ตอนที่3.เรียกว่า...คุณธาม

1909 Words
เรียกว่า...คุณธาม ในที่สุดฉันก็อยู่ในรถปอร์เช่ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแรงและเร็วโดยมีท่านรองฯเป็นคนขับ ฉันนั่งหลังพิงเบาะตัวตรงด้วยความเกร็งภายในรถไม่มีการพูดคุยใดๆ ทุกอย่างเงียบสงบ จนเขาต้องเปิดเพลงเพื่อทำลายความเงียบให้ฟัง จนฉันเคลิ้มไปกับเสียงเพลงกำลังจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ แต่แล้วเมื่อได้ยินเสียงเพลงวิญญาณของดีเจก็มาสะกิดให้คิดถึงงานของคืนนี้ "ตายละวาคืนนี้มีงาน" พอนึกถึงคืนนี้ฉันแทบไม่มีเวลาเตรียมตัว ภาวนาขอให้กลับไปทันผับเปิดเป็นพอ เพลงที่เคยเตรียมไว้มีหลายแทร็คให้ใช้งานได้เมื่อยามคับขัน การเดินทางจากกรุงเทพฯถึงนครปฐมกินเวลากว่า 2 ชั่วโมงคิดคำนวณแล้วน่าจะเฉียดฉิว @ โรงงาน ฉันถือกระเป๋าเอกสารและโน้ตบุ๊กของท่านรองฯเดินตามเข้าไปในออฟฟิศของโรงงาน ตื่นตาตื่นใจกับทัศนียภาพโดยรอบ เมื่อเข้าไปในออฟฟิศฉันยกมือไหว้ทุกผู้ทุกคนไปตลอดทางตั้งแต่ปากประตูจนถึงด้านใน "สวัสดีค่า" "สมัยหน้าคุณจะลงสมัคร สส.เหรอ?" สิ้นเสียงดุๆของเขา ฉันหุบยิ้มทันทีแกล้งทำสีหน้าเศร้าสลดเดินตามท่านรองฯอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อยขึ้นทันตาเห็น คนอะไรชอบดับฝันคนอื่น คุณธนัทก็ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้ อดีตดาวมหาวิทยาลัยอย่างฉันก็ต้องสงบเสงี่ยมเป็นธรรมดา @ ห้องผู้อำนวยการโรงงาน เขาผลักประตูห้องผู้อำนวยการโรงงานนำฉันเข้าไปก่อน ฉันทำหน้าที่เปิดไฟเปิดแอร์ยื่นกระเป๋าเอกสารและโน้ตบุ๊กวางไว้บนโต๊ะทำงานแล้วมองไปรอบๆห้อง สงสัยอยู่ว่าท่านรองฯจะให้ผู้ช่วยอย่างฉัน ที่เขาอุตส่าห์หอบหิ้วมาจากกรุงเทพฯนั่งตรงไหนกันแน่ "โต๊ะคุณอยู่หน้าห้อง" เขาบอกเหมือนรู้ว่าฉันมองหาอะไร พอมาถึงถิ่นเก่าท่านรองฯก็ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวกับวันแรกที่เจอกัน เขามักชอบทำเสียงดุใส่ตลอดเวลา ว่างๆ ฉันก็อยากรบกวนท่านรองฯให้ไปเฝ้าบ้านที่ขอนแก่นให้พ่อกับแม่บ้าง "ค่ะ มีอะไรก็เรียกนะคะ" ฉันรีบเดินออกมาจากห้องทันทีแล้วนั่งประจำที่หน้าห้อง ว่างๆไม่มีอะไรทำจึงศึกษาLay Outของที่นี่ไปพลางๆ บัตรพนักงานที่มีคำว่านักศึกษาฝึกงานกับชุดนักศึกษา ดึงดูดให้เจ้าหน้าที่หลายท่านแวะเวียนมาทักทายไม่ขาดสาย ฉันนั้นก็เพลิดเพลินมากเหมือนกัน ตึ๊ง...ตึ่ง เสียงไลน์เข้า เป็นท่านรองฯ นั่นแหละที่ไลน์มาหาฉัน "ผมขอกาแฟ" "ค่ะ..." ฉันตอบไลน์แล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องอาหารส่วนกลางในทันที ตลอดเส้นทางฉันก็แจกยิ้มเรี่ยราดไปเรื่อย "ขอชงกาแฟให้ท่านรองฯหน่อยค่ะ" "เชิญค่ะ" คุณแม่บ้านประจำออฟฟิศก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เตรียมแก้วและกาแฟให้ครบครัน เสร็จแล้วก็เสิร์ฟสิคะรออะไร รับรองว่าท่านรองฯต้องติดใจรสมือเธอแน่ๆ ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก เคาะประตูห้องก่อนตามมารยาทนิดนึง เดี๋ยวเขาจะดุเอาอีก "กาแฟมาแล้วค่ะ" "เชิญครับ" ฉันวางแก้วกาแฟที่ควันโชยออกมาหอมกรุ่นวางให้ท่านรองฯ กำลังจะหมุนตัวกลับที่เดิมคือหน้าห้อง ต้องชะงักเมื่อเขาถาม "คุณจัดคิวนัดกับผู้จัดการตามที่ผมแจ้งไว้แล้วใช่ไหม" "ค่ะ น้ำขิงส่งไลน์ไปแล้วค่ะ" จากนั้นตลอดครึ่งวันเช้า ท่านรองฯก็มีประชุมและนัดคุยงานกับผู้จัดการแผนกต่างๆไม่ได้หยุดพักจนถึงพักเที่ยง "เที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน" "ที่ไหนคะ?" ฉันวางมือจากงานแล้วหยิบกระเป๋าสะพายมาคล้องไหล่ เตรียมท่าเดินตามท่านรองฯไปกินข้าว @ โรงอาหาร โรงอาหารของที่นี่มีอาหารมากมายให้เลือกหน้าตาถือว่าไม่เลวแต่ระดับท่านรองฯย่อมต้องแยกจากพนักงานเป็นเรื่องธรรมดา ห้อง VIP ถูกเปิดใช้พร้อมกับอาหารรอแล้วที่โต๊ะ เขานั่งลงแล้วส่งสายตาให้ฉันนั่งลงโต๊ะเดียวกัน "จะดีเหรอคะ" "น้ำขิงไปกินข้างนอกดีกว่าค่ะ" เขาส่ายหน้าไม่เห็นด้วยผายมือให้นั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกัน "เชิญคุณน้ำขิง" "แต่ แต่ว่า" ฉันยังอิดออดกินคนเดียวน่าจะอร่อยกว่าร่วมโต๊ะกับเขาเป็นไหนๆ "กินในนี้แหละ" "กับผม" เขาสั่งเสียงเฉียบขาดจนต้องนั่งลงตามคำสั่งด้วยความไม่เต็มใจ ส่วนฉันอยากออกไปม่วนจอยด้านนอกมากกว่า เมื่อตะกี้เดินผ่านร้านส้มตำได้กลิ่นปลาร้า(ที่บ้านเรียกปลาแดก)เตะจมูก ทำเอาน้ำลายแทบใหล "อาหารที่นี่อร่อยผมเลือกไว้ให้คุณแล้ว" "เหรอคะ" ฉันจำใจนั่งลงคว้าช้อนแล้วนั่งกินอย่างประหม่า มองข้าวในจานท่านรองฯที่พร่องไปนิดเดียว เขายังมีแก่ใจตักอาหารใส่จานให้ฉันหลายครั้ง จนฉันชักเริ่มเกรงใจ "ขอบคุณค่ะน้ำขิงตักเองได้ค่ะ" "ผมกลัวคุณไม่อิ่ม" "กินเยอะๆ เพราะตอนบ่ายเราจะเข้าไปดูงานในโรงงานกัน" "อ้อ ค่ะ น้ำขิงจะกินให้เยอะเลยค่ะ" ฉันพูดเอาใจไปอย่างนั้นแหละ คนแก่จะได้กินข้าวเยอะๆ "อืม ไม่ต้องเยอะมากเดี๋ยวอ้วน" สายตาคมมองมาทางฉันรีบมองสภาพตัวเองในกระจก "ยังหรอกตอนนี้ยังไม่อ้วน" เขาดักคอรู้ทันความคิดเด็กน้อย จากนั้นท่านรองฯก็ชวนฉันกินจนทุกอย่างหมดเรียบไม่มีเหลือ และในหลายวันที่ผ่านมาธามนิธิเอง เริ่มมีความรู้สึกที่ดีกับน้ำขิงมากกว่าวันแรกๆที่เจอกัน ความเป็นตัวของตัวเองและเป็นผู้หญิงที่เก่งงาน ไม่ว่าจะสั่งให้ทำอะไรเธอก็สามารถทำมันออกมาได้ดี จนเขาต้องยอมรับในความสามารถ แม้ว่าจะเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานก็ตาม ตอนบ่าย ท่านรองฯพาฉันเยี่ยมชมโรงงานตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงสามโมงเย็น เขายังบอกให้ฉันจดทุกอย่างที่เขาพูด "อืม...ค่ะ" ขากลับฉันต้องลากขาขึ้นรถปอร์เช่ด้วยความยากลำบาก ภายในรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำ จนฉันตาปรือแล้วหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าเป็นที่สุด หลังจากนั้นเบาะถูกปรับเอนลงตอนไหนฉันไม่รู้ ครืด...ครืด สมาร์ทโฟนฉันสั่นปลุกให้ตื่นเสียได้ "ฮัลโหล" ฉันงัวเงียตื่นแล้วหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาแล้วปัดรับทันที "กอล์ฟ" "ถึงไหนแล้ว" กอล์ฟถาม "ถึงไหนน่ะเหรอ" ฉันปรับเบาะขึ้นแล้วดูชื่อป้ายถนน ปรับสายตาให้เข้ากับแสง ถนนจรัญสนิทวงศ์นี่นา "ท่านรองฯจอดป้ายหน้าให้ด้วยค่ะ" "หอพักคุณอยู่สามย่านไม่ใช่เหรอ?" "เดี๋ยวผมไปส่ง" "น้ำขิงนัดกับเพื่อนไว้ค่ะ" จากนั้นไอ้กอล์ฟมันก็วางสาย ฉันเอี้ยวตัวหยิบกระเป๋าที่ด้านหลังแล้วเตรียมตัวลงรถพนมมือไหว้กล่าวขอบคุณอีกครั้ง "ขอบคุณค่ะท่านรองฯ" เมื่อรถจอดสนิทฉันก็ลงจากรถทันที ยกมือไหว้เขาพร้อมกับกระเป๋าใบเล็ก ป้ายรถเมล์ที่ฉันลงคือย่านบางพลัด ที่เลือกป้ายนี้ก็เพราะว่าคนค่อนข้างเยอะ ผู้คนเดินกันพลุกพล่าน แล้วยังมีเซเว่นอยู่ด้วย แสงไฟจึงสว่างไสวประเมินแล้วไม่อันตราย ด้วยความเหนื่อยล้าจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่ว่างอย่างหมดแรง เหลือบไปมองรถท่านรองฯยังจอดอยู่ริมถนนตามเดิม เห็นแสงไฟในรถฉันคิดว่าเขาคงคุยโทรศัพท์แน่ๆ จึงยังไม่ไปซักที นั่งไปนั่งมาไอ้กอล์ฟก็ยังไม่มา ชะเง้อจนคอยาวมันก็ยังไม่มาซักที ท้องฉันร้องโครกครากด้วยความหิวจึงเดินเข้าเซเว่นหาอะไรกิน หยิบของกินใส่ตะกร้าเป็นข้าวผัดกระเพรากับน้ำเปล่าและขนมอีกสองถุงแล้วเข้าแถวรอจ่ายเงิน "ผมจ่ายให้..." เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังแผ่วเบา แล้วสะกิดที่ไหล่บางของฉันอีกครั้ง "เสียงคุ้นๆวุ้ย" "อ้าว ท่านรองฯยังไม่กลับอีกเหรอคะ" "ยังหรอก พอดีผมคอแห้งเลยมาซื้อน้ำ" "ค่ะ" ฉันมองของในมือท่านรองฯก็มีของกินเหมือนกันกับของฉันไม่มีผิด ระหว่างรอพนักงานเวฟข้าว เขาก็เหลียวซ้ายแลขวามองนั่นมองนี่จนฉันต้องมองตามสายตานั้น "มองหาใครคะ?" "เพื่อนคุณไงมาถึงหรือยัง" "ยังเลยค่ะ มันให้รออีก20นาที" ฉันนั้นอยากจะหัวเราะในความสอดรู้สอดเห็นของท่านรองฯ นึกว่ามีแต่ฉันที่ชอบสอดรู้สอดเห็นซะอีก "ได้ข้าวแล้วไปนั่งรอที่รถผมก่อนก็ได้" "จะได้กินข้าวเป็นเพื่อนผม" "ผมหิว" "ได้ค่ะ" จากนั้นฉันกับท่านรองฯก็ใช้ปอร์เช่สุดหรูกินข้าว กลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งคัน "จะไม่เหม็นเหรอคะรถของท่านรองฯ" "ช่างมันเดี๋ยวก็หาย" ตอนนี้ใบหน้าท่านรองฯที่ฉันว่าแก่ในตอนแรก กลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เขาเทคแคร์ดูแลฉันอย่างดี "กินข้าวกับเธออร่อยจัง" ท่านรองฯพูดแต่ฉันเขิน คนอะไรพอไม่ดุก็น่ารักไปอีกแบบ กินข้าวอิ่มแล้วเขามองหน้าฉันอย่างค้นหาสายตาคมมีคำถามมากมายใบหน้าหล่อดูจริงจังขึ้นมา "คุณจะไปไหนต่อ?" "ผมจะไปส่งก็ไม่ให้ไป" "เกิดคุณเป็นอะไรไป พ่อกับแม่ของคุณจะมาว่าผมได้นะ" ฉันเริ่มคิดหนักแต่ก็ลองวัดใจกันไปเลยว่า "ไปทำงานพาร์ทไทม์ค่ะ" "ทำงานอะไร?" สีหน้าเขาดูก็รู้อยากรู้มากแค่ไหน "ดีเจ ค่ะ ดีเจเปิดเพลงค่ะ" "แถวไหน?" "ผับ แถวๆทองหล่อค่ะ" ฉันมองหน้าเขาแอบลุ้นในใจว่าเขาจะว่าอย่างไร ฉันเห็นเขาทำตาโตแบบไม่เชื่อว่า น้ำหน้าอย่างฉันเนี่ยนะจะเป็นดีเจได้ แต่เขาก็ไม่ว่าอะไรนอกจากทำสายตาแปลกใจแค่วูบเดียวแล้วก็นิ่งเหมือนเดิม จะบอกอะไรให้ค่ะ ฉันน้ำขิงคนนี้ยังมีอะไรให้คุณแปลกใจอีกเยอะค่ะท่านรองฯ เขาถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกใบหน้าดูอนาทรมากขึ้น "ต่อไปไม่ต้องเรียกผมว่าท่านรองฯอีกนะ" "ทำไมล่ะคะ" ฉันดูดน้ำเปล่าจากขวดแล้วมองเขาเป็นเชิงคำถาม "มันดูแก่" เขาบอกสีหน้าดูจริงจังมาก ฉันแทบสำลักน้ำ ท่านรองฯในวัย35ปีเมื่อเทียบกับฉัน ท่านต้องแก่เป็นธรรมดานั่นแหละค่ะ แต่ท่านรองฯก็หล่อไม่เบาเหมือนกันนะ แค่ก...แค่ก ฉันเห็นเขาขมวดคิ้วไม่พอใจที่ฉันทำหน้าแบบไม่ยอมรับ เขาหยิบทิชชู่ยื่นให้ "เช็ดซะ" "ต่อไปเรียกคุณธามก็พอ" ฉันยิ้มกว้างเห็นแก้มบุ๋มอันทรงเสน่ห์ "ได้ค่ะคุณธาม" ฉันจิกตาใสซื่อแบ๊วสุดฤทธิ์ใส่เขาเพื่อแสดงให้เห็นว่าจริงใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD