ตอนที่ 4/1 โหยหา

1311 Words
“หากเจ้าคิดว่าการตายคือหนทางที่ช่วยแก้ปัญหาได้ เจ้าก็ตายเสียเถิด” มู่หลิ่งอินค่อยๆ ย่างก้าวเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ เมื่อมู่หลิ่งอินปรากฏกาย ร่างอรชรที่แสนบอบช้ำก็ค่อยๆ ยันตัวของนางลุกขึ้นแล้วจ้องไปยังใบหน้าของบุรุษที่นางเกลียดแสนเกลียด ทว่ากลับไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากของเหยาเยว่เล่อเลยสักคำ ดวงตาหมองหม่นที่เคลือบไปด้วยม่านหมอกของหยดน้ำตา มันแฝงไปด้วยแววตาที่แสนตัดพ้อและเกลียดชังต่อสรรพสิ่งที่ทำให้นางต้องเป็นเช่นนี้! “เกลียดแล้วอย่างไร ยินดีแล้วอย่างไร ที่สุดแล้วตัวเจ้ามิใช่หรือที่เป็นคนกำหนดมันเอง” ดวงตาสีนิลยังคงจ้องมองร่างกายแน่งน้อยที่สั่นระริกกับคำพูดของเขา ราวครึ่งชั่วยาม*ที่ทั้งคู่ยืนจ้องตากันราวกับปลากัดเจอศัตรู และแล้วร่างอรชรก็เริ่มมีท่าทีตอบสนองต่อคำพูดของมู่หลิ่งอินขึ้นมาบ้าง ริมฝีปากบางเริ่มเอื้อนเอ่ยคำพูดภายในใจ “หากข้าสามารถเลือกและกำหนดมันได้ ผู้ใดจะยอมให้เรื่องเลวร้ายบัดซบเช่นนี้มันเกิดขึ้นกับข้ากัน เป็นข้าเช่นนั้นหรือที่เลือกให้ซิ่นเฉิง ท่านพ่อ อาเล่อ กระทำกับข้าเช่นนี้ เป็นข้าเช่นนั้นหรือที่เลือกอยากจะมาอยู่ที่เมืองอู๋ซีแห่งนี้ มู่หลิ่งอินเจ้าตอบข้ามาสิ ว่าทั้งหมดนี้เป็นข้าใช่หรือไม่ที่กำหนดมัน ห๊า!” หญิงสาวตะคอกลั่นด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ ทำนบน้ำตาที่หยุดไปแล้วพลันพังทลายลงอีกครั้งด้วยความเจ็บปวดและสะเทือนใจ “แล้วเจ้าสามารถทำให้คนทั่วหล้าทำตามที่เจ้ากำหนดได้หรือไม่ แต่ถ้าหากเจ้าตอบว่าทำได้ เจ้าล้วนสามารถกำหนดทุกสิ่งอย่างไว้ในกำมือของเจ้าได้อย่างแน่นอน” มู่หลิ่งอินยังคงพูดตอบโต้ด้วยใบหน้าเรียบนิ่งอยู่เช่นเคย แต่ถ้าหากเหยาเยว่เล่อลอบสังเกตดูดีๆ ดวงตาสีนิลของเขากลับเจือไว้ด้วยความเจ็บปวดอยู่ลึกๆ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” คำพูดของเขาเล่นเอาคุณหนูเหยาที่กำลังจมจ่อมอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความเศร้าเสียใจรู้สึกมึนงงอารมณ์สะดุด มู่หลิ่งอินเจ้ากำลังทดสอบความอดทนของข้าอยู่ใช่หรือไม่? “เมื่อใดก็ตามที่คุณหนูมองเห็นคุณค่าของตัวเอง เมื่อนั้นคุณหนูจะเข้าใจทุกสิ่ง” “หยุดพูดจาวกวนสักที เจ้าจะไปเข้าใจอะไร ในเมื่อเจ้าไม่ใช่ข้า เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าพบเจอความไม่เป็นธรรมเช่นไรบ้าง สุนัขรับใช้เช่นเจ้ามันก็ดีแต่พูดจาเลื่อนเปื้อนไม่เคยเข้าใจผู้อื่นเลยสักอย่าง” เมื่อถูกตีรวนให้ขาดสติ อารมณ์ต้องการเอาชนะของเหยาเยว่เล่อจึงเพิ่มทวีขึ้น “แล้วคุณหนูเล่า เคยเข้าใจตัวเองบ้างหรือไม่? เคยถามหัวใจของตัวเองบ้างหรือไม่ว่าสิ่งที่ท่านกำลังกระทำอยู่ในตอนนี้…ลึกๆ แล้วหัวใจของเจ้าปรารถนามันจริงหรือ?” คำพูดที่คล้ายกับเกาทัณฑ์ที่นางเป็นฝ่ายยิงออกไปหาเขา ทว่าเกาทัณฑ์นั้นมันกลับหันคมพุ่งเป้ากลับมาแทงที่อกของนางเสียเอง เล่นเอาร่างบอบบางหนาวเหน็บไปทั้งขั้วหัวใจ “ข้า…” “หากเจ้าตอบว่าหัวใจเจ้าปรารถนา ไยเจ้าถึงรู้สึกลังเลเล่า? เพราะคุณหนูกลัว ลึกๆ แล้วคุณหนูปรารถนาที่จะได้รับความรักและความสุข แต่การกระทำของคุณหนูเมื่อครู่ เป็นเพราะท่านเพียงแค่หวาดหวั่นและหวาดกลัวภาพในอดีตที่คอยตามตอกย้ำซ้ำเติมท่านเพียงเท่านั้น จริงๆ แล้วลึกๆ ในใจท่านหาได้ปรารถนาที่จะตายไม่” เมื่อถูกคำพูดที่แสนเสียดแทงจี้ใจดำมากๆ เข้า เหยาเยว่เล่อก็รีบปรี่เข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วกระหน่ำทุบตีด้วยแรงอันน้อยนิดที่มี “เจ้าเป็นใคร เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะมารู้หัวใจของข้าได้เท่าตัวข้ากันห๊า! คนเลว คนชั่ว หยุดทำเป็นรู้ดีได้แล้ว” มือเล็กที่เปื้อนไปด้วยคราบโลหิตกระหน่ำทุบตีแผงอกแกร่งของพ่อบ้านมู่ไม่ยั้ง แม้ว่าตอนนี้นางแทบจะไร้เรี่ยวแรงเพราะเสียเลือดไปมาก ผนวกกับบาดแผลทั่วตามร่างกาย ทว่าใจที่ยังไม่ยอมแพ้ของคุณหนูเหยากลับเป็นตัวผลักดันให้นางอยากจะเอาชนะเขา อยากจะฆ่ามู่หลิ่งอินที่รู้ใจนางเสียไปหมดทุกอย่าง นางไม่เคยคิดเลยว่าคนที่นางเกลียดแสนเกลียดเช่นเขา จะมาเข้าใจความรู้สึกนางถึงเพียงนี้ได้! “หากเจ้าเคยรักใครสักคนจนหมดใจ เจ้าจะรู้ดีว่าทุกความรู้สึก ทุกสิ่งทุกอย่างของคนที่เจ้ารัก ล้วนอยู่ในสายตาของเจ้าตลอดเวลา แม้กระทั่งเสียงหัวใจของคนที่เจ้ารัก” คำพูดที่เต็มไปด้วยความรู้สึกภายในใจถูกถ่ายทอดออกมาผ่านคำพูดที่เรียบง่ายราวกับถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ทว่าหากลองใช้ใจสัมผัส มันกลับเต็มไปด้วยความรักอันเปี่ยมล้นของผู้พูด โดยไร้ซึ่งคำพูดหวานหูใดๆ ดวงตากลมโตเบิงโพลงทั้งหยดน้ำตา เสียงสะอื้นแหบแห้งเอยถามทั้งที่ร่างกายสั่นระริก “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” มือหนาเอื้อมมาทัดปอยผมที่ปกคลุมใบหน้างดงามและเปรอะเปื้อนไปด้วยความหมองเศร้า “เมื่อคุณหนูมองเห็นหัวใจของตัวเอง เมื่อนั้นคุณหนูจะมองเห็นหัวใจของผู้อื่นเอง เจ้าอย่าได้เร่งรีบที่จะวิ่งหนีปัญหาของตัวเจ้าเลยนะ อย่างน้อยเจ้าก็ยังคงเป็นคนสำคัญในสายตาของข้าเสมอ…” แววตาที่แสนอ่อนโยนสะท้อนเบื้องหน้า มันเป็นสิ่งที่หญิงสาวไม่เคยได้ประสบพบเจอเลยสักครั้งบนใบหน้าของมู่หลิ่งอิน “จะ…เจ้า…พูดอะไรของเจ้า…” ดวงตาคู่งามสั่นระริก เสียงหัวใจที่กำลังเต้นอย่างเจ็บปวดและบ้าคลั่งในตอนนี้ราวกับว่ามันกำลังถูกปลอบโยนให้เต้นช้าลงๆ เพียงคำพูดของเขา ทว่าแทนที่พ่อบ้านหนุ่มจะตอบคำถามคุณหนูผู้แสนดื้อรั้น มู่หลิ่งอินเพียงตบมือส่งสัญญาน บรรดาบ่าวไพร่ที่แอบมุงดูสถานการณ์มุมห้องต่างก็รีบกรูกันเข้ามาราวกับแมลงมดปลวกแย่งกันวิ่งออกจากรัง “พวกเจ้ารีบพาคุณหนูไปอาบน้ำและเชิญท่านหมอมาดูอาการของนางเสีย หมดหน้าที่ข้าแล้ว เอาล่ะมาพานางไปเถอะ” เมื่อส่งร่างงามให้บรรดาบ่าวไพร่ได้รับช่วงต่อ มู่หลิ่งอินก็รีบเดินออกจากเรือนหยกงามไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “คุณหนูเจ้าคะ มาเถอะเจ้าค่ะ บ่าวจะพาท่านไปชำระร่างกาย” มี่เอ๋อร์สาวใช้ในเรือนหยกงามพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว ด้วยกิตติศัพท์ที่ขึ้นชื่อเรื่องเจ้าอารมณ์ของคุณหนูเหยา มีหรือบรรดาบ่าวไพร่จะไม่กลัวกันจนหัวหด “อืม…” ร่างบอบบางยอมให้บรรดาบ่าวไพร่จัดการตัวนางด้วยสายตาที่เลื่อนลอย ดวงตากลมโตยังคงจ้องมองไปยังทิศทางที่เจ้าของร่างแกร่งได้เดินจากไปด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาด มู่หลิ่งอิน สิ่งที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไรกันแน่? เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเจ้ากำลังสารภาพความในใจที่มีต่อข้ากัน เจ้าพูดราวกับว่าเจ้าเป็นตัวตนของข้า เป็นกายใจของข้า คนบ้า คนสารเลว เหตุใดทั้งน้ำเสียงและแววตาของเจ้า ตอนนี้ถึงได้มีอิทธิพลทำให้ข้ารู้สึกหวั่นไหวและไม่เป็นตัวของตัวเองได้อย่างไรกัน มู่หลิ่งอินข้าเกลียดเจ้า! *1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง , ครึ่งชั่วยาม เท่ากับ 1 ชั่วโมง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD