PK PUB
“พวกมึงเคยรู้สึกชอบใครไหมวะ”
“พรวด!”
“แค่ก ๆ!”
หลังฟังคำถามผมจบ ไอ้กวินพ่นเหล้าออกมาทันที ส่วนไอ้เร็นนั้นสำลักหน้าแดงไปแล้ว ผมขมวดคิ้วมองพวกมันสองตัวด้วยความขยะแขยงหน่อย ๆ ไม่รู้แม่งจะรีบแดกกันไปไหน ไม่ได้มีใครแย่งแดกสักหน่อย
“จะรีบแดกไปไหนวะ โคตรสกปรก” ผมถอยตัวหนีมาชิดโซฟาอีกฝั่ง แสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจ
“โว้ยเฮีย! ไม่ได้รีบแดก แต่ตกใจคำถามเฮียต่างหากเล่า!” ไอ้กวินเช็ดปากลวก ๆ แล้วเขยิบเข้ามาใกล้ผมด้วยสีหน้าสอดรู้สอดเห็น
“ตกใจห่าอะไรกันวะ กูก็แค่ถามเฉย ๆ”
“มันไม่เฉย ๆ อ่ะ คนอย่างเฮียจู่ ๆ มาถามเรื่องความรักความชอบ มันเฉยไม่ได้แล้วเหอะ”
“ทำไมวะ? คนอย่างกูมันเป็นยังไง” ชักขึ้นล่ะ คนอย่างผมมันเป็นยังไงวะ ทำไมจะถามเรื่องความรักบ้างไม่ได้ห๊ะ?
“โถ่ ๆ ใจเย็นก่อนนะเฮียนะ ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น แค่แบบ… ตอบยังไงดีวะ มึงพูดดิ๊ไอ้เร็น” แล้วไอ้กวินก็โยนขี้ไปให้ไอ้เร็นที่เพิ่งหายหน้าดำหน้าแดง มันกระดกเหล้าล้างปากหนึ่งอึกอย่างโคตรลีลา
“คนไม่เคยมีความรักแบบเฮีย ทำไมจู่ ๆ ถึงถามเรื่องนี้ล่ะครับ”
“เพราะยัยนั่นบอกว่ากูชอบเธอ” พอโดนพวกมันสองคนจ้อง ผมก็ยักไหล่ตอบไปตรง ๆ ไม่รู้ทำไมผมต้องมานั่งว้าวุ่นใจกับคำพูดไม่กี่คำของเธอด้วย แต่แม่ง… สลัดไปจากหัวไม่ได้สักที โคตรน่าหงุดหงิด…
“ยัยนั่น? ยัยไหนวะ” ไอ้กวินเกาหัวหันไปขอความเห็นจากไอ้เร็น
“ผู้หญิงที่ชื่อสายขิมคนนั้นเหรอครับ” ผมเหลือบตามองไอ้คนหัวไว สมเป็นมันจริง ๆ แสนรู้ไปหมดทุกเรื่อง!
“อ้อ ผู้หญิงที่เฮียพามาที่สนาม?” ไอ้กวินเข้าใจโลกมากขึ้น มันหันกลับมามองผม “เธอบอกเหรอว่าเฮียชอบเธออ่ะ”
“ยัยนั่นพูดว่างั้น” ผมยักไหล่ตอบ
“แล้วเฮียชอบเธอจริง?”
“…” ผมนิ่งไปแปปนึงก่อนตอบ “ก็เออ กูชอบเห็นยัยนั่นโวยวาย สนุกดี”
เสียงถอนหายใจคล้ายเหนื่อยหน่ายดังมาจากพวกมันสองคน อะไรวะ ผมตอบอะไรผิด ก็ผมชอบเห็นยัยนั่นโวยวายจริง ๆ นี่ อย่างน้อยก็ดีกว่าทำหน้าเย็นชาใส่ผมล่ะนะ
“ไม่ใช่อย่างนั้นดิเฮีย หมายถึงชอบที่แปลว่ารักอ่ะ”
ชอบที่แปลว่ารัก… รักอะไรของมันวะ?
“ทำหน้าแบบนี้ ไม่เข้าใจสินะครับ”
“อะไรของพวกมึงกันวะ ชอบกับรักห่าอะไร กูงงไปหมดแล้ว”
ผมว่าผมเข้าใจความหมายของคำว่าชอบถูกแล้วนะ มันก็คือความพึงพอใจ ความถูกใจ ความต้องการ ไม่ใช่เหรอวะ? แล้วเกี่ยวอะไรกับความรักวะ?
“เอางี้นะเฮีย ผมถามแบบง่าย ๆ เลย เฮียตอบมาตรง ๆ เลยนะ” แก้วเหล้าในมือถูกผสมใหม่ให้เข้มขึ้น คล้ายพวกมันกำลังจะมอมผมงั้นแหละ แต่บอกเลยว่าไม่ได้แดกผมหรอก คอผมแข็งยิ่งกว่าทองแดงซะอีก
“เฮียคิดถึงเธอป่ะ แบบว่าอยากเจอหน้ามาก ไม่อยากให้คลาดสายตางี้”
ผมคิดตามคำถามของไอ้กวิน ผมคิดถึงสายขิมไหมเหรอ… ก็มั้ง หลังจากเมื่อวานเธอหนีผมไป เราก็ไม่ได้เจอกันอีก ทั้งที่เราเรียนอยู่คณะเดียวกันแท้ ๆ แต่วันนี้ทั้งวันยังไม่ได้เห็นหน้าเธอสักนิด
“เงียบนี่คือ?”
“เออมั้ง” ผมพยักหน้ารับแบบส่ง ๆ ไม่ได้คิดวิเคราะห์คำพูดตัวเองเท่าไหร่ ไม่ได้สังเกตสีหน้าท่าทางของไอ้สองตัวนี้ด้วย “แล้วมันเกี่ยวกันยังไงวะ ปกติเวลากูล่าเหยื่อก็ต้องนึกถึงเหยื่ออยู่แล้ว”
“ก็จริงครับ งั้นถ้ามีผู้ชายคนอื่นไปยุ่งกับเธอเฮียจะทำยังไง?”
“กระทืบหน้าแม่ง” ผมกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะตามแรงอารมณ์ แค่คิดว่ามีผู้ชายไปยุ่งกับสายขิมขึ้นมาจริง ๆ ผมก็คันส้นขึ้นมาแล้ว
“ชัดเลยครับ”
“พันเปอร์เซ็นต์”
“อะไรกันวะ?” ผมขมวดคิ้วใส่ไอ้สองตัวที่นั่งยิ้มกรุ้มกริ่มแปลก ๆ พวกมันเป็นบ้ากันหรือยังไงวะ
“เฮียชอบเธอเข้าแล้วล่ะครับ”
“ชอบที่แปลว่ารักเลยเหอะ”
“…” ผมสตั้นไปเลย พอพวกมันบอกแบบนั้น หัวผมเบลอไปชั่วขณะจริง ๆ จู่ ๆ ภาพใบหน้าสวยแสนเย็นชาก็วาบเข้ามาในสมอง แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือไอ้ความว้าวุ่นใจก่อนหน้านี้มันหายเป็นปลิดทิ้งเลย ราวกับว่ามันถูกปลดล็อคลงแล้ว
หมายความว่า… ผมชอบสายขิมเหรอวะ? ชอบที่แปลว่ารักอะนะ? เอาจริงดิ?!
.
.
.
[บทบรรยาย สายขิม]
“ไม่ไปต่อด้วยกันจริง ๆ เหรอขิม”
“คืนนี้ขอบาย ขิมเพลีย ๆ น่ะ เตี่ยกลับบ้านเร็วด้วย ไม่อยากมีปัญหา” ปกติเวลาฉันกับสายซอจะกลับบ้านดึก พวกเราจะเลือกวันที่เตี่ยกลับบ้านช้า เพราะไม่ต้องลงมากินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่ถ้าวันไหนเตี่ยกลับเร็ว พวกเราก็ต้องรีบกลับอย่างที่เห็นนี่แหละ
ฉันเดินแยกจากปริมมาทางลานจอดรถหน้าคณะ จังหวะนั้นสายตาปะทะเข้ากับร่างสูงคุ้นตาของใครคนหนึ่ง เขายืนพิงรถสปอร์ตคันหรูสีดำดุ ทันทีที่ดวงตาคมเงยขึ้นมาสบตากัน บุหรี่ในมือถูกทิ้งลงบนพื้นแล้วขยี้ด้วยปลายเท้าก่อนเดินตรงเข้ามาหาฉัน
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน? หรือว่ามารอฉัน?
“มีอะไรหรือเปล่า มารอขิมเหรอ?”
“อืม เมื่อวานโทรกลับไปหาไม่ติด ก็เลยเป็นห่วง”
อัคคีเป็นคนตัวสูง น่าจะราว ๆ ร้อยแปดสิบห้าเห็นจะได้ ส่วนฉันแม้จะไม่ได้สูงมากแต่ก็ไม่ได้เตี้ยเลยซะทีเดียว ถ้าความห่างจากเขาก็คงประมาณสิบห้าเซนต์เลยทีเดียว เพราะงั้นเวลาคุยกับเขาฉันจึงต้องเงยหน้าเสมอ ทว่าครั้งนี้น่าแปลก เพราะอัคคีโค้งตัวลงมาหาฉันเอง ทั้งที่ปกติเขาไม่เคยทำ
“อ้อ… เรื่องนั้นขอบใจอัคมากนะ แต่ขิมตามยัยซอเจอแล้ว และแบตก็หมดด้วย พอกลับบ้านเสียบชาร์จก็ลืมเปิดเครื่อง ขอโทษทีที่ทำให้เป็นห่วง”
ความจริงคือเมื่อวานหลังจากเสือพยัคฆ์ยึดโทรศัพท์ฉันไป เขาก็ไม่ยอมส่งคืนฉัน แถมตอนหนีเขากลับฉันดันลืมซะอีก ก็เลยปล่อยเลยตามเลย เอาไว้ค่อยไปทวงคืนทีหลังแล้วกัน