EP.01 [จุดเปลี่ยน]

1918 Words
‘เสือ’ ที่ว่าร้ายยังอันตรายน้อยกว่า ‘เขา’ สัญชาตญาณ ‘เสือ’ มันไม่กิน ‘เหยื่อ’ ซ้ำ แล้วถ้า ‘อดีตเหยื่อ' มัน ‘น่าลองดี น่าขย้ำ’ ล่ะ? "มีผัวรักดุอย่างฉัน อย่าริอ่านคิดจะหนี" . . [จุดเปลี่ยน] . . . “ดื่มเยอะ ๆเลยนะขิมงานนี้จัดเพื่อเธอโดยเฉพาะเลยนะรู้ไหม” เสียงจีบปากจีบคอดังพร้อมมือที่ดันแก้วเหล้าใส่มือบาง เจ้าของชื่อใช้ปลายนิ้วขยับแว่นสายตากรอบสีดำแนบชิดใบหน้า ท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ ของเธอช่างขัดกับสถานที่ที่นั่งอยู่เสียเหลือเกิน แม้จะดูขัดหูขัดตาคนในกลุ่มอยู่บ้างแต่ก็สร้างความสนุกปนสมเพชยามทิ้งสายตามองเธอ “เอ่อ… ขิมดื่มไม่ได้” มือกำแก้วเหล้าสีเข้มแน่น ความลำบากใจฉายชัดบนใบหน้า ทั้งที่นี่คือโอกาสในการเข้าสังคมของเธอแท้ ๆ แต่เธอกลับไม่มีความกล้ามากพอ สายขิม เด็กเรียนดีของสายชั้นผู้เป็นที่รักของอาจารย์ ซ้ำยังควบตำแหน่งนักเรียนดีเด่นสามปีซ้อน ทว่าเพราะความฉลาดเกินไปแถมยังใส่แว่นหนาเตอะ ทำให้เธอใช้ชีวิตมอปลายอย่างไร้เพื่อนฝูง หลายครั้งหลายหนที่เธอโดนเพื่อนกลั่นแกล้ง บ้างนินทา บ้างเมินเฉย ทำกับเธอเหมือนไร้ตัวตน เพียงเพราะคนเหล่านั้นอิจฉาเธอ ทั้งเรียนดีกว่า ฉลาดกว่า อาจารย์รักและเอ็นดูมากกว่า ความริษยาจึงมาลงที่เธอ สังคมปัจจุบันการ Bully มีอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษาหรือที่ทำงาน แม้แต่ในโลกโซเชียลยังล้วนเกิดการ Bully ให้เห็นอยู่เสมอ เธอจึงทำใจให้ชินกับสิ่งที่ต้องประสบพบเจออยู่ทุกวี่ทุกวัน มันก็แค่การแกล้งของพวกเด็ก ๆ เธอคิดแบบนั้น และเลือกที่จะไม่สนใจ พยายามใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในมุมของเธอ ไม่วุ่นวายกับใครถ้าไม่จำเป็น กระทั่งวันสุดท้ายของการจบการศึกษา สายขิมคว้าผลการเรียนอันดับหนึ่งตามความคาดหมาย และสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังด้วยคะแนนสอบอันดับต้น ๆ สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนจนถึงขั้นขึ้นป้ายหน้าประตูโรงเรียน แน่นอน… ความริษยาจึงเพิ่มมากขึ้น ทว่าตอนจบพิธีนั้น เธอได้รับคำชวนจากเพื่อนร่วมห้องซึ่งร้อยวันพันปีไม่เคยแยแสเธอสักนิด แต่วันนี้กลับเข้ามาชวนคุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ด้วยความอ่อนต่อโลกเธอตกปากรับคำมางานเลี้ยงเรียนจบของห้อง และกำลังถูกเพื่อน ๆ กลุ่มนั้นยัดเหยียดให้ดื่มเหล้า “ไม่เป็นไรหรอกสายขิม ดื่มแค่นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เมาหรอก” ยิหวา ดาวเด่นประจำโรงเรียนคลี่ยิ้มหวานปานน้ำผึ้งขม เพื่อนคนอื่นพยักหน้าสมทบ “ดื่มเถอะน่า ยิหวาอุตส่าห์ชวนทั้งทีนะ” ซอลลี่กรีดนิ้วลงบนแก้วตัวเองแล้วขยิบตาส่งให้ สายขิมเพิ่งสังเกตว่าในกลุ่มที่นั่งล้อมรอบเธออยู่นี้ล้วนเป็นสาวสวยประจำโรงเรียนทั้งสิ้น เมื่อเทียบกับตัวเธอที่สวมแว่นหนาเตอะ ผมเผ้ารวบเป็นหางม้า หน้าตาทาเพียงแป้งบาง ๆ ให้อารมณ์เชยเฉิ่มเสียจนตัวเองยังรู้สึกอายขึ้นมา “งะ งั้นแค่นิดเดียวพอนะ” ยิหวาส่งสายตาเลศนัยกับซอลลี่ขณะจ้องสายขิมยกแก้วจรดริมฝีปาก ปลายนิ้วเรียวยื่นดันก้นแก้วขึ้นกะทันหันส่งผลให้คนที่กำลังดื่มถึงกับสำลัก ความขมปร่าเย็นเฉียบไหลลงคอหลายอึก สายขิมไอค่อกแค่กออกมา หน้าตาภายใต้แว่นหนาแดงก่ำ หอบหายใจแทบไม่ทัน “แค่ก ๆ ขะ ขมมากเลย” “ฮ่า ๆ ก็มันเหล้านี่นาสายขิม อ่ะนี่ ดื่มนี่ตามสิจะได้ไม่ขม” ยิหวาหัวเราะ แก้วใสใบเล็กถูกส่งให้สายขิม เธอรับด้วยสีหน้างุนงง “อันนี้มีไว้ดับขมน่ะ” “อ่า งั้นเหรอ ขอบคุณนะ” คำขอบคุณใสซื่อแสนวางใจของเธอเรียกรอยยิ้มร้ายจากสองสาว ทว่าเธอกลับมองไม่เห็น เมื่อยกแก้วใสขึ้นดื่มรวดเดียวหมด เธอสำลักขึ้นมาอีกรอบ “แค่ก ๆ ขมกว่าเก่าอีก!” “ฮ่า ๆ เธอนี่ตลกจัง! นั่นมันวอดก้านะ! เธอดื่มมันจริง ๆ เหรอเนี่ย!” เสียงหัวเราะจากทุกคนสร้างความอับอายให้กับสายขิมอย่างมาก ตอนนี้เธอกลายเป็นตัวตลกไปแล้ว สายขิมอยากจะลุกขึ้น แต่ถูกมือบางรั้งให้นั่งลงที่เดิม ปลายเล็บแหลมจิกแน่นจนต้องเบ้หน้า “จะรีบไปไหนล่ะขิม พวกเรายังสนุกกันอยู่เลยนะ” “นั่นสิ ๆ จะรีบกลับไปไหนล่ะ นี่เพิ่งจะสองทุ่มเองนะ” ซอลลี่ช่วยสมทบ “หรือว่าเด็กอนามัยอย่างเธอต้องนอนก่อนสองทุ่มเหรอ” สายขิมก้มหน้าซ่อนความแดงก่ำ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ผสมกับความอับอายจากเสียงหัวเราะรอบตัวทำให้เธอรู้สึกมึนเมา ร่างกายร้อนผ่าวแปลก ๆ สายตาพร่าเบลอไปหมด ยิหวาส่งสายตากับซอลลี่ เธอส่งข้อความหาใครคนหนึ่งก่อนลุกขึ้นยืนโดยคว้าแขนสายขิมให้ลุกตาม ซอลลี่ลุกจับแขนสายขิมอีกข้าง กลายเป็นว่าทั้งสองกำลังหิ้วปีกสายขิมซ้ายขวา “สายขิมเมาแล้ว เดี๋ยวพวกฉันพาเธอส่งขึ้นแท็กซี่กลับบ้านก่อนแล้วกัน” ทุกคนพยักหน้าอืออออย่างไม่ใส่ใจนัก ทั้งสามเดินออกมาหน้าผับ ขึ้นรถยิหวาขับพามาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง . . . “ยัยนี่ตัวหนักชะมัด ชิ!” ซอลลี่ปัดมืออย่างรังเกียจเมื่อโยนร่างบางลงบนเตียงเรียบร้อย เธอมองยิหวาที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง “หมอนั่นมาหรือยัง?” “อยู่ที่คลับด้านล่างแล้ว เดี๋ยวก็ขึ้นมา ทิ้งมันไว้นี่แหละ” “ก็ดี แล้วคีย์การ์ดล่ะ?” “หมอนั่นมีใบหนึ่ง นี่อันสำรอง ฉันยืมไว้ เอาไปคืนก็จบล่ะ” คีย์การ์ดสีขาวในมือที่มีตัวเลข 909 ติดอยู่ถูกแกว่งไปมา ยิหวาปรายตามองร่างบางไร้สติบนเตียง สายตาเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง “ความผิดของเธอเองนะสายขิม เพราะเธอขวางหูขวางตาฉันเกินไป อย่าโทษฉันล่ะ ถือว่านี่คือการแก้แค้นก่อนจากแล้วกัน” ยิหวามักเป็นที่หนึ่งเสมอทั้งหน้าตาและฐานะ มีเพียงการเรียนเท่านั้นที่ไม่ว่าเธอจะพยายามยังไงก็ยังทำได้แค่ที่สอง พ่อของเธอเป็นถึงประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ มีหน้ามีตาในสังคม ไม่ว่าจะด้านไหนเธอก็ทำได้ดีมาตลอด แต่ผลการเรียนกลับไม่เป็นที่น่าชื่นชม ถ้าหากไม่มีสายขิม ผลการเรียนอันดับหนึ่งคงเป็นของเธอไปแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจ “ไปเหอะ บายนะยัยเด็กเนิร์ดสมควรตาย ฮึ!” ซอลลี่คลี่ยิ้มร้ายใส่ร่างบนเตียง ทั้งสองเดินออกจากห้องไปพร้อมประตูที่ปิดลงและชีวิตที่พังทลายของสายขิม ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของเธอ . . . ปึก! แกร็ก! “เวรเอ๊ย…” เสียงเมามายเจือหัวเสียดังจากริมฝีปากหนาที่ยังคาบมวนบุหรี่อยู่ ดวงตาคมกริบดุจสัตว์ป่าจ้องร่างสูงของคนที่เดินมาชนเขาอย่างไม่กลัวตาย “เฮ้ย! วอนตีนเหรอวะ!” น้ำเสียงเข้มกระชากถามจากด้านหลัง ลมวูบหนึ่งผ่านร่างเขาไปพร้อมกับร่างหนาตรงหน้าที่ปลิวไปติดผนัง เจ้าของการกระทำสุดห่ามยืนหันหลังยกเท้าข้างหนึ่งเหยียบบนอกชายคนนั้น “ชนเฮียเสือนี่คืออยากตาย?” “อั่ก…!” แรงกดปลายเท้าเพิ่มขึ้น ชายผู้เคราะห์ร้ายถึงกับตาสว่างสร่างเมาทันที “ขะ ขอโทษครับ อั่ก!” “ถ้าขอโทษแล้วหายจะมีตำรวจไว้ทำเหี้ยไรครับ” อีกเสียงหนึ่งกดต่ำถามก่อนตามมาด้วยร่างสูงในชุดสีขาวตั้งหัวจรดเท้า มาดของเขาคล้ายเทวดาขัดกับรอยยิ้มปีศาจบนใบหน้าสิ้นเชิง “เอาไงกับมันดีล่ะเฮีย” กวิน เจ้าของฝ่าเท้าที่ยังกดบนอกชายบนพื้นหันมาถาม เรือนผมสีเพลิงโดดเด่นในความมืด ดวงตาโหดเหี้ยมทอประกายสนุกผิดกับสถานการณ์ “…” คนถูกถามเพียงปรายตามองอย่างหมดอารมณ์จะใส่ใจ วันนี้เขาดื่มไปค่อนข้างหนัก รู้สึกได้ถึงความเดือดพล่านของเลือดในตัว “เฮียเสือ จะเอาไง” ร่างสูงถอนใจหนัก ๆ ก้มเก็บคีย์การ์ดของตัวเองที่โดนชนจนตกขึ้นมาใส่กระเป๋ากางเกง เขาไม่อยากเสียเวลาจึงสะบัดมือเป็นเชิงสั่งว่าปล่อยมันไป ฝ่าเท้าถูกยกออกอย่างไม่เต็มใจนัก ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นเก็บของบนพื้นแล้ววิ่งลนลานหนีไปท่ามกลางสายตาคุกรุ่นของชายผมสีเพลิง คนกำลังอยากมีเรื่องแท้ ๆ น่าเสียดายจริง… “พวกมึงกลับไปได้ล่ะ” “โอ้โห… พอจะได้กินเหยื่อก็ไล่เลยนะเฮีย” “หรือมึงจะกินด้วย?” คิ้วหนาเลิกนิด ๆ มองรุ่นน้องที่เดินตามมาจากไนต์คลับของโรงแรม “ว่าแต่อยู่ห้องไหนเหรอครับ เธอได้บอกไหม?” เร็น หนุ่มชุดขาวขมวดคิ้วถาม สายตามองไปทางลิฟต์ “ห้อง 606 มั้ง...” คำตอบของเขา ทำสองหนุ่มถอดถอนใจพร้อมกัน “ดูใหม่อีกทีเถอะครับ” น้ำเสียงระอาเอ่ยแนะ “ทำไม? พวกมึงคิดว่าคนอย่างเสือพยัคฆ์จะจำผิด?” “ก็เพราะเป็นเสือพยัคฆ์นี่แหละ” “น่าห่วงสุด ๆ เลยครับ” รังสีอันตรายแผ่กระจายมาจากร่างสูงเจ้าของนาม เสือพยัคฆ์ เขาปรายตามองรุ่นน้องคู่ใจทั้งสองด้วยสายตาเชือดเฉือน กล้ามากที่ดูถูกเขา “งั้นเอาไปดูเอง!” คีย์การ์ดสีขาวถูกล้วงจากกระเป๋าโยนใส่มือกวินที่ยกขึ้นตวัดรับ เขาชะงักพลางถอนใจอีกรอบ “นี่มันห้อง 909 ต่างหากล่ะเฮีย จริง ๆ เล้ย!” “…” เสือพยัคฆ์หลุบตาลง คิ้วเรียวขมวด เขามองผิดเหรอวะ… “งั้นชั้นเก้านะครับ เชิญ” ประตูลิฟต์เปิดออก เมื่อกดชั้นเก้าเสร็จ เร็นจึงเดินออกมาแล้วผายมือให้เสือพยัคฆ์เดินเข้าไป ร่างสูงเซเล็กน้อยแต่ก็ยังทรงตัวเดินเข้าลิฟต์ “เฮียเดินไหวไหมเนี่ย ชักห่วง” “ไม่ต้องเสือกทุกเรื่องก็ได้ กูไม่ได้เมาขนาดนั้น” “คร้าบ ๆ งั้นขอให้กินเหยื่ออย่างเอร็ดอร่อยนะเฮีย เนื้อนมไข่เบอร์นั้น รองรับเสือกินดุอย่างเฮียได้ยันเช้าแน่นอน ฮ่า ๆ” กวินหัวเราะร่วนก่อนจะถูกเร็นเตะขาแรง ๆ หนึ่งที เขาจึงเพิ่งสังเกตเห็นสีหน้าเหี้ยม ๆ ของคนในลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง รังสีกดดันพลันหายไปทันที พวกเขาถอนหายใจเฮือก ส่งสายตาให้กันเป็นเชิงว่า ‘เกือบกระตุกหนวดเสือเข้าแล้วสิ’ . . . ติ้ด! ประตูห้อง 909 ถูกเปิดออกพร้อมร่างสูงเดินเข้ามาภายใน เสียงกริ๊กเบา ๆ ดังตามหลัง เจ้าของร่างสูงไม่ได้ใส่ใจ สาวเท้าเดินมาถึงเตียงนอนซึ่งมีร่างบางนอนหันหลังให้อยู่ เขาหลุบตามองเธอแวบเดียวแล้วเอื้อมปิดโคมไฟ กฎของเสือพยัคฆ์มักชอบล่าในความมืด ไม่ว่าเหยื่อจะน่ามองน่าขย้ำเพียงไหนก็ไม่มีข้อยกเว้น ความตื่นเต้นระหว่างกินเหยื่อมันคือสัญชาตญาณของสัตว์ป่า โดยเฉพาะเสือนักล่าอย่างเขา และเหยื่อที่เขาหมายตา… ล้วนถูกล่ามาอยู่ใต้ร่างเขาทั้งสิ้น!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD