บทที่4 🏦คืนแรกที่บ้านตระกูเฉิน🔥

1716 Words
หลินซินฝันร้ายอีกครั้ง เธอฝันเห็นตัวเองถูกยิง และฝันเห็นจือหานจุดไฟเผาคฤหาสน์เพื่อพลีชีพตาม ฝันเหล่านี้ทำให้เธอหวาดกลัวจนต้องตื่นขึ้นมากลางดึก หายใจแรงและมีเหงื่อชุ่มใบหน้า ความเจ็บปวดจากการถูกยิงทำให้หวาดหวั่น นับตั้งแต่เกิดใหม่ก็ไม่เคยนอนหลับสนิทเลย สาเหตุหนึ่งคือความกลัวจากการถูกฆ่า อีกสาเหตุคือเธอเคยชินกับการที่จือหานนอนเคียงข้างทุกคืน ไม่มีเขา หลินซินก็ไม่สามารถนอนหลับได้ แม้ว่าหลับก็จะฝันร้ายตลอด ในชาติก่อนเพราะเธอเกลียดจือหาน จึงไม่ยอมรับว่ารักเขา และไม่ยอมเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเอง รู้ดีว่าจือหานมักจะมากอดเธอหลังจากที่หลับไปแล้ว เธอรู้ดี แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ กลัวว่าหากขยับตัวจะทำให้เขารู้และละมือออก เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็ชินกับการมีจือหานอยู่เคียงข้าง หลินซินลุกจากเตียง เปิดประตูห้องและเดินไปที่ห้องของจือหาน ที่บ้านตระกูลจง… จงเซียนทุบทำลายข้าวของในห้องนั่งเล่นอย่างบ้าคลั่ง เศษเครื่องปั้นดินเผาและน้ำชากระจายเต็มพื้น คนรับใช้เห็นจงเซียนคลั่งก็ไม่กล้าเข้าไปห้าม กลัวว่าตัวเองจะเป็นรายต่อไป ในเมื่อข้าวของที่พังเป็นของจนเซียน เธออยากจะทุบก็ให้ทุบไป เพราะมีเงินมากพอที่จะทำแบบนี้ “เซียนเอ๋อร์ เธอทำอะไรน่ะ? เสียงดังขนาดนี้ เดี๋ยวปู่ตื่นขึ้นมาจะทำยังไง?” จงหลิงลงมาจากชั้นสอง เห็นภาพนี้ก็อดตกใจไม่ได้ “แม่ จือหานจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นแล้ว! แม่ให้หนูสงบสติอารมณ์ได้ยังไงล่ะ?” จงเซียนนั่งลงบนโซฟาแล้วโวยวายใส่จงหลิง “เป็นเพราะเฉินจือหานตาไม่ถึง ลูกสาวแม่ดีขนาดนี้เขายังไม่เอา นี่เขาตาบอดจริงๆ ที่ไปแต่งกับผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเทียบลูกได้ อย่าโกรธเลยนะลูก” ผู้เป็นแม่ปลอบประโลมหวังให้จงเซียนใจเย็นลง แต่เธอกลับปัดแก้วน้ำจนแตก “ทำไมล่ะ หนูไม่เหมาะสมตรงไหน ภรรยาของจือหานต้องเป็นหนูเท่านั้น!” “เซียนเอ๋อร์ เลิกเพ้อเจ้อเถอะ พวกเขาจะจดทะเบียนสมรสกันแล้วนะ ลูกทำอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์” “ไม่ใช่สามีของแม่ แม่ก็เลยไม่สนใจอะไรไง” จงเซียนมองแม่ด้วยสายตาไม่พอใจ “ยิ่งกว่านั้นถึงจะแต่งงานแล้วก็ยังหย่ากันได้ไม่ใช่เหรอ?” จงหลิงเงียบไป เธอกลับไปที่ห้อง เรียกลูกน้องที่ไว้ใจที่สุด สั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กู้จือ แผนที่วางไว้เริ่มดำเนินการได้แล้ว” “รับทราบ คุณหนู” จงเซียนหันหลังให้กู้จือ จึงไม่เห็นแววตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกนี้ต่อมาได้ทำร้ายตัวเธอเองอย่างคาดไม่ถึง ห้องนอนจือหาน… หลินซินเดินเข้าไปในห้องของจือหานท่ามกลางความมืด เธอไม่ต้องเปิดไฟก็รู้ตำแหน่งของเตียง จือหานนอนอยู่บนนั้น มีกลิ่นหอมบางอย่างลอยเข้ามา ทำให้เขารู้สึกแปลกความนุ่มนวลในอ้อมแขนจึงลืมตาตื่น “คุณมาทำอะไร?” จือหานพูดเสียงต่ำ มองผู้หญิงที่เข้ามาในห้องกลางดึกด้วยความประหลาดใจ “ฉันฝันร้าย ฉันกลัว นอนไม่หลับ” หลินซินมองจือหานด้วยสายตาเว้าวอน “งั้นคืนนี้นอนที่นี่ ฉันจะอยู่ข้างๆ คุณจะได้ไม่กลัว” จือหานลูบหัวหลินซินปลอบใจ ไม่รู้ทำไมเมื่อหลินซินเข้ามาในห้องและปีนขึ้นเตียง เขาไม่โกรธแต่รู้สึกสงสารเธอ ความรู้สึกนี้ทำให้ประหลาดใจ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาคงไล่ไปเลี้ยงหมาแล้ว “จือหาน...” หลินซินมองชายหนุ่มตรงหน้า น้ำเสียงเริ่มอ่อนโยน “ว่าไง?” “ฉันขอกอดคุณได้ไหม?” “ได้สิ” จือหานตกใจเล็กน้อย แต่ก็ตอบตกลง พวกเขาเพิ่งเจอกันครั้งแรกเองนะ? หลินซินโผเข้ากอดคนที่เธอรัก น้ำตาไหลเมื่อได้กลิ่นที่คุ้นเคย โชคดีจริงที่เธอยังได้เจอคนรักอีกครั้ง ความรู้สึกที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งมันมหัศจรรย์เกิดคาดคิด จือหานลูบหลังหลินซินปลอบใจเธอ แล้วกอดเธอแน่นขึ้น ทันใดนั้นภาพหนึ่งแวบเข้ามาในความคิดของเขา เป็นภาพหลินซินที่นอนตายบนเตียง อยู่ๆ ก็เกิดภาพหลอน แต่กลับรู้สึกเหมือนจริงมาก ความเจ็บปวดในใจทำให้เขาตื่นตระหนก ทำไมถึงรู้สึกว่าเขารู้จักหลินซินนานแล้ว ทั้งที่เพิ่งเจอกันเอง “หลินซิน ก่อนหน้านี้เรา...เคยเจอกันไหม?” “ถ้าบอกว่าเราเป็นคนรักกันในชาติก่อน จือหาน…คุณเชื่อไหม” จือหานไม่ได้ตอบเธอจึงเงยหน้าจ้องมองเขา ไม่อาจระงับความรู้สึกรักและคิดถึงที่ล้นเอ่อล้นได้ ในชาติก่อนเธอถูกบังคับให้มาอยู่กับตระกูลเฉิน แต่ในชาตินี้เธอเลือกที่จะมาเอง เธอต้องการชดเชยความรักทั้งหมดที่เคยมีต่อจือหาน คิดได้เช่นนี้หลินซินก็โอบคอเขาและจูบอย่างลืมตัว ผ่านไปหลายวินาทีเธอจึงสังเกตเห็นว่า ร่างกายของเขาแข็งทื่อใบหน้าดูเคร่งเครียด เธอไม่รู้ว่าจือหานก็รับรู้ถึงความรู้สึกนี้เช่นกัน เขาจึงทำอะไรไม่ถูก หลินซินคิดว่าทำให้จือหานโกรธ จึงหยุดการกระทำที่เกินเลย และไม่กล้าขยับ อาจเพราะเธอรีบเกินไป หากชายหนุ่มไม่พอใจจะทำอย่างไรดี แต่เธอประเมินความรักของจือหานที่มีต่อเธอต่ำไป ไม่ว่าจะเป็นในชาติก่อนหรือในชาตินี้ “ขอโทษค่ะ ฉัน...ฉันกลับไปนอนห้องตัวเองดีกว่า” หลินซินลุกขึ้นเตรียมจะไป แต่เมื่อคนในอ้อมแขนของเขาพยายามหนี เขาก็รู้สึกหวิวใจ และรีบคว้าหลินซินกลับมาในอ้อมกอดอีกครั้ง “ฉันอนุญาตให้เธอไปแล้วหรือ? จูบคนอื่นเขาต้องรับผิดชอบนะ หลินซิน” เธอหยุดนิ่งในอ้อมกอดของจือหาน ปล่อยให้ลมหายใจอุ่นของเขาล้อมรอบร่างกาย ร่างใหญ่ของเขาจูบซอกคอเธอ ทำให้ใจเธอสั่นระริกใบหน้าของแดงก่ำ “เมื่อกี้ทำเป็นกล้าทำไมตอนนี้ไม่ขยับแล้ว?” จือหานเย้าแหย่ เธอไม่กล้าขยับจริงๆ เพราะเธอรู้สึกได้ว่าจือหานมีปฏิกิริยา หากเธอขยับอีกนิด เธอคงจะโดนกินสดๆ จือหานไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาพลิกตัวกดหลินซินลงบนเตียง ร่างกายของทั้งคู่มีเพียงชุดนอนบางๆ ที่คั่นไว้ ความร้อนของร่างกายที่แนบชิดกันทำให้ทั้งคู่รู้สึกเดือดพล่านหลินซินถูกกดบนเตียง มือของเธอถูกกดไว้ข้างใบหู จึงไม่สามารถขยับได้ เส้นผมของเธอกระจายอยู่รอบๆ และปล่อยให้เขาจูบเธออย่างลึกซึ้ง แล้วเธอก็จูบตอบ ความรู้สึกทั้งหวานและเร่าร้อน จือหานค่อยๆ ถอดชุดนอนลูกไม้ของเธอ มือของเขาลูบไล้ผิวเนียนทีละนิด จนเหลือเพียงชุดชั้นในบรรยากาศในห้องยิ่งร้อนแรงขึ้น การเล้าโลมของเขาทำเอาเธอสติกระเจิงเนื้อตัวเหลวเหมือนเนย พร้อมละลายเมื่อสัมผัสกับความเร่าร้อนของเขา เช้าวันรุ่งขึ้น หลินซินตื่นขึ้นมาและสังเกตว่าข้างกายเธอว่างเปล่า ก้มลงมองรอยจูบบนและก็ถอนหายใจ ไม่ว่าจะในชาติก่อนหรือในชาตินี้ จือหานก็ยังคงทั้งดุและเร่าร้อน จือหานนั่งจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์ เพลิดเพลินกับเช้าอันสงบ ท่านปู่ของเขาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ มองดูหลานชายของตนด้วยความไม่พอใจ “จือหาน ทำไมตื่นเช้าจังไม่อยู่กับหลินซินให้นานกว่านี้?” “เป็นเพราะคุณปู่ตื่นเช้าเกินไป?” จือหานถามกลับ “หลานคนนี้จะทำให้ปู่โมโหตายเลยหรือไง” ท่านปู่ใช้ไม้เท้าทุบพื้นด้วยความโกรธ จือหานปกติไม่ค่อยพูดกับเขา แต่พอพูดก็ทำให้ปู่โมโหจนแทบคลั่ง หลินซินลงมาจากชั้นบนและเห็นฉากที่ปู่หลานกำลังโต้เถียงกัน เธออดหัวเราะไม่ได้จือหานหันไปทางซ้าย ท่านปู่หันไปทางขวาเป็นภาพที่ช่างกลมเกลียวกันจริงๆ “คุณปู่... ทำไมถึงมาแต่เช้าเลยคะ?” หลินซินเดินไปหาท่านปู่ “โอ้ คุณหนูจาง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาที่บ้านตระกูลเฉิน ปู่ต้องมาดูให้แน่ใจว่าหลานชายของปู่ไม่ได้แกล้งเธอ” ท่านปู่หันไปมองจือหานด้วยสายตาดุ “ไม่มีแน่นอนค่ะคุณปู่ จือหานดูแลหนูดีมาก” ท่านปู่มองเห็นรอยจูบรอบคอของหลินซินและเข้าใจทันที เขาหัวเราะเบาๆ อย่างพอใจไม่ผิดหวังเลยจริงๆ หลานชายของเขาเชี่ยวชาญจริงๆ ดี ดีมาก “ท่านปู่ คุณหนู อาหารเช้าเสร็จแล้วค่ะ” สุนอี๋มองดูภาพที่แสนสุขนี้ด้วยความดีใจ เธอจึงรีบจัดเตรียมอาหารเช้าให้เร็วขึ้น “หิวหรือยัง เราไปทานอะไรกันเถอะ” จือหานจับมือหลินซิน และพาเธอไปที่โต๊ะอาหารด้วยความเอ็นดู “ชีวิตปู่ช่างรันทดนัก รีบออกมาตั้งแต่เช้า แต่กลับถูกหลานชายทิ้งไว้ไม่มีใครสนใจ” ท่านปู่พูดอย่างน้อยใจ จือหานในตอนนี้ไม่มีปู่ในสายตาแล้ว “ไม่หรอกค่ะคุณปู่ จือหานยังคงห่วงใยคุณปู่ หนูก็อยู่ตรงนี้ด้วยไงคะ” หลินซินเข้ามาพยุงท่านปู่ไปที่โต๊ะอาหาร ท่านปู่ยิ้มและไม่ทำท่าทางน่าสงสารเหมือนก่อนหน้า จากนั้นทั้งเขาและจือหานก็นั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน นี่เป็นวันที่แสนสุขที่สุดในคฤหาสน์ตระกูลเฉิน ใบหน้าของคนรับใช้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม บรรยากาศอันเงียบเหงาในคฤหาสน์ก็บรรเทาลงอย่างมาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD