“อ๊าห์! ข้า…เสียวซ่านนัก…” เสียงหวานใสครางกระเส่าสั่นๆ ระทมทุกข์ทรมาน ทุกครั้งที่ปลายลิ้นร้ายแหวกว่ายเคลื่อนไหวไปที่ส่วนใด ช่างดุดันหยอกเย้าเอาแต่ใจเหลือเกิน
ถ้าข้าขาดใจตายตอนนี้จะผิดไหม คนแซ่มู่ เจ้าช่างร้ายกาจนัก!
คล้ายกับรับรู้ความรู้สึกนึกคิดในใจของคุณหนูผู้แสนพยศ มู่หลิ่งอินเงยใบหน้าขึ้นจากดงบุปผาแล้วส่งยิ้มให้นางราวกับจะปลอบใจ “ท่านไม่ตายหรอกขอรับ คุณหนูแค่เสียวจนแทบอยากจะให้ข้าข่มเหงท่านมากกว่ากระมัง”
เมื่อสัมผัสสุดรัญจวนขาดช่วง อารมณ์วาบหวามสุดเสียวก็ขาดห้วงลงเช่นกัน ทำให้ร่างอรชรอ้อนแอ้นได้มีโอกาสพักหายใจหายหายคอลงบ้าง
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!? ผู้ใดอยากให้เจ้าข่มเหงกัน” เมื่อได้สติหญิงสาวก็เริ่มกลับมาเป็นคุณหนูปากไม่ตรงกับใจอีกครั้ง ดวงตาคู่งามเผยแววขุ่นเคืองเพราะอารมณ์ซาบซ่านถูกหยุดไป
“หรือว่าข้าพูดผิดรึ?” เรียวลิ้นดุจมัจฉาตวัดเลียเชยชิมรสมธุรสหอมหวานตรึงจิตอย่างยั่วเย้า เพียงนัยน์ตาสีนิลสะท้อนเงาดวงหน้างดงาม ไฟราคะทั่วเรือนกายก็พลันแผดเผาจนเขาแทบอยากจะขย้ำนางให้ร้องครางคาอกนัก!
แม้จะคิดเช่นนั้นแต่พ่อบ้านมู่กลับมิอาจที่จะทำตามอำเภอใจของเขาได้ เพราะลึกๆ แล้วชายหนุ่มก็เฝ้าปรารถนาให้นางเป็นฝ่ายเสนอกายให้เขาอย่างเต็มอกเต็มใจ โดยที่เขาไม่ได้มีส่วนเร่งเร้าให้นางต้องการมันเพราะจนหนทางเช่นนี้
“นี่เจ้า…” ทว่าความรู้สึกของมู่หลิ่งอินมีหรือที่คุณหนูม่ายสาวอย่างเหยาเยว่เล่อจะรับรู้ได้ ในตอนนี้หญิงสาวยังคงรู้สึกสับสนกับตัวเองอยู่มาก ว่าจริงๆ แล้วนางควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ระหว่างลุกขึ้นไปหยิบดาบสั้นตรงพื้นและกระจ้วงแทงบ่าวชั่วเช่นเขา หรือจะยอมตกเป็นทาสไฟราคะที่กำลังลามเลียไปทั่วเรือนกายด้วยความทรมาน โฉมงามล้วนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองและเลือกไม่ถูกเลยจริงๆ
“ไม่น่าเชื่อว่ากลีบบุปผาของคุณหนูจะหวานหอมสดใหม่เช่นนี้ นี่ถ้าข้าไม่รู้จักคุณหนูมาก่อน ข้าคงคิดว่าท่านเป็นสาวบริสุทธิ์ไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนเป็นแน่” เสียงทุ้มๆ เจือเสียงแหบสั่นคล้ายกระหายใคร่ลึกๆ อารมณ์ที่ชายหนุ่มพยายามเก็บกักไว้คล้ายจะประทุระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? มู่หลิ่งอินเจ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่ใช่ไหม?” เหยาเยว่เล่อรีบหุบขาทันที อารมณ์สั่นไหวแปลกๆ บริเวณใจดวงน้อยนี้เริ่มทำให้นางรู้สึกสับสนยิ่งนัก
มู่หลิ่งอินเจ้าจะรู้หรือไม่ ว่าคำพูดของเจ้าเช่นนี้มันมีผลกระทบต่อดวงใจที่บอบช้ำของข้ามากเพียงใด ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีชายใดเอ่ยเชยชมข้าและพึงใจในบุปผาเร้นลับของข้าเช่นนี้มาก่อน แม้กระทั่งอาเล่อ ชายงามที่ข้าหมายตาให้เป็นเครื่องอุ่นเตียง คนผู้นั้นกลับทรยศหักหลังข้าจนไม่เหลือชิ้นดี!
แม้ต่อหน้านาง หลวนเล่อจะคอยเติมเต็มปรนเปรอพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจนาง แต่ทว่าลับหลัง มีหรือว่านางจะไม่รู้ไม่เห็นว่าบ่าวชั้นต่ำเช่นเขาเอาเรื่องของนางไปพูดกับผู้อื่นไว้เช่นไร!
มือเล็กกำหมัดแน่นยามเมื่อหวนนึกถึงความเจ็บปวดที่นางเคยได้รับในอดีต ความรักความอบอุ่นจากบรรดาบุรุษที่นางเคยร่วมเรียงเคียงรัก จะมีผู้ใดบ้างที่จะมอบความรักความทะนุถนอมประดุจว่านางเป็นแก้วตาดวงใจสักคนในโลกใบนี้…
“คงไม่มีจริงๆ สินะ คำว่ารักสำหรับข้า!” เหยาเยว่เล่อหลุดคำพูดที่นางคิดอยู่ในใจออกมา ริมฝีปากบางยิ้มเย้ยหยันให้กับโชคชะตาที่ไม่เป็นธรรมของตัวเอง
แม้แต่สามีของข้า คนผู้นั้นยังเห็นข้าเป็นเพียงบุปผาริมทาง หึๆ ชีวิตนี้ของข้าช่างแสนบัดซบนัก!
ทั้งแววตาที่แสนเศร้าและคำพูดที่เผยให้เห็นความเจ็บช้ำอยู่ภายใน มีหรือที่มู่หลิ่งอินจะไม่รู้ เพียงแต่เขาไม่อยากจะพูดหรือแสดงมันมากไปกว่านั้น แม้ว่าภายในใจเขาจะรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่คุณหนูเผชิญ แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าโลกใบนี้ใช่ว่าใครๆ จะสุขสมหวังไปเสียทุกอย่าง แม้ว่าการมองคนที่รักเจ็บปวดอยู่ห่างๆ เช่นนี้ ลึกๆ แล้วเขาก็ล้วนเจ็บปวดไม่แพ้นาง ทว่าหากนางไม่สามารถพ้นผ่านวันคืนที่แสนหนาวเหน็บนี้ไปได้ รสชาติของฟ้าหลังฝน นางคงมิอาจได้สัมผัสและเข้าใจ
“หึ! แค่นี้ท่านก็เศร้าแล้วรึ? เพียงแค่บ่าวไม่ข่มเหงท่าน คุณหนูก็ถึงขั้นน้อยเนื้อต่ำใจขนาดนี้เชียว?” คิ้วรูปดาบเลิกขึ้นอย่างเย้าแหย่ เพียงเพื่อเบี่ยงเบนอารมณ์ขุ่นเศร้าของนาง มู่หลิ่งอินจึงเลือกที่จะยั่วเย้าให้นางกลับมาโกรธเขาอีกครั้ง
“มู่หลิ่งอิน! เจ้ามันเป็นคนไร้หัวใจ ข้าเกลียดเจ้า!” อารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจก่อนหน้าพลันถูกแทนที่ด้วยความเคืองขุ่น คำปรามาสของมู่หลิ่งอินใช้ได้ผลราวกับมองนางออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“ไยตอนนี้บ่าวถึงเริ่มจะติดใจรสชาติของบุปผาของท่านขึ้นมาเสียแล้ว คุณหนูท่านอย่าได้เป็นสตรีที่ปากไม่ตรงกับใจอีกเลยนะขอรับ”
เมื่อถูกอีกฝ่ายเย้าแหย่เอามากๆ เข้า ฝ่ามือเล็กก็รีบยกขึ้นหมายจะฟาดไปที่ใบหน้ายั่วอารมณ์ให้หายโกรธ ทว่ามือแกร่งของมู่หลิ่งอินกลับคว้าข้อมือเล็กไว้อย่างง่ายดาย ราวกับรู้ทันว่านางจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้
“นี่เจ้ากล้ารึ!?” ดวงตากลมโตถลึงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างต้องการที่จะเอาชนะ
“ข้าจะกล้ายิ่งกว่านี้ ถ้าหากคุณหนูยังไม่หยุดที่จะคิดลองดีกับบ่าว” มู่หลิ่งอินเผยแววคุกคามขณะจ้องดวงตากระจ่างใสด้วยอารมณ์พลุกพล่าน เพราะตอนนี้เจ้ามังกรผงาดมันเกิดอาการพยศเสียแล้ว มันอยากที่จะมุดถ้ำคุณหนูแทบจะขาดใจอยู่รอมร่อ
ใบหน้างามเชิดขึ้นเผยแววหยิ่งผยอง “เจ้าจะทำอะไรข้ารึ? คิดหรือว่าข้าจะกลัวเจ้า!”
แม้ในใจลึกๆ หญิงสาวจะแอบหวาดหวั่นระคนเฝ้ารอความหฤหรรษ์จากบุคคลที่นางเกลียดแสนเกลียด แต่ว่าตอนนี้แววตาคู่นั้นของเขาช่าง…
“ถ้าท่านต้องการเช่นนั้น คุณหนูท่านก็อย่าได้มาตัดพ้อกับข้าลับหลังก็แล้วกันว่าข้าข่มเหงท่าน!” มู่หลิ่งอินเริ่มพูดข่มคู่นาง ร่างแกร่งเริ่มขึ้นคร่อมเรือนร่างเปลือยเปล่าอรชรที่แสนชวนน่ากินนี้นัก
ทว่ายามเมื่อเอาเข้าจริงคุณหนูเหยาเยว่เล่อกลับรู้สึกหวาดกลัวเสียแล้ว เพราะตอนนี้เจ้ามังกรตัวโตมหึมาเบื้องหน้ากำลังเคลื่อนตัวมาใกล้ใบหน้างาม แถมมันยังพร้อมที่จะฟาดงวงฟาดงาใส่ใบหน้างามด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด ร่างอรชรถึงกับใจสั่นสะท้าน เพราะขนาดและลำตัวของมันใหญ่ยาวกว่าบรรดาบุรุษที่นางเคยพบพานนัก!
หากมู่หลิ่งอินยัดเยียดมันเข้าไปในร่างกายของข้า เกรงว่าดงบุปผาของข้าต้องฉีกขาดระบมเป็นแน่!
เมื่อได้สติ มือเล็กก็จัดการผลักอกกำยำของอีกฝ่ายด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี “ออกไปนะ ข้าเกลียดเจ้า ไปให้พ้นๆ ร่างกายของข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ซึ่งมู่หลิ่งอินก็ยอมลุกออกจากร่างเปลือยเปล่าที่แสนเย้ายวนนี้แต่โดยดี ดวงตาสีนิลจับจ้องมองร่างงดงามราวกับจะกลืนกินไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก
“หยุดมองข้าเดี๋ยวนี้นะ!” ใจดวงน้อยเต้นระส่ำเร็วแรง มือเล็กกำหมัดแน่น เมื่อสบโอกาสเหยาเยว่เล่อตัดสินใจเร่งฝีเท้าวิ่งหนีออกจากเรือนประสานใจด้วยใบหน้าแดงก่ำและหัวใจเต้นระรัว แม้แต่ผ้าเช็ดตัวผืนบางหญิงสาวก็ยังลืมที่จะหยิบมันติดมือกลับไปด้วย
“หึๆ เยว่เอ๋อร์ เจ้าทำตัวน่ารักอีกแล้วนะ แล้วแบบนี้จะไม่ให้ข้าหยุดคลั่งใคล้ในตัวเจ้าได้อย่างไรไหว นับวันความปรารถนาที่ข้ามีต่อเจ้า มันยิ่ง…” มู่หลิ่งอินก้มลงไปมองท่อนหยกแกร่งที่ผงาดชี้โด่ไม่รู้ล้มเบื้องล่าง ความรู้สึกปวดหนึบๆ ตรงแกนกายของเขาเมื่อใดจะได้รับการปลดปล่อยจากนางเสียที
ข้าจะรอวันที่เจ้าพร้อมก็แล้วกัน…