“ปล่อยฉันนะ! นั่นมันยัยซอ! น้องฉันอยู่บนรถคันนั้น! ฉันจะตามน้องฉันไป!”
“เธอโง่หรือเปล่าวะ คิดว่าขาสั้น ๆ ของเธอจะวิ่งตามแมคราเลนเครื่องยนต์แปดสูบทันเหรอวะ เวรเอ๊ย!” ผมสบถออกมา ยัยนี่ห่วงน้องจนขาดสติจริง ๆ วิ่งทะเล่อทะล่าออกมาบนถนนแบบนี้ถ้ามีรถหลังตามมาได้ถูกชนตายแน่ ๆ คิดแล้วน่าโมโหฉิบหายเลยว่ะ!
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง นั่นน้องสาวฉันนะ! ยัยนั่นถูกไอ้ชั่วที่ไหนก็ไม่รู้พาตัวไปต่อหน้าต่อตาฉัน แต่ฉันกลับช่วยอะไรน้องไม่ได้” สายขิมโวยวายแถมยังตบตีแขนผมไม่หยุด เธอพยายามจะทำให้ผมปล่อยตัวเธอ ผมจึงตัดปัญหาด้วยการจับตัวเธอหมุนกลับมาแล้วกอดเอาไว้ ยิ่งเธอดิ้นผมก็ยิ่งกอดแน่นขึ้น “คิดจะทำบ้าอะไร! ปล่อยฉันนะ! กล้าดียังไงมากอดฉัน!!”
“เลิกบ้าก่อนแล้วฉันจะปล่อย” มือข้างหนึ่งรวบเอวเธอแน่น ขณะมืออีกข้างดันแผ่นหลังเธอให้ส่วนหน้าอกของเธอแนบชิดกับตัวผม ส่งผลให้คนตัวเล็กดิ้นแรงกว่าเดิม
“เสือพยัคฆ์! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” สายขิมอาละวาดหนักขึ้น แต่สำหรับผมเธอเหมือนกับแมวขี้โมโหที่พยายามจะข่วนเจ้านายมากกว่า “ไอ้คนเลว! ไอ้ชั่ว! นายมันสารเลวเกินไปแล้วนะ!!”
ฮึ่ม… เธอก็เริ่มด่าฉันแรงเกินไปแล้วนะยัยตัวดี!
ผมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ปกติผมไม่เคยยอมให้ใครมาด่ากันฟรี ๆ แบบนี้หรอกนะ สายขิมก็ไม่มีข้อยกเว้น
ยัยแมวขี้โมโหคงต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้ว!
“ฉันบอกให้ปล่อยไง! ไอ้บ้าเอ๊ย! ไอ้… อื้อ!” มือหนาล็อคปลายคางเธอให้เอียงรับการสั่งสอนจากริมฝีปากของผม และเพราะเธอกำลังจะอ้าปากด่าทำให้ผมอาศัยจังหวะนั้นแทรกเรียวลิ้นเข้าไปสั่งสอนเธอได้อย่างลึกซึ้ง ความหวานล้ำที่เคยสัมผัสมาแล้วครั้งหนึ่งทำผมติดใจจนเผลอเพิ่มความดูดดื่มมากขึ้น สองเท้าผลักดันร่างบางเข้าประชิดผนังตู้คอนเทนเนอร์และจับกดเธอไว้ ขณะริมฝีปากยังคงดูดซับความหวานไม่หยุด
อ่า… ผมติดใจรสชาติของยัยแมวขี้โมโหตัวนี้เข้าแล้วเต็มเปา อยากจะจับขึ้นเตียงแล้วคลอเคลียให้หายพยศซะจริง!
.
.
.
[บทบรรยาย สายขิม]
ความเย็นเฉียบซึมซาบไปทั่วแผ่นหลังขัดกับความร้อนรุ่มในโพรงปากอย่างสิ้นเชิง ฉันแทบจะขาดอากาศหายใจกับจูบแสนกักขฬะของผู้ชายสารเลวตรงหน้า นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ! เสือพยัคฆ์คิดว่าตัวเองเป็นใคร คิดจะจูบก็จูบเลยแบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่ใช่เมียเขานะ แฟนยิ่งไม่ใช่ ไม่แม้แต่จะเป็นคนรู้จักกันด้วยซ้ำ หยาบคายเกินไปแล้ว!
ตุบ!
มือบางยกขึ้นทุบไหล่หนาสุดแรงเพราะจูบเอาแต่ใจของเขากำลังจะทำให้ฉันขาดใจตาย และแทนที่เขาจะถอนริมฝีปาก กลับเพียงผละออกแค่เสี้ยววินาทีให้ฉันได้สูดลมหายใจ ริมฝีปากกรุ่นร้อนก็ประกบลงมาใหม่ เรียวลิ้นร้อนรุ่มบดคลึงริมฝีปากฉันหนัก ๆ เพราะฉันเม้มปากแน่นไม่ยอมให้คนสารเลวล่วงล้ำกันอีกเป็นครั้งที่สอง ฉันพยายามขัดขืนอย่างถึงที่สุด สองมือผลักดันร่างสูงให้ออกห่างจากตัว แต่วงแขนแกร่งไม่ยอมปล่อยเอวฉันโดยง่าย เขามันทั้งรั้น ทั้งเอาแต่ใจ และโคตรฉวยโอกาสที่สุด!
“…แฮ่ก” สุดท้ายเสือพยัคฆ์ผละริมฝีปากออกไป ตัวเขาก็ด้วย เขาถอยห่างจากฉันสองก้าว เว้นระยะให้ฉันได้หายใจหายคอและทรงตัวยืนด้วยสองขาของตัวเอง รู้สึกหัวสมองขาวโพลงแปลก ๆ เนื้อตัวรุ่มร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ โดยเฉพาะใบหน้าที่ร้อนผ่าวราวกับคนเป็นไข้
“เลิกอาละวาดได้ยัง? ถ้ายังจะได้สั่งสอนต่อ?”
อาละวาด?
“…” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาคมทอประกายแพรวพราว และมันทำให้ฉันโมโหขึ้นมาอีกรอบ
เพี๊ยะ!
นี่คือสิ่งที่ฉันควรจะทำตั้งแต่แรก คืนนี้เสือพยัคฆ์หยาบคายกับฉันหลายครั้งหลายหน และฉันจะไม่ทนยืนโง่ ๆ ให้เขาข่มเหงกันแน่
ใบหน้าหล่อร้ายกาจเบี่ยงไปตามแรงตบของฉันเล็กน้อย ฉันไม่ได้สนใจสีหน้าอึ้ง ๆ ของเขา เพราะหลังจากตบเขาเสร็จฉันก็เดินหนีออกมา ฉันต้องตามรถคันนั้นไป เมื่อครู่จำเลขป้ายทะเบียนไว้แล้ว ตอนนี้สิ่งที่ควรทำคือต้องโทรหาใครสักคนที่สามารถช่วยฉันตามหาเจ้าของรถคันนั้นได้ และคนเดียวที่ฉันนึกถึงก็คือ…
“ฮัลโหลอัค ช่วยขิมหน่อยได้ไหม?” ฉันกดต่อสายหาอัคคีเป็นครั้งแรกหลังจากที่ฉันขอเลิกกับเขา อัคคีเป็นลูกตำรวจยศใหญ่ หากเขาจะช่วยฉันค้นทะเบียนรถน่าจะมีเปอร์เซ็นต์ในการตามเจอสูง
[เกิดอะไรขึ้น?] เสียงปลายสายเข้มขึ้นเล็กน้อย ฉันเดินมาตามทางคู่ขนานกับสนามแข่ง ถ้าจำไม่ผิดข้างหน้าเป็นประตูทางออกจากสนามแห่งนี้
“ยัยซอขึ้นรถไปกับใครไม่รู้ ตอนนี้ขิมกำลังตามหาน้องอยู่ ขิมจำได้แค่ป้ายทะเบียนรถคันนั้น อัคช่วยขิมได้ไหม”
[ได้ ป้ายทะเบียนอะไร?]
“99xx กรุงเทพมหานคร”
[โอเค แล้วตอนนี้ขิมอยู่ไหน เดี๋ยวไปหา]
ฉันแปลกใจเล็กน้อยที่จู่ ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยจากปลายสาย เพราะตอนที่เราคบกันฉันไม่เคยโทรขอความช่วยเหลือจากอัคคีมาก่อน นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ฉันขอความช่วยเหลือจากเขาอย่างจริงจัง
“ขิมอยู่ที่… อ๊ะ” โทรศัพท์ของฉันถูกแย่งไปก่อนที่จะบอกพิกัดกับปลายสาย หันมองก็พบว่าเป็นเสือพยัคฆ์ นี่เขาเดินตามฉันมาตลอดเลยงั้นเหรอ? เขาจ้องหน้าฉันอย่างดุดันแถมยังกดตัดสายอัคคีทิ้งหน้าตาเฉย “ทำบ้าอะไร? คืนโทรศัพท์ฉันมานะ!”