EP.11 [ผิดนัด]

1215 Words
“นัดอะไรของนาย อย่ามาพูดมั่ว ๆ” เสือพยัคฆ์ชูโทรศัพท์ตัวเองขึ้นโบกไปมา เขาพยักพเยิดไปที่โทรศัพท์ในมือฉันบ้าง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจ เลื่อนเปิดหน้าจอที่ยังค้างอยู่หน้าแชทของเขา สายตาเลื่อนมองข้อความก่อนหน้า . . Sueapayak : พรุ่งนี้เจอกันที่นี่สามทุ่ม . . ฉันเจอเขาเมื่อวานซืน งั้นคำว่าพรุ่งนี้ของเขาก็คือเมื่อวาน ซึ่งเมื่อวานหลังจากไปรับสายซอกลับมาจากคอนโดสิงห์คำราม ฉันก็ไม่ได้ออกไปไหนอีก แน่นอนว่ารวมถึงนัดของเสือพยัคฆ์ด้วย เพราะฉันไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่แม้แต่จะจำใส่สมองเลยด้วยซ้ำ “แล้วยังไง? นายนัดแล้วฉันจำเป็นต้องไปไหม?” ฉันย้อนถามเสียงเย็นชา แสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการผิดนัดเขา ก็ฉันไม่แคร์ทำไมต้องสน “อืมม…” เสือพยัคฆ์เดาะลิ้นเบา ๆ สีหน้าเขาคล้ายหงุดหงิดคล้ายถูกใจ ดูขัดแย้งกันจนฉันนึกระแวง “สี่ชั่วโมงยี่สิบห้านาที” อะไร… เขาพึมพำบ้าอะไรของเขา ฉันงงไปหมดแล้ว “…” ฉันก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยความตกใจเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆ ร่างสูงโน้มหน้าเข้ามาใกล้ สัมผัสได้ถึงลมหายใจกรุ่นร้อนผสมกลิ่นมิ้นต์อ่อน ๆ ของบุหรี่ เผลอจ้องริมฝีปากหนาน่ามองนั่นด้วยความลืมตัว “ฉันรอเธอสี่ชั่วโมงยี่สิบห้านาที ถ้านับเป็นวินาทีเท่ากับหนึ่งหมื่นห้าพันเก้าร้อยวินาที” ให้ตาย… นี่เขาจะโชว์ว่าตัวเองเก่งเลขหรือยังไง จะมาคำนวณเวลาบ้าบออะไรให้ฉันฟังเนี่ย “นายต้องการอะไรกันแน่!” ฉันหมดความอดทนกับเขาแล้วนะ! “ฉันไม่เคยเสียอะไรฟรี ๆ แต่เมื่อคืนนี้เธอทำให้ฉันเสียเวลา” เขาขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเราแทบชนกัน ฉันกลั้นใจยืนนิ่งไม่หลบหนี ตีสีหน้าเย็นชาใส่ ฉันรู้จักคนอย่างเสือพยัคฆ์ดี ยิ่งแสดงความตื่นกลัว สัญชาตญาณนักล่าของเขาก็ยิ่งลุกโชน ทางที่ดีควรจะใช้ความนิ่งสงบสยบความดิบเถื่อนในตัวเขา “เพราะฉะนั้นคืนนี้… เธอต้องชดใช้ให้ฉัน” ชดใช้ให้เขา? “ทำไมฉันต้องชดใช้ให้นายด้วย? ฉันไม่ได้ติดค้างอะไรนาย ไม่เลยสักนิด เลิกยุ่ง เลิกวุ่นวายกับฉันสักที” ฉันผลักอกเขาให้ถอยออกห่าง จิกตาใส่หนึ่งทีก่อนหมุนตัวเดินหนีออกมา ตอนแรกคิดว่าเขาต้องตามมาแน่ ๆ แต่พอหันกลับไปมอง เสือพยัคฆ์เพียงแค่ยืนมองฉันจากตรงนั้น ทั้งแววตาคมปราด รอยยิ้มชั่วร้าย ท่าทางสบาย ๆ แต่แฝงความกดดันในที ไม่มีตรงไหนเลยที่แสดงถึงเจตนาดีจากเขา ข่มใจตัวเองไว้ ฉันต้องหนีเขาให้ได้ อย่ากลายเป็นเหยื่อให้เขาล่าอีกเป็นครั้งที่สองเชียวนะสายขิม! . . . PK PUB “ขิม ๆ ทางนี้ ๆ” เสียงตะโกนเรียกชื่อฉันดังมาจากปริมซึ่งนั่งรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนคนอื่น ๆ ในโซนวีไอพี ที่นี่เป็นผับประจำของกลุ่มฉัน พวกเรามักจะมานั่งดื่มชิล ๆ กันทุกคืนวันสุดสัปดาห์ “วันนี้ขอเบา ๆ นะ ดื่มเยอะไม่ได้ต้องรีบกลับ” พูดดักไว้ก่อนจะรับแก้ว เสียงโห่เบา ๆ ดังขึ้น “ทำไมรีบกลับอ่ะขิม เพิ่งมาถึงก็พูดเรื่องกลับบ้านซะละ” “นั่นดิ คนอื่น ๆ ยังมาไม่ทันครบเลยเนี่ย” ประโยคแรกเป็นของ โฟน ตัวแสบประจำกลุ่ม ตามมาด้วย คิม เพลย์บอยตัวพ่อ ทั้งคู่เป็นหนุ่มสายปาร์ตี้ที่สุดในกลุ่มฉัน มีนัดดื่มกี่ครั้งไม่เคยพลาด เที่ยวเก่งยิ่งกว่าเรียนซะอีก นอกจากสองคนนี้แล้วยังมีคนอื่น ๆ อีกสามคน รวมเป็นเจ็ดคนในกลุ่มเรา นับเป็นชายสี่คน หญิงสามคน พวกเราเป็นเพื่อนต่างคณะกัน แต่ที่มาสนิทกันได้เพราะเป็นเพื่อนของแฟนเพื่อนอีกที ที่เป็นเพื่อนร่วมคลาสด้วยกันจริง ๆ ก็มีแค่ฉัน ปริม และเพียว ส่วนพวกผู้ชายนั้นเป็นกลุ่มเพื่อนของแฟนเพียวอีกที “เอ้อ คืนนี้ไอ้อัคมันมาด้วยนะ สงสัยจะคิดถึงขิม” ปอร์เช่ที่นั่งกอดไหล่เพียวหันมาหรี่ตาแซวฉัน เขาเป็นเพื่อนสนิทกับอัคคี และเป็นแฟนสุดที่รักของเพียว “เหอะ หายไปตั้งหลายวันเพิ่งนึกขึ้นได้หรือไงว่าตัวเองยังมีแฟนอยู่อ่ะ ถ้าเพียวเป็นขิมนะ เพียวเลิกไปแล้วรู้ป่ะ” เพียวสะบัดแขนแฟนตัวเองออกแล้วขยับมาจับมือฉัน สีหน้าเอาเรื่องจริงจังจนปอร์เช่ลอบกลืนน้ำลาย “โธ่ที่รัก ไอ้อัคมันไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย มันแค่ติดธุระ” “ติดธุระ? ติดธุระบ้าบออะไรล่ะ! คืนก่อนขิมเกือบจะแย่ก็เพราะอัคนะ!” เพียวหันขวับไปแว้ดเสียงใส่ ปอร์เช่ลู่ไหล่ลงเป็นหมาหางตก สภาพน่าขำชะมัด หมอนี่กลัวเมียได้โล่จริง ๆ “คืนนั้นมันก็ไปหาขิมแล้วนี่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่เจอกัน” คำตอบของปอร์เช่เรียกความสนใจจากทุกคนได้อย่างดีโดยเฉพาะฉัน ทุกคนรู้เรื่องคืนนั้นที่ฉันถูกศัตรูของอัคคีเล่นงาน รู้ถึงขั้นว่าใครเป็นคนช่วยฉันไว้ แน่นอนว่าเสือพยัคฆ์ไม่ใช่ประเด็นในบทสนทนานี้ แต่เป็นอัคคีแฟนฉันต่างหาก “คืนนั้นอัคมาด้วยเหรอ?” ฉันเป็นคนถามขึ้นก่อน ปอร์เช่พยักหน้าแข็งขันก่อนหันไปกอดเอวแฟนตัวเองอย่างออดอ้อน “เห็นไหมว่าเพื่อนเช่มันแคร์ขิมจะตาย มันไม่ได้ทิ้งขิมสักหน่อย” “พูดจริงเหรอเช่ แล้วทำไมคืนนั้นขิมไม่เจออัคล่ะ แถมคนที่เข้ามาช่วยดันเป็นเสือพยัคฆ์อีก” เพียวขมวดคิ้วใส่แฟน พูดถึงชื่อเสือพยัคฆ์ขึ้นมา ทุกคนมีปฏิกิริยาต่างกันขึ้นมาทันที ฝ่ายผู้หญิงไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากไปกว่าสนใจฟัง ขณะที่ฝ่ายผู้ชายพากันส่งเสียงหึ บ้างก็เบะปาก มองบน แสดงออกชัดเจนว่าชื่อนี้มันช่างระคายหูพวกเขาจริง ๆ “อันนี้เช่ก็ไม่รู้ อ๊ะ… งั้นถามเจ้าตัวมันเองละกัน” ปอร์เช่พยักเพยิดหน้าไปทางบันไดซึ่งมีร่างสูงกำลังเดินขึ้นมา ท่าทางไม่ยี่หระต่อสิ่งใดของเขาดึงความสนใจจากคนรอบข้างแทบจะทันที ใบหน้าหล่อเหลาติดเย็นชาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน แววตาราบเรียบทอประกายบางอย่างยามสบตากับฉัน ถ้าถามว่าฉันไม่ได้เห็นหน้าเขามากี่วันแล้ว… นับไม่ได้เหมือนกัน จู่ ๆ เขาก็หายหน้าหายตาไป ไม่โทรหา แม้แต่แชทก็ไม่มี กระทั่งคืนนั้นที่ฉันเป็นฝ่ายกดโทรหาเขาก่อนนั่นแหละ แต่จะว่าไงดีล่ะ… ฉันชินแล้ว มันกลายเป็นเรื่องปกติของคู่เรา เราต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างใช้ชีวิต ความสัมพันธ์แบบนี้มันเรียกว่าแฟนหรือเปล่านะ ฉันชักสงสัยแล้วสิ… อัคคีคิดยังไงกับเรื่องนี้บ้างไหมนะ?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD