EP.13 [จบ]

978 Words
“ได้ ขอแชทบอกปริมก่อนนะ” ฉันตอบตกลงพลางกดส่งข้อความหาปริมทางโทรศัพท์ บอกให้เธอกลับไปนั่งรอที่โต๊ะก่อน อัคคีพาฉันมาด้านหลังของผับ บริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนพลุ่กพล่านสักเท่าไหร่ เมื่อเดินมาถึงเราสองคนยังคงเงียบใส่กัน กระทั่งอัคคีเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน “พวกมันทำอะไรขิมหรือเปล่า” คงหมายถึงพวกสวะในคืนนั้นสินะ “ไม่ได้ทำอะไร เรื่องนั้นมันจบไปแล้ว อัคไม่ต้องใส่ใจหรอก” “ขอโทษนะ” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาท่ามกลางความมืด ไม่บ่อยนักที่น้ำเสียงของอัคคีจะเจือไปด้วยแรงอารมณ์แบบนี้ ปกติเขานิ่งจะตาย หากใคร ๆ บอกว่าฉันเย็นชา อัคคีก็คงไม่ต่างกัน “ขอโทษที่ไม่ได้ไป” “อื้อ ไม่เป็นไร บอกแล้วไงว่าไม่ต้องใส่ใจ” ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยแฮะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวภาระ เป็นตัวปัญหา ทำให้คนอื่นไม่สบายใจ ทำให้พวกเพื่อน ๆ ต้องมาคอยกังวล เรื่องที่ฉันกับอัคคีคบกันก็ด้วย เพื่อน ๆ ต่างก็พากันเป็นห่วงอยู่เสมอ มันยุ่งยากจริง ๆ ฉัน… เหนื่อยแล้ว จบมันเลยดีไหมนะ… “นี่อัค… เราเลิกกันดีไหม?” พอใจคิด ปากมันก็ขยับตาม ได้ยินเสียงตัวเองถามออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ ราวกับพวกเรากำลังคุยเรื่องไร้สาระกันอยู่ แววตาอัคคีทอประกายตกใจแต่ก็เพียงวูบเดียวเท่านั้นก่อนมันจะกลับมาราบเรียบตามเดิม “ขิมอยากเลิกเหรอ” เขาถามกลับด้วยเสียงโทนปกติเช่นกัน บอกแล้วไงว่านิสัยเราเหมือนกันเกินไป เฉยชาต่อทุกสิ่งบนโลก… “จะเลิกหรือคบกันต่อไปมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมอยู่ดีใช่ไหมล่ะ ถ้าเราเลิกกันพวกเพื่อน ๆ จะได้ไม่กดดันอัคเรื่องขิมอีก ขิมเองก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูของอัคด้วย” ฉันให้เหตุผลที่สมควร และคิดว่าอัคคีคงเข้าใจ “เพราะเรื่องคืนนั้นเหรอ? ถ้าขิมโกรธที่เราไม่ไป จริง ๆ แล้วเรา…” “ไม่ใช่หรอก มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น” ฉันตัดบทอัคคีที่พยายามจะอธิบาย น่าแปลกที่เขาเริ่มมีปฏิกิริยาร้อนรนแบบนี้ เขาอยากจะอธิบายอะไรกัน? “แล้วทำไมถึงอยากเลิก?” “เพราะเราไม่ได้รักกันไงอัค หนึ่งปีที่เราคบกันมา ความสัมพันธ์ของเราไม่ต่างจากเพื่อนกัน แล้วเราจะคบกันไปทำไมล่ะในเมื่อความรู้สึกมันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย ถ้าจะเปลี่ยนแค่สถานะก็อย่าฝืนคบกันต่อไปเลยดีกว่า” ตอนแรกฉันคิดว่าอัคคีจะยอมเลิกกับฉันง่าย ๆ โดยไม่ถามอะไรด้วยซ้ำ แต่นี่ฉันกลับต้องมาอธิบายถึงเหตุและผล มันเกินคาดจริง ๆ “…” อัคคีเงียบไป เขาไม่ได้พูดหรือแสดงอาการอะไรออกมาอีกนอกจากใบหน้านิ่ง ๆ กับสายตาติดจะร้อนรนหน่อย ๆ ของเขา ฉันมองสบกับดวงตาคู่คมชั่วขณะหนึ่ง รอฟังว่าเขาจะพูดอะไรไหม กระทั่งความเงียบผ่านไป คำตอบในใจจึงชัดเจน “ถ้างั้น… ขิมไปนะ จากนี้ไปก็ฝากตัวในฐานะเพื่อนด้วย” ริมฝีปากบางขยับยิ้มเล็กน้อย ความรู้สึกของฉันเวลานี้มันไม่ใช่ดีใจหรือเสียใจอะไร แต่มันคือความรู้สึกว่างเปล่า… ฉันตัดสินใจเดินออกมาจากตรงนั้น ทว่าเดินผ่านร่างสูงไม่เท่าไหร่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะมือข้างซ้ายถูกคว้าเอาไว้ หันมองเจ้าของฝ่ามือกรุ่นร้อนด้วยความแปลกใจระคนตกใจ อัคคีจับมือฉันแน่นมาก เขามองฉันเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ฉันก็รอฟังอย่างตั้งใจ เวลาผ่านไปเกือบนาที สุดท้ายแล้วอัคคียอมปล่อยมือฉันโดยไม่พูดอะไรเหมือนเดิม เขาก็เป็นซะแบบนี้… คิดอะไร รู้สึกยังไง ไม่เคยพูด เราเหมือนกันมากเกินไปจริง ๆ จบกันด้วยความเข้าใจแบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยก็ยังเหลือความเป็นเพื่อนให้กัน ฉันเดินกลับเข้าผับ จังหวะที่กำลังจะถึงประตูทางเข้าด้านหลัง สองตาบังเอิญสะดุดเข้ากับร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังยืนสูบบุหรี่พิงกำแพงอยู่ไม่ไกล มองจากระยะที่เขายืนมันอยู่ไม่ห่างจากจุดที่ฉันกับอัคคีคุยกันด้วย นี่เขาคงไม่ได้จงใจยืนแอบฟังหรอกใช่ไหม หน้าด้านสันดานแย่ไม่มีใครเกินเลยจริง ๆ! หมับ ข้อมือข้างเดิมที่ถูกอัคคีจับเมื่อครู่ บัดนี้มีมือของใครอีกคนมาจับทับซ้อนอย่างถือวิสาสะ ฉันตวัดสายตามองการกระทำน่าตายนั่นทันที “ปล่อย” “อย่าฝัน คืนนี้เธอต้องชดใช้ให้ฉัน ลืมแล้วเหรอ?” เสือพยัคฆ์ทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้ปลายเท้าบดขยี้มันแรง ๆ ท่าทางอันธพาลเหลือร้ายนี่มันอะไร ฉันติดหนี้อะไรเขานักหนาเหรอ ทำไมถึงราวีไม่เลิกแบบนี้ “ทำยังไงนายถึงจะเลิกยุ่งกับฉัน?” เบื่อจะหนีคนอย่างเขาแล้วจริง ๆ ชดใช้ให้จบ ๆ ไปเลยดีไหม จะได้ไปไกล ๆ ฉันเสียที “ไปกับฉันสิ” “ไปไหน?” ฉันบิดข้อมือออก เขายอมปล่อยโดยดีเมื่อเห็นว่าฉันไม่เดินหนีแล้ว ริมฝีปากหนาขยับยิ้มพอใจโค้งตัวยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจกลิ่นมิ้นต์อ่อน ๆ ของเขา “คอนโดฉัน” “…” ฉันนิ่ง กรอกตาขึ้นสบกับดวงตาคม นิสัยนักล่าอย่างเสือพยัคฆ์คงไม่ยอมหยุดล่าง่าย ๆ ถ้ายังไม่ได้ขย้ำเหยื่อที่หมายตา แล้วถ้าฉันยอมให้เขาขย้ำโดยดี เขาจะยอมจบกับฉันไหม?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD