ขนมผิงหายไป

1117 Words
แล้วเขาก็มารู้ในวันประกาศผลสอบหลังจากปิดเทอมไม่นานว่าขนมผิงติด F วิชาเลข เขารู้สึกแทบบ้า แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เขานึกได้ว่าเคยเอาโทรศัพท์เธอมายิงเบอร์ตัวเอง “ผิงๆๆๆ ขนมผิงๆๆๆ ไม่มี” ไม้ซุงค้นหาชื่อในโทรศัพท์ “เอ๊ะ เราบันทึกชื่ออะไรไว้วะ เด็กข้างบ้าน ตัวยุ่ง ยายเบื๊อก ไม่มี ไม่ใช่ หรือว่า...” ใช่แล้ว เขาไม่เคยบันทึกเบอร์ขนมผิงไว้ในโทรศัพท์เลย เธอยิงเบอร์เข้ามาเขาก็ไม่ได้สนใจจะบันทึก ไม้ซุงไล่ดูเบอร์โทร.เข้าในวันก่อนเปิดภาคเรียนที่เจอขนมผิงที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวหน้าหอ เขาเจอเบอร์แปลกเบอร์เดียวกันขึ้นมาสองครั้ง ดูจากเวลาแล้วเป็นตอนค่ำช่วงกินก๋วยเตี๋ยว แต่อีกครั้งเป็นตอนเจ็ดโมงเช้าวันรุ่งขึ้น...เขาจำไม่ได้ว่ารับสายของเธอ นิ้วหนากดโทร.ออก ภาวนาให้ปลายสายรับ แต่เครื่องถูกปิด ไม้ซุงรีบคว้าเสื้อผ้ามาแต่งตัวแบบลวกๆ แล้วคว้ากุญแจรถขับจากอพาร์ตเมนต์ที่เพิ่งมาเช่าใหม่หลังย้ายออกจากหอมหาวิทยาลัยหลังสอบเสร็จ เพื่อจะได้มาอยู่ใกล้ที่ฝึกงาน เขาไปเดินป้วนเปี้ยนกระวนกระวายใต้หอหญิง หวังลมๆ แล้งๆ ว่าขนมผิงจะไม่กลับบ้านในช่วงปิดเทอมเล็ก หรือไม่ก็ยังไม่ทันกลับ แต่เขาก็ต้องคว้าน้ำเหลวกลับอพาร์ตเมนต์ไป ขนมผิงเป็นเด็กน่ารัก เป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่ตามเขาต้อยๆ มาตั้งแต่ม.3 ใครจีบก็ไม่สน เพราะเธอมุ่งมั่นจะจีบเขา แม้กระทั่งปัจจุบัน กระทิงก็เพิ่งจะอิ่มหนำกับการกินน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในไปเพราะขนมผิงปฏิเสธที่จะคบหาแบบคนรัก นอกจากน่ารักแล้ว ขนมผิงยังเป็นเด็กเรียนดี เป็นความหวังของหมู่บ้าน เธอมักจะบอกเขาแบบนี้... ********* ขนมผิงไม่ได้อยากเป็นความหวังของหมู่บ้าน แต่ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ ก็ต้องเล่นไปตามระบบของมัน ต้นตระกูลของเธอเป็นคนจังหวัดสมุทรสาคร ย่ามีลูกหนึ่งโหล หน้าที่การงานของพ่อยังไม่มั่นคงก็แต่งงานย้ายครอบครัวออกมา ซื้อบ้านหลังเล็กๆ หวังมีครอบครัวในฝัน แต่พิษเศรษฐกิจก็พังความฝันนั้น ทั้งพ่อและแม่ต้องทำงานหนักขึ้น ย่าจึงแบ่งเบาภาระในการเลี้ยงดูเธอด้วยการรับไปอุปการะตั้งแต่อายุได้สามเดือน ขนมผิงเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักของลุงป้าน้าอาที่ยังไม่ได้แต่งงานและย่า ซึ่งมีฐานะปานกลาง เธอติดย่ามากจนไม่อยากกลับไปอยู่กับพ่อแม่ พอเธอเข้าอนุบาลพ่อกับแม่ก็มีน้องเพิ่มหนึ่งคน แล้วก็อีกหนึ่งคน การมีลูกเพิ่มขึ้นโดยที่เงินเก็บแทบไม่มีนับเป็นความสาหัสของครอบครัว ในฐานะพี่คนโตที่มีจิตสำนึกดีเยี่ยม ขนมผิงพึงระลึกเสมอว่า เธอมากินดีอยู่สบายที่บ้านย่า แต่เธอยังมีน้องๆ อีกสองคน เธอจึงบอกกับไม้ซุงว่าเธอเป็นความหวังของหมู่บ้าน ความจริงขนมผิงไม่รู้หรอกว่าอาของเธอเป็นเพื่อนสนิทกับแม่ของไม้ซุง จนกระทั่งวันหนึ่งอาพาเพื่อนครูที่โรงเรียนมากินข้าวที่บ้าน แล้วไม้ซุงมากับแม่ของเขาด้วย เธอถึงได้รู้ว่ารุ่นพี่โรงเรียนมัธยมหน้าเหมือนดาราเกาหลีที่เธอตามกรี๊ด ตามแหย่อยู่ทุกวันจนเขารำคาญเป็นคนใกล้ตัวนี่เอง ตอนแรกคิดว่าความสัมพันธ์ของคนรุ่นอารุ่นแม่ จะส่งผลดีต่อรุ่นถัดไป ปรากฏว่าไม่เลย ไม่มีข้อได้เปรียบใดๆ แถมทำให้ไม้ซุงระมัดระวังตัวมากขึ้น เธอยังแอบมีความหวังนะว่าวัยของเรามันยังเด็กไป แต่ตอนนี้มันชัดเจนแล้วละ ว่าเป็นได้แค่น้อง เมื่อข้างกายของไม้ซุงมันไม่ใช่ที่สำหรับเธอ ขนมผิงเจ็บจนชา...จนไม่เจ็บอีกต่อไป แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจกลับมาเจ็บได้อีกครั้ง ซ้ำมากมายกว่าหลายพันเท่า คือการจากไปของบิดาเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนสอบสองสัปดาห์เธอได้รับทราบข่าวจากแม่ว่า พ่อเส้นเลือดในสมองแตก เธอทิ้งทุกอย่าง ตรงดิ่งไปโรงพยาบาล พ่อมีสติรับรู้ ตอบโต้เธอทางสายตาได้เป็นพักๆ แต่ร่างกายเป็นอัมพาต และค่อยๆ ทรุดหนัก เป็นเวลาสองสัปดาห์เต็มที่เธอและแม่กับน้องๆ เฝ้ารอปาฏิหาริย์ ทั้งที่รู้ว่ามันริบหรี่ เธอจมอยู่กับความเศร้ากับการจากไปของพ่อจนไม่อยากกลับมาสอบ ห่วงแม่ ห่วงน้อง จนย่าต้องเรียกไปเตือนสติว่าการเรียนสำคัญที่สุด มันจะช่วยให้เธอทำงานหาเลี้ยงน้องๆ ได้ หลังจากนี้ก็ให้วางใจ ทางบ้านใหญ่จะคอยช่วยเหลือแม่และน้องๆ ของเธอเอง ขนมผิงกลับไปสอบด้วยหัวใจสะบักสะบอม โดยที่ศพของพ่ออยู่บนศาลา ยังดีที่มหาวิทยาลัยกับบ้านมีระยะทางห่างกันแค่สองชั่วโมง เธอไปเช้าเย็นกลับเพื่อสวดศพพ่อ หลังสอบเสร็จหนึ่งวันก็เป็นวันเผา ผลสอบที่ออกมาเฉลี่ยแล้วไม่โดนรีไทร์ก็พอใจแล้ว ส่วนเลข เธอส่งกระดาษเปล่า ถ้าไม่ F ก็แปลก จะให้นั่งทู่ซี้อยู่ทำไมในเมื่อไม่ได้ท่องสูตรอะไรเลย เธอกะจะรอทักทายไม้ซุง แต่รออยู่นอกห้องสอบนานเขาก็ไม่ออกมาสักที พอดีกับแฟนของเขาเดินมารอ ตอนบ่ายเธอต้องสอบอีกวิชา ขนมผิงจึงเดินจากห้องสอบไปยังโรงอาหาร ซึ่งด้านหน้ามีเครื่องถ่ายเอกสาร บนโต๊ะข้างๆ จะมีเลกเชอร์ของคนที่ฝากถ่ายเอกสาร และแม่ค้าขอถ่ายเอาไว้ขาย เธอไปยืนเลือกวิชาที่จะต้องสอบ ได้มาปึกใหญ่ก็เอาไปนั่งอ่านในโรงอาหารพร้อมทั้งกินข้าวไปด้วย เธอไม่มีสมาธิและกะจิตกะใจจะมองใคร จนกระทั่งเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าไม้ซุงนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ “อ้าว พี่ซุง มานั่งตั้งแต่เมื่อไร ผิงต้องไปสอบแล้ว โชคดีนะพี่ เราคงไม่ได้เจอกันอีก” เธอทักเขาแค่นั้นก็ต้องรีบเดินไปสอบวิชาถัดไป ไม้ซุงตามมารั้งเธอ แต่ตอนนั้นเธอกำลังจะเข้าห้องสอบเลตแล้ว นั่นแหละ เธอคิดว่าได้มองหน้าของไม้ซุงเต็มๆ เป็นครั้งสุดท้าย กลับไปมหาวิทยาลัยคราวนี้ก็ไม่ได้เจอกันอีก เพราะเขาต้องไปฝึกงาน *********
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD