“หาาา! นี่แกเป็นฝ่ายเดินตามหมอนั่นไปเองงั้นเหรอ?!” เสียงตกใจของฉันก้องไปทั่วห้อง โชคดีที่พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน ส่วนสายซึงก็ยังไม่กลับ ไม่อย่างนั้นทุกคนได้วิ่งแห่กันมาที่ห้องฉันแน่
“กะ ก็ประมาณนั้นแหละเจ้” สายซอตอบรับเสียงอ่อย เธอฟุบหน้าลงกับหมอน ท่าทางแฮงค์ไม่หาย แต่ฉันนี่ โมโหจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว!
“สายซอ! แกบ้าไปแล้วเหรอ!!” ฟาดมือใส่แขนน้องไปหนึ่งเพี๊ยะ ยัยตัวดีสะดุ้งตื่นเต็มตา แหกปากร้องโอย ๆ
“เค้าเจ็บนะเจ้! ตีเค้าทำไมเนี่ย!”
“ฉันอยากจะตีแกให้ตายคามือเลยด้วยซ้ำ! แกคิดอะไรอยู่กันหะ! กล้าดียังไงถึงเดินตามผู้ชายกลับบ้านแบบนั้น แถมยัง… ยังเป็นผู้ชายที่โคตรอันตรายเลยด้วย! แกอยากให้ฉันอกแตกตายหรือยังไงกันสายซอ!”
โอ๊ย… ฉันอยากจะบ้าตายไปเลยจริง ๆ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโมโหขนาดนี้มาก่อน ก็รู้ดีว่าสายซอมันดื้อ แต่ไม่คิดว่ามันจะทั้งดื้อทั้งบ้าขนาดนี้ ถึงขนาดเมาจนเดินตามคนแปลกหน้ากลับบ้านนี่มันเกินไปแล้วจริง ๆ
“ก็เค้าเมานี่เจ้ แล้วเมื่อคืนเจ้ก็ทิ้งเค้าไปตั้งนาน เค้าเกือบโดนไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ลากไปแล้วรู้ป่ะ!” สายซอบ่นอุบอิบ แต่ฉันได้ยินชัดสองหู ถลึงตามองน้อง
“ว่ายังไงนะ? เกิดเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ?!”
“ใช่ ถ้าเค้าไม่ได้เฮียสิงห์ช่วยไว้ ป่านนี้คงโดนลากไปไหนต่อไหนแล้ว”
“เฮียสิงห์?” ฉันทวนคำเรียกจากปากน้อง “นี่แกไปสนิทกับเขาจนเรียกเฮียแล้วเหรอสายซอ! เจ้บอกแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่ห่างพี่น้องสองคนนั้นไว้ เจอที่ไหนให้หนี อย่าเข้าไปอยู่ในสายตาพวกเขาเด็ดขาดไง”
ก่อนหน้านี้เมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน ฉันกับสายซอเคยบังเอิญไปเที่ยวผับเดียวกับสิงห์คำรามและเสือพยัคฆ์ ตอนนั้นสายซอออกปากชมว่าเสือพยัคฆ์หล่อตรงสเป็คเธอมาก อยากเข้าไปทำความรู้จัก โชคดีที่ฉันลากน้องออกมาจากผับทัน จากนั้นก็สั่งห้ามเด็ดขาดว่าอย่าเข้าใกล้สองคนนั้นอีก ห้ามเข้าไปอยู่ในสายตา ห้ามไปเที่ยวผับนั้นด้วย อยู่ให้ห่างมากที่สุดยิ่งดี ตอนแรกสายซอก็ดื้อ ถามหาเหตุผลว่าทำไมฉันต้องห้ามสุดตัวขนาดนี้ ฉันตอบเพียงแค่สองคนนั้นเป็นตัวอันตราย ถ้าไม่อยากโดนพวกเขาขย้ำจนตายก็จงฟังฉันซะ
ตั้งแต่วันนั้นสายซอเลือกจะเชื่อฟังฉัน น้องไม่ได้ไปที่ผับนั้นอีก วงจรชีวิตเราสองคนจึงไม่เคยเฉียดใกล้พวกเขา จนกระทั่งเมื่อคืนนี้นี่แหละ! บทจะเจอก็เจอทั้งพี่ทั้งน้องเลย!
“เค้าไม่เข้าใจเลย ถามจริงเหอะ ทำไมเจ้ถึงเกลียดสองพี่น้องนั่นจัง กับผู้ชายคนอื่นเจ้ก็ไม่เห็นจะมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้เลยนะ” ดวงตาหวานหรี่ลงจับผิด ฉันหลบสายตามองไปทางอื่น นึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังมีพิรุธจึงลากสายตากลับมาสบกับสายตาจับผิดของน้องสาว “ต้องมีอะไรแน่ ๆ อ่ะ เจ้บอกเค้ามาเหอะ เค้าไม่เคยมีความลับกับเจ้เลยนะ”
สายซอเริ่มเซ้าซี้ แต่ไม่ได้ผลหรอก ฉันสาบานกับตัวเองไว้แล้วว่าเรื่องคืนนั้นเมื่อสองปีก่อน มันจะต้องตายไปกับตัวตนน่าสมเพชของฉันในครั้งนั้น
“นะเจ้น้าาา เล่ามาเหอะ ทำไมเจ้ถึงเกลียดสองพี่น้องนั่นจัง เค้าอยากรู้จริง ๆ”
“ก็ไม่ใช่ว่าเกลียดอะไร เจ้แค่ไม่อยากให้แกพัวพันกับคนแบบนั้น ไม่อยากเห็นแกเจ็บช้ำใจ ข่าวคาว ๆ ของสองคนนั้นเลวร้ายแค่ไหนแกก็รู้นี่ เพราะงั้นอย่าไปยุ่งด้วยนะซอ เจ้เตือนแกด้วยความหวังดี” นี่เป็นเหตุผลที่ฟังเข้าท่าที่สุด เพราะสองพี่น้องนั่นอันตรายมากจริง ๆ ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งนั้นแหละ “เข้าใจไหมสายซอ อย่ายุ่งเกี่ยวกับสองพี่น้องนั่นอีก ไม่งั้นเจ้จะตีแกให้ตายเลยคอยดู”
“ค่า ๆ เข้าใจแล้ว ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง” สายซอรับคำเนือย ๆ แล้วฟุบหน้าลงกับหมอนต่อ ฉันถอนใจมองน้อง
“แล้วเรื่องจีซัสนี่มันยังไง เมื่อคืนหมอนั่นเหมือนหมาบ้าเลยนะ” วกกลับมาเรื่องแฟนตัวดีของสายซอ จากที่เห็นสภาพการณ์เมื่อคืน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อนข้างย่ำแย่แน่ ๆ สายซอปิดบังเรื่องนี้กับฉัน จนกระทั่งเมื่อคืน
“เค้าเหนื่อยอ่ะเจ้ หมอนั่นเผด็จการเกินไป เจ้ก็รู้ว่าเค้าเกลียดการโดนควบคุมมากแค่ไหน ตั้งแต่เล็กจนโตชีวิตเค้าก็ถูกเตี่ยกับม้าควบคุมมาตลอด พอมีแฟนแล้วถูกทำแบบนั้น เค้าไม่ทนจริง ๆ”
ฉันรู้ดีว่าสายซอเกลียดการโดนควบคุมมากแค่ไหน การที่เธอดื้อรั้น เอาแต่ใจ ทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากแรงกดดันวัยเด็ก การถูกส่งไปโรงเรียนประจำตั้งแต่เด็ก เติบโตขึ้นมาท่ามกลางครูและเพื่อน ห่างไกลจากความอบอุ่นของครอบครัว มันทำให้สายซอมีปมในใจมาตลอด เรื่องนี้ฉันรู้และเข้าใจน้องดีที่สุด
“แล้วแกจะทำยังไง จะเลิกกับเขาเหรอ”
“อืม… เค้าจะเลิก” เสียงงึมงำตอบกลับมาพร้อมดวงตาหวานปิดสนิท ฉันถอนใจอีกรอบพลางลูบผมน้องเบา ๆ
“เอาเถอะ ไม่ว่าแกจะตัดสินใจยังไง เจ้ก็จะอยู่ข้างแก มีอะไรก็บอกเจ้ได้เสมอเลยนะ” สายซอปรือตาขึ้นมอง ริมฝีปากบางขยับยิ้มหวานก่อนจะซุกตัวมานอนหนุนตักฉันแทนหมอน ยัยตัวแสบชอบอ้อนเป็นเด็ก ๆ อยู่เรื่อย อย่างนี้จะไม่ให้คอยเป็นห่วงได้ยังไงกันล่ะ
“เค้ารักเจ้ที่สุดในโลกเลยนะ มีแค่เจ้เท่านั้นที่รักเค้า ถ้าไม่มีเจ้เค้าคงไม่อยากอยู่บนโลกบัดซบนี้แน่ ๆ”
“พูดอะไรแบบนั้น แกไม่ได้มีแค่เจ้คนเดียวสักหน่อย ยังมีเตี่ยกับม้าแล้วก็สายซึงอีกนะ” ฉันลูบผมน้องปลอบใจ สายซอเบะปากแล้วซุกหน้าเข้าหาหน้าท้องฉันคล้ายลูกแมวหาที่อบอุ่น
“เตี่ยกับม้าน่ะเหรอ สายซึงน่ะเหรอ ฮึ… ไม่มีทางหรอก ไม่มีใครรักเค้าเหมือนเจ้หรอก”
“เฮ้อ… ขี้น้อยใจเป็นเด็กไปได้” ฉันส่ายหน้า
“ก็เค้ายังเด็กอยู่นี่”
“จะยี่สิบนี่ไม่เด็กแล้วมั้ง”
“โหยเจ้ แค่ยี่สิบเองงงง ไม่เอาแล้ว ไม่คุยกับเจ้แล้ว เค้าง่วงมากเลย ขอนอนหน่อยนะ” น้องผละออกจากตักไปหนุนหมอนเหมือนเดิม แต่ก่อนที่ฉันจะปล่อยให้เธอนอนพักผ่อน คำถามหนึ่งผุดเข้ามาในหัว
“ว่าแต่เมื่อคืนสิงห์คำรามไม่ได้ทำอะไรแกจริง ๆ ใช่ไหม”
กึก…
คำถามของฉันทำสายซอชะงักทันที เธอลืมตาโพล่งมองมาทางฉันคล้ายตกใจบางอย่าง ปฏิกิริยาแบบนั้นมันหมายความว่ายังไงกัน?
“ว่าไงสายซอ เมื่อคืนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?”
“เอ่อ…” สายซออ้ำอึ้ง พอเห็นว่าฉันจ้องอยู่ก็เอาหมอนมาปิดหน้าแล้วโบกมือไปมา “มะ ไม่มี๊! ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเจ้ โอ๊ย ง่วงจังเลย! เค้านอนก่อนนะ เจ้ออกไปก่อนเหอะ เย็น ๆ ค่อยมาปลุกเค้า”
“นี่ อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะยัยตัวดี ตอบเจ้มาดี ๆ” ฉันพยายามดึงหมอนออกจากหน้าน้อง แต่เธอยื้อแรงไว้แถมยังทำเสียงกรนคร่อก ๆ ใส่อีกต่างหาก
น่าสงสัย… น่าสงสัยที่สุด!