื่อนสนิทของฉันในมหาวิทยาลัย” จางเย่าหยางตกใจ เพราะเขาคิดว่าเพิ่งรู้จักกับหลี่หลิงเจินเมื่อปีที่แล้ว และเธอก็เป็นเพื่อนสนิทของลูกสาว ช่างบังเอิญเหลือเกิน
“อ้อ ใช่ หลี่หลิงเจินสืบเรื่องบ้านเราไม่น้อยเลย แปลกจริงๆ ที่เธอสนใจพ่อแก่ๆ ของฉันขนาดนี้ กล้าจริงๆ นะ” จางหลินซินปรายตามองหลี่หลิงเจินแล้วเดินขึ้นไปข้างบน
หลี่หลิงเจินกำหมัดแน่น มองจางหลินซินด้วยความโกรธ คำพูดของเธอทำให้จางเย่าหยางเริ่มสงสัยจนใบหน้าเข้มขึ้น ไม่แม้แต่จะมองหลี่หลิงเจินแล้วเดินออกไป
“แม่บ้านหวัง จัดห้องให้เธอ”
“ค่ะ นายท่าน”
หลี่หลิงเจินมองจางเย่าหยางเดินไป จึงขว้างกระเป๋าลงบนพื้น และตะโกนใส่เหยียนอี้ “ฉันคิดว่าหลินซินเป็นคนโง่ แต่นึกไม่ถึงว่าเหยียนอี้จะเป็นคนโง่กว่า!”
“เธอ!” เหยียนอี้พูดไม่ออก
หลี่หลิงเจินรู้สึกว่าจางหลินซินครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม แต่ก็ดูไม่ออกว่าตรงไหนไม่เหมือนเดิม