แสงสีวิบวับจนแสบตาพร้อมกับการร้องและเต้นอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตของศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปที่โด่งดังเป็นอันดับหนึ่งของไทย เจนิส เจณิสตา สาวสวยสุดเย้ายวนวัยยี่สิบสองปีในเสื้อสายเดี่ยวเอวลอยสีดำกางเกงขาสั้นเอวต่ำแต่งขนสัตว์เทียมสีขาวตรงเอว สวมรองเท้าส้นสูงบูทยาวถึงหัวเข่า กำลังโยกย้ายร่างกายตามจังหวะอย่างเซ็กซี่สวยงามและโดดเด่นที่สุดในจำนวนศิลปินทั้งห้าคน เรียกเสียงกรีดร้องของเหล่าแฟนคลับที่คลั่งไคล้และติดตามคอยสนับสนุนในทุกที่ที่เดินทางไปเล่นคอนเสิร์ต
เพลงสุดท้ายจบลงอย่างงดงามสมฐานะเกิร์ลกรุ๊ปคุณภาพเยี่ยมทั้งเสียงร้องและการเต้น ไฟบนเวทีดับพรึบ พร้อมเสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม ก่อนนักร้องสาวสวยทั้งห้าคนจะพากันเดินลงจากเวที
“เหนื่อยกันหน่อยนะเด็ก ๆ ขอบคุณมาก ๆ งานนี้ก็ทำได้ดีไม่มีที่ติ”
ปุ๊กกี้ ผู้จัดการศิลปินส่งน้ำให้สาว ๆ คนละขวด ก่อนจะพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพาขึ้นรถตู้คันหรูโดยมีบอดี้การ์ดเดินตามมาส่งขึ้นรถเป็นพรวน
“เจนิส ถึงคอนโดหนูแล้ว”
ปุ๊กกี้ปลุกคนที่นั่งหลับมาตลอดทางด้วยความเพลียเมื่อรถตู้มาจอดเทียบทางขึ้นคอนโดมิเนียมสุดหรูราคาแพง
“ขอบคุณมากค่ะพี่ปุ๊กกี้ เจอกันพรุ่งนี้นะเพื่อน ๆ”
ห้าสาวโบกไม้โบกมือลา แม้แต่ละคนจะเพลียจนแทบลืมตาไม่ขึ้นแล้วก็ตาม แต่พรุ่งนี้ก็ยังต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปซ้อมเต้นเพลงใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
ประตูรถตู้แบบอัตโนมัติปิดลงพร้อมกับนักร้องสาวที่เดินเข้าไปกดเรียกลิฟต์ ไม่นานประตูลิฟต์ชั้นที่มีห้องพักราคาแพงที่สุดของตึกก็เปิดออก คนที่แทบไม่มีแรงหลงเหลือแล้วจึงรีบสาวเท้าออกเดินทันที
อยู่ ๆ เสียงรองเท้าส้นสูงแบรนด์เนมกระทบพื้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอก็หยุดลง คนตัวบางสุดเย้ายวนด้วยวัยสาวหันกลับไปมองเมื่อสัมผัสได้ว่าเสียงที่ดังกระทบพื้นนั้นไม่ได้มีเพียงรองเท้าของตัวเองคู่เดียว
แต่ตลอดความยาวของโถงทางเดินไปยังหน้าลิฟต์ที่ถูกเรียกลงไปชั้นล่างแล้วกลับว่างเปล่าด้วยความปลอดภัยระดับคอนโดมิเนียมหรูติดแม่น้ำเจ้าพระยาที่แม้แต่แมลงวันสักตัวยังบินเข้ามาไม่ได้ถ้าไม่มีคีย์การ์ด
เธอกวาดตามองไปจนทั่วโถงทางเดินชั้นนั้นอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะถอนหายใจเมื่อคิดว่าตัวเองทำงานหนักและพักผ่อนน้อยจนหูแว่ว
“เฮ้อ นี่เราอาการหนักขนาดนี้เลยเหรอ”
พึมพำกับตัวเองเสร็จก็หมุนตัวกลับพร้อมออกเดิน มือควานหาคีย์การ์ดในกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมคอลเล็กชันล่าสุดแล้วเปิดประตูเข้าห้องของตัวเอง
อีกนิดที่ประตูกำลังจะปิดก็ถูกผลักพรวดเข้ามาพร้อมชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ใส่เสื้อผ้ามิดชิดและมีหมวกปิดบังใบหน้า
นักร้องสาวตกใจเบิกตากว้าง ก่อนร้องตะโกนเสียงดัง
“แกเข้ามาทำไม ช่วยด้วย ช่วย...”
ชายหนุ่มก้าวพรวดก็ถึงตัว เขาใช้มืออุดปาก บังคับพาเธอเดินไปล้มลงทับกันบนโซฟาตัวยาว ก่อนจะปล้ำจูบซอกคอหอมอย่างกักขฬะทำคนตัวบางตกใจจนแทบช็อก แต่ความรู้สึกสะอิดสะเอียนมีมากกว่า
“กรี๊ด ไอ้บ้า ปล่อยนะ ไอ้ชั่ว”
เจณิสตากรีดร้องพร้อมมือเล็กที่ระดมทุบตี แต่เพียงครู่เดียวก็ต้องหยุดลงเมื่อชายร่างใหญ่ตวัดฝ่ามือฟาดใบหน้าสวยจนบวมช้ำทันตา
สาวน้อยวัยเพียงยี่สิบสองปีที่เพิ่งก้าวพ้นรั้วมหาวิทยาลัยมาหมาด ๆ หลับตาลงอย่างอ่อนล้า น้ำตาไหลลงอาบแก้ม แต่มือเล็กที่ถูกจับขึงพืดเหนือศีรษะกลับค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบแจกันดอกไม้ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างกัน
“โอ๊ย...”
แจกันแก้วราคาแพงแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ พร้อมกับชายหนุ่มเหนือร่างที่ชะงักยกมือกุมหัว เป็นการเปิดโอกาสให้เธอผลักเขาสุดแรงแล้ววิ่งหนีออกจากห้อง
โชคดีเหลือเกินที่นักศึกษาชายห้องตรงข้ามกันกำลังเดินออกจากลิฟต์มาพอดี
“ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”
“มีอะไรครับ”
สภาพนักร้องสาวที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใบหน้าบวมช้ำอาบไปด้วยน้ำตาจนเครื่องสำอางเลอะเทอะ และเท้าที่ไม่ได้สวมใส่รองเท้าทำชายหนุ่มรีบวิ่งไปหาแล้วรับร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดได้ทันก่อนที่เธอจะล้มลง
“ในห้อง มีโจร...”
พูดได้เพียงเท่านั้นสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงไป
“เกิดเรื่องน่าตกใจขึ้นกับวงการบันเทิงบ้านเราอีกแล้วค่ะ เมื่อเจนิส นักร้องสาวเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง วง Dolly Eyes ถูกสตอล์กเกอร์สะกดรอยตามจนถึงคอนโดมิเนียม ตำรวจสอบสวนให้การว่าผู้ต้องหาหลงรักเจนิสมากจนทนไม่ไหว สารภาพหมดเปลือกเลยว่าแอบสะกดรอยตามมาหลายวันจนรู้ว่าเจนิสอยู่ที่คอนโดอะไร ห้องไหน และสุดท้ายก็หาทางจนขึ้นไปซ่อนอยู่ที่บันไดหนีไฟถึงสิบหกชั่วโมง เขารอจนเจนิสกลับห้องหลังจากเล่นคอนเสิร์ตจบ โชคดีที่เจนิสเอาแจกันฟาดหัวจนสตอล์กเกอร์หัวแตก เลยวิ่งหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านได้ทัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจนิสบ้าง ตอนนี้เจนิสยังอยู่ที่โรงพยาบาล น้องมีอาการตกใจอย่างมาก และยังไม่พร้อมให้ใครเข้าเยี่ยม ยังไงเรามาช่วยกันส่งกำลังใจให้น้องเจนิสหายเร็ว ๆ กลับมาสดใสร่าเริงเหมือนเดิมนะคะ”
หน้าจอโทรทัศน์ในห้องพักของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังดับลง เจณิสตาวางรีโมตแล้วถอนหายใจ ตั้งแต่วันนั้นเธอยังตกใจไม่หาย ไม่พร้อมให้คนนอกเข้ามาเยี่ยมนอกจากเพื่อนสนิทของพ่อกับแม่ที่มาอยู่ดูแลเธอตั้งแต่วันแรกที่นอนโรงพยาบาล จนตอนนี้พ่อแม่ของเธอเพิ่งเดินทางมาถึงจากต่างประเทศ
“อย่าไปดูมันอีกเลยนะลูก ตอนนี้ตำรวจจับได้แล้ว มันติดคุกยาวแน่”
จริญญา ผู้เป็นมารดาโอบกอดลูกสาวแนบอก คนเป็นพ่อจึงเดินเข้ามาสวมกอดให้กำลังใจลูกสาวคนเล็กที่หวงแหนราวไข่ในหินบ้าง
“พ่อไม่ให้เจนิสอยู่ที่นี่อีกแล้ว ขนาดซื้อคอนโดราคาเป็นสิบล้านให้อยู่ ยังไม่ปลอดภัยเลย”
ปฐวี กัดกรามแน่น อยากจะกระทืบคนที่แอบเข้ามาทำร้ายลูกสาวเขาให้จมดิน แต่ก็ไม่อาจทำได้
“พ่อจะให้เจนิสเปลี่ยนคอนโดเหรอคะ”
“เปล่า พ่อจะขายทิ้งแล้วพาเจนิสกลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมต่างหาก เจนิสต้องออกจากวงทันที”
“ไม่นะคะ เจนิสเพิ่งได้ออกอัลบั้มแรกเอง เหลือสัญญาอีกตั้งหนึ่งปี แล้วทางค่ายก็จะให้เซ็นสัญญาฉบับที่สองต่ออีกห้าปีด้วย พ่อก็รู้ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้มันไม่ง่ายเลย เจนิสซ้อมหนักมาก ๆ เจนิสทำตามสัญญาได้แล้ว ทั้งเรียนทั้งทำงานพร้อมกันโดยที่ไม่เสียการเรียนสักนิด”
การเป็นนักร้องคือความฝันของเด็กผู้หญิงที่ไปเติบโตในต่างประเทศ เนื่องจากพ่อแม่ย้ายครอบครัวไปตั้งถิ่นฐานในต่างแดนเพื่อประกอบธุรกิจ Shopping Mall ที่นำเข้าสินค้าและอาหารของไทยมาขาย รวมถึงธุรกิจร้านอาหารไทยที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลกด้วย แม้ว่าพ่อของเธอจะยังมีหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทพิมพ์มาดาพร็อพเพอร์ตี้ที่อยู่ในประเทศไทยก็ตาม
การที่เธอจะทำตามความฝันได้คือต้องกลับมาเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่ประเทศไทยเท่านั้น และเธอก็ทำสำเร็จโดยที่ไม่เสียการเรียนสักนิด
“พ่อรู้ว่าลูกของพ่อพยายามมาก ๆ แต่ที่นี่มันไม่ปลอดภัยอีกแล้ว พ่อกับแม่และพี่ ๆ ก็ยุ่งกับธุรกิจทางนั้น ไม่มีใครมาอยู่ดูแลลูกของพ่อได้สักคน ขนาดเจนิสมีผู้จัดการส่วนตัว แค่คลาดสายตากันแป๊บเดียว ลูกพ่อก็เกือบจะถูกไอ้บ้าที่ไหนปล้ำแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูก พ่อกับแม่จะทำใจได้ยังไง”
น้ำตาไหลลงอาบแก้มนวล ภาพความน่ากลัวและสัมผัสน่าขยะแขยงยังคงไหลเวียนในสมอง แต่ถ้าเธอทิ้งทุกอย่างไปในตอนนี้ สิ่งที่เธอพยายามแทบตายมาตลอดหลายปีก็จะสูญเปล่า
“พ่อคะ เจนิสอยากเป็นนักร้อง”
ปฐวีกัดกรามแน่น ถอนหายใจเฮือก บังคับน้ำตาไม่ให้ไหลด้วยสงสารความรู้สึกของลูก แต่ความเป็นห่วงมีมากกว่า
“ไม่ได้ พ่อไม่ยอมให้เจนิสอยู่ในที่อันตรายอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ญาติสนิทเราไม่มีใครอยู่ที่ไทยกันเลยนะ ยิ่งถ้าให้เจนิสไปอยู่ที่บ้านเก่าของพ่อยิ่งแล้วใหญ่ ขนาดคอนโดมันยังแอบเข้ามาได้ พ่อกลัวจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก”
คนตัวบางร้องไห้โฮ กอดคนเป็นพ่อแน่น ทำเอาผู้ใหญ่ทุกคนในห้องสะเทือนใจไปตาม ๆ กัน
“วี จุ๋ม ให้เจนิสไปอยู่บ้านฉันไหม ฉันจะดูแลเจนิสให้ ไม่ต้องเป็นห่วง”
พาขวัญ ที่นั่งเงียบน้ำตาซึมด้วยความสงสารลูกสาวของเพื่อนรักทั้งสองคนมานานเอ่ยออกไปเมื่อได้ตรึกตรองดีแล้ว
“พั้นช์ จะดีเหรอ ฉันเกรงใจแก”
จริญญาเอ่ยออกมาด้วยความเกรงใจ แค่ที่เพื่อนต้องมาดูแลลูกสาวของเธอให้เกือบสองวันก็เกรงใจจะแย่แล้ว ทั้งที่ยังพอมีญาติพี่น้องอยู่ในประเทศไทย แต่ก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อถึงขั้นจะไหว้วานหรือฝากฝังลูกสาวเอาไว้ให้เป็นภาระได้
“เกรงใจอะไร พวกเราเป็นเพื่อนกันนะ เจนิสก็เหมือนลูกสาวฉัน ที่พวกแกหนีฉันไปทำธุรกิจที่สวิตฯ ฉันยังไม่ได้ชำระความพวกแกเลยนะ”
ทั้งที่ปฐวีมีหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทพิมพ์มาดาพร็อพเพอร์ตี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งที่สามีของพาขวัญรับตำแหน่งเป็นประธานบริษัทในตอนนั้นแท้ ๆ แต่เมื่อปฐวีได้ไปลองทำงานเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ดูแล้วกลับไม่ได้ชอบอย่างที่คิด จริญญาเองก็ไม่ต่างกัน จึงไปสร้างกิจการด้วยตัวเองถึงสวิตเซอร์แลนด์
“แหม ก็ไม่ชอบงานอสังหาฯ นี่ แต่มันคนละเรื่องกันนะพั้นช์ นี่ลูกสาวของฉัน ทั้งดื้อ ทั้งแสบ ทำงานก็ไม่เป็นเวลา กลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ ตื่นสาย ทำงานบ้านไม่เป็น จะให้อยู่เป็นภาระแกมันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ”
“บ้านฉันมี รปภ. คอยเปิดประตูรั้วและเฝ้าบ้านให้ มีแม่บ้านคอยทำงานทุกอย่าง แล้วบ้านฉันก็มีลูกชายลูกสาวอีกสามคนที่กิน นอน ตื่น ไม่เป็นเวล่ำเวลาสักคน มีเจนิสเพิ่มมาอีกแค่คนเดียว บ้านฉันคงไม่วุ่นวายขนาดนั้นหรอก”
จริญญาและปฐวีมองหน้าลูกสาวก็เห็นดวงตากลมโตคู่นั้นมีประกายความหวัง
“แต่...”
“นี่แกสองคนไม่สงสารลูกบ้างเหรอ ที่แกทิ้งงานทางนี้ไปสร้างธุรกิจกันใหม่เพราะพวกแกไม่ชอบงานอสังหาฯ แล้วมันจะต่างอะไรกับเจนิส ลูกแกใช้เวลากี่ปีกว่าจะมีวันนี้ อย่างน้อยก็ให้ทำในสิ่งที่ชอบอีกสักหน่อยเถอะ บอกแล้วไงว่าเรื่องที่อยู่ที่กินไม่มีอะไรต้องกังวล ฉันดูแลให้พวกแกได้ เจนิส ไปอยู่กับป้าไหม”
“ไปค่ะคุณป้า”
คนตัวบางตอบอย่างไม่เสียเวลาคิดแม้เพียงอึดใจทำคนเป็นพ่อแม่ถอนหายใจพรืด
“ก็ได้ แต่พ่อให้เวลาเจนิสถึงแค่หมดสัญญารอบนี้เท่านั้น ครบหนึ่งปีเจนิสต้องกลับสวิตฯ ทันที”
แม้จะผิดหวังที่พ่อไม่ยอมให้เธอเซ็นสัญญาฉบับที่สองต่ออีกห้าปี แต่อย่างน้อยก้าวแรกที่เธอยังได้ทำงานที่รักต่อไปจนครบสัญญาฉบับแรกก็ดีแล้ว ยังพอมีเวลาให้คิดหาทางออกเรื่องนี้กันใหม่
“ค่ะพ่อ เดี๋ยวเจนิสจะจ้างคนดูแลเพิ่มนะคะ เพราะพี่ปุ๊กกี้ดูแลทั้งวง คงไม่สะดวกดูแลเจนิสเป็นพิเศษ รถก็มีคนขับให้เหมือนเดิม ไม่ไปไหนเอง ไม่ขับรถแน่นอนค่ะพ่อ”
นิ้วเรียวถูกชูขึ้นมาแทนคำสัญญา จึงได้รับการพยักหน้าแทนคำอนุญาต
“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณคุณป้าด้วยนะคะที่ช่วยรับเจนิสไปดูแล”
ในเรื่องร้าย ก็ยังมีพอข่าวดีให้เธอกลับมาสดใสได้อีกครั้ง และคราวนี้คงไม่มีอะไรมาหยุดยั้งความฝันของเธอได้อีก แม้แต่ช่วงเวลาจำกัดเพียงแค่หนึ่งปีของพ่อก็ตาม