“กรี๊ดดดดดดด”
ครั้งนี้ตาหวานเก็บเสียงต่อไปไม่ได้อีกหลังจากได้รู้ว่าตัวเองมีผัวะ...เอ่อ สามีพร้อมกันถึงสองคนในคืนเดียว ร่างเล็กดีดดิ้นหาทางลงจากเตียง เสียงและการเคลื่อนไหวของเธอทำให้ชายสองคนบนเตียงสะดุ้งตื่น ก่อนที่ชายที่กอดเอวตาหวานจะกระชับแขนของตนให้แน่นขึ้นเพื่อไม่ให้หญิงสาวหนีไปได้
“ตื่นแล้วเหรอ” ชายคนนั้นปรือตาขึ้นมองหน้าตาหวาน เสียงของคนที่เพิ่งตื่นทุ้มพร่า มุมปากของเขายกยิ้มบางๆ อย่างร้ายกาจ หากใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างไร้ที่ติของเขาทำให้รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์น่าค้นหามากกว่าทำให้น่าหวาดกลัว “เมื่อคืนเธอโคตรเด็ดเลยรู้ตัวไหมแซนตี้น้อย”
ชายคนนั้นกดจูบลงบนหัวไหล่มนของตาหวานที่ตัวแข็งทื่อ เธอทำหน้างงหลังจากได้ยินคำที่ใช้เรียกเธอก่อนจะจำได้ว่าเมื่อคืนเธอถูกเพื่อนซี้แปลงโฉมเป็นแซนตี้ในชุดเดรสเกาะอกสีแดงประดับด้วยขนสีขาวฟูนุ่มเลยทำให้เขาเรียกเธอแบบนี้
แถมเธอยังเมาจนทำเรื่องบ้าๆ ด้วยการขึ้นไปนั่งตักของพี่คิณเพื่อเต้นยั่วยวนเขาตามคำยั่วยุของเพื่อนสาวที่รู้ว่าเธอแอบชอบพี่คิณมานาน เธอทั้งอ่อย ทั้งออดอ้อนเขา ต่อจากนั้นถึงภาพจะตัดและเลือนรางไปบ้าง แต่เธอก็ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเรื่องมันถึงมาลงเอยแบบนี้ได้ในเมื่อเธอเสนอตัวให้เขาขนาดนั้น
แต่เดี๋ยวนะ ถึงเธอจะทำเรื่องขาดสติแบบนั้นก็เถอะ มันก็ควรจะจบที่คนสองคนไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบทรีซั่มแบบนี้ล่ะ
“พวกพี่เป็นแฝดกันเหรอคะ” ตาหวานหลุดถามคำถามโง่ๆ ออกไป เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่คิณมีแฝด แถมยังหน้าตาเหมือนกันจนแทบจะแยกกันไม่ออก
“แล้วเราว่าใช่ไหม” ชายที่ตาหวานนอนซบอกเป็นฝ่ายพูดบ้าง แม้แต่เสียงของพวกเขายังเหมือนกันมาก ตาหวานมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมาอีกครั้งก่อนจะเห็นจุดสังเกตเล็กๆ ที่ต่างกัน
“พี่...พี่คิณใช่ไหมคะ” ตาหวานเงยหน้าถามคนที่เพิ่งคุยกับเธอ คิ้วของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อยเหมือนกับแปลกใจบางอย่าง
“แยกฉันกับชิระออกด้วยเหรอ” อคิณถามหญิงสาวตรงหน้า เขาไม่ได้แปลกใจที่อีกฝ่ายรู้จักเขาในเมื่อเขาเป็นคนดังของมหาวิทยาลัยที่มีรุ่นน้องรู้จักเขาฝ่ายเดียวมากมาย แต่เขาแปลกใจที่เธอสามารถแยกเขากับน้องชายฝาแฝดที่เกิดห่างกันไม่กี่นาทีออกได้ ทั้งๆ ที่พวกเขาเหมือนกันจนถ้าไม่ใช่คนคุ้นเคยจริงๆ จะสับสน
“ก็...ก็พี่คินไม่ได้เจาะหูนี่คะ” ตาหวานพูดตามที่เธอสังเกตเห็น คนที่นอนกอดเอวเธอใส่ต่างหูรูปไม้กางเขนสีดำ ส่วนอีกคนใบหูเรียบเนียนไม่มีรอยเจาะอะไร ซึ่งเธอก็มั่นใจมากว่าอคิณไม่ได้เจาะหูแน่ๆ ในเมื่อเธอแอบมองเขามาเสมอ ทำให้เธอแยกเขาออกแม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้ใส่แว่นอย่างที่เธอเห็นทุกวันเพราะเพิ่งตื่นนอน
“รู้ดีขนาดนี้ เป็นแฟนคลับมันสินะ” อชิระถามเสียงห้วนคล้ายกับหงุดหงิดบางอย่าง แต่แขนที่กอดเอวตาหวานกลับรวบแน่นกว่าเก่าจนตาหวานสะดุ้งน้อยๆ และหันไปมองเขา
“หึ ขนาดรู้ดีแต่ก็ยังเต้นบนตักฉันได้ตั้งนาน” เจ้าของรอยยิ้มร้ายกาจจ้องเข้ามาในดวงตากลมสวยที่เบิกกว้างขึ้นทันที คำพูดของอชิระทำให้ตาหวานรู้ตัวว่าเมื่อคืนเธออ่อยผิดคน!
“ข่ะ...ขอโทษค่ะ ตอนนั้นตาหวานไม่รู้นี่คะว่าพี่คิณมีแฝด” ตาหวานตอบเสียงอ่อยทั้งยังหลบตาอชิระ เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกผิด คงเป็นเพราะรู้ตัวว่าที่เรื่องราวมันบานปลายมาถึงจุดนี้ เป็นเพราะเธอหาเรื่องใส่ตัวจนอดคิดไม่ได้ว่าเธอไปทำให้เขารำคาญ
“แสดงว่าตั้งใจยั่วไอ้คิณ ไม่ใช่ฉันสินะ” อชิระเสียงเข้ม ตาหวานกัดริมฝีปากเบาๆ ปฏิเสธไม่ออกในเมื่อความจริงมันเป็นแบบนั้น ถึงจะทำเพราะความเมาก็เถอะ
เธอเอาแต่ก้มหน้าจนไม่รู้เลยว่าท่าทางของเธอทำให้แววตาของอชิระเข้มขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับเจอเรื่องไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง
“เหอะ ช่างเถอะ” อชิระสบถออกมาพร้อมกับปล่อยแขนจากตาหวาน “ก็แค่วันไนท์”
พูดจบอชิระก็ลุกออกจากเตียงทั้งที่ยังเปลือยเปล่า ตาหวานต้องรีบหันหน้าหนีจนได้ยินเพียงเสียงกระแทกเท้าและเสียงประตูห้องน้ำที่ถูกปิดดังปัง
บนเตียงเลยเหลือแค่ตาหวานกับอคิณสองคน อคิณมองหน้าตาหวานและถามด้วยน้ำเสียงคิดหนัก
“ว่าแต่เราเถอะ จริงจังเหรอ”
ตาหวานเงยหน้ามองอคิณที่ดูเคร่งขรึม ถึงเธอจะหัวช้าในบางครั้ง แต่คำถามและสีหน้าของอคิณก็พอจะทำให้เธอเข้าใจว่าเขาเองก็คงคิดแค่วันไนท์สแตนด์เหมือนกัน
แล้วคนที่เป็นฝ่ายวิ่งเข้าหากองไฟอย่างเธอ จะมีสิทธิ์ไปจริงจังอะไร
“ไม่ค่ะ แค่วันไนท์” ตาหวานส่งยิ้มให้อคิณเบาใจทั้งๆ ที่ลึกๆ ก็แอบปวดใจที่ต้องพูดคำนี้ สีหน้าของอคิณเลยผ่อนคลายลงไป
“ดี เข้าใจตรงกันนะว่าแค่วันไนท์สแตนด์” อคิณย้ำชัด คนฟังเจ็บหน่วงยิ่งกว่าเก่า แต่เธอก็ยังฝืนยิ้มให้เขา ยอมรับข้อสรุปนี้อย่างไม่คิดโต้แย้ง