Prologue บทนำ

1771 Words
สายฝนกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่งราวกับฟากฟ้ากำลังพิโรธ เสียงฟ้าร้องคำรามกึกก้องกลบเสียงสะอื้นไห้ของแมลงรัตติกาลที่หลบซ่อนอยู่ตามซอกหลืบ ภายในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาลของวังหลวงที่ใครต่างยกย่องว่าเป็นแดนสวรรค์บนดิน กลับมีมุมหนึ่งที่ถูกทิ้งร้างและหนาวเหน็บยิ่งกว่าขุมนรก ตำหนักจันทราอัสดง สถานที่แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยงดงามสมชื่อ เป็นที่พำนักสำหรับพักผ่อนหย่อนใจของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง หากแต่บัดนี้... มันกลับกลายเป็นเพียงซากปรักหักพังที่ถูกลืมเลือน ฝุ่นผงจับหนาเตอะ หยากไย่เกาะเต็มเพดาน และกลิ่นอับชื้นของเชื้อราคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ผสมปนเปกับกลิ่นคาวเลือดจางๆ ที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ บนพื้นไม้เก่าคร่ำคร่าที่แทบจะผุพัง ร่างของบุรุษผู้หนึ่งนอนขดตัวด้วยความทรมาน เซี่ยเหยียนอวี่ อดีตพระชายาผู้เป็นที่โปรดปราน บัดนี้เหลือเพียงร่างกายที่ซูบผอมจนหนังหุ้มกระดูก เส้นผมยาวสลวยที่เคยเงางามดุจแพรไหม บัดนี้แห้งกรังและยุ่งเหยิง ใบหน้าที่เคยงดงามราวหยกสลักซีดเผือดไร้สีเลือด ริมฝีปากแห้งแตกเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีแดงฉานที่เขากระอักออกมา "อึก... แค่กๆ..." เหยียนอวี่ไอโขลก ร่างกายสั่นสะท้านจากความหนาวเย็นที่กัดกินไปถึงกระดูกดำ พิษร้าย 'เงี่ยงหงส์' ที่แล่นพล่านอยู่ในกระแสเลือดกำลังทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ มันค่อยๆ กัดกร่อนอวัยวะภายในของเขาอย่างช้าๆ มอบความเจ็บปวดที่เหมือนมีเข็มพันเล่มทิ่มแทงทั่วสรรพางค์กาย ทว่าความเจ็บปวดทางกายนั้น เทียบไม่ได้เลยกับความรวดร้าวในดวงใจ มือผอมแห้งข้างหนึ่งยกขึ้นมากุมหน้าท้องที่แบนราบ... ว่างเปล่า... และเย็นเฉียบ "ลูกจ๋า..." เสียงของเขาแหบพร่าจนแทบไม่ได้ยิน น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วไหลรินออกมาอีกครั้ง "ขอโทษ... ที่ปกป้องเจ้าไม่ได้..." ในครรภ์ของเขา เคยมีชีวิตน้อยๆ ก่อกำเนิดขึ้น เป็นพยานรักระหว่างเขากับบุรุษผู้สูงศักดิ์ผู้นั้น แต่บัดนี้... มันกลับกลายเป็นเพียงหลุมศพที่ไร้ป้ายวิญญาณ พิษร้ายไม่เพียงคร่าชีวิตเขา แต่มันยังพรากเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาไปก่อนที่ทารกน้อยจะได้ลืมตาดูโลก ภาพความทรงจำในท้องพระโรงเมื่อหนึ่งเดือนก่อนยังฉายชัดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน “เซี่ยเหยียนอวี่ สมคบคิดกับกบฏ วางยาพิษฮองเฮา จิตใจอำมหิตผิดมนุษย์! ข้าสั่งปลดเจ้าออกจากตำแหน่ง เนรเทศไปอยู่ตำหนักเย็น และมอบสุราพิษให้ดื่มเพื่อชดใช้กรรม!” สุรเสียงอันทรงอำนาจของ ท่านอ๋องจวิ้นอี่ ชายผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของเขา ชายผู้เคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะปกป้องเขาด้วยชีวิต บัดนี้กลับกลายเป็นผู้พิพากษาที่มอบความตายให้เขาด้วยความเย็นชาที่สุด ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความลังเลในแววตาคู่นั้น มีเพียงความรังเกียจเดียดฉันท์ที่มองมา "ทำไม..." เหยียนอวี่พึมพำ สายตาพร่ามัวมองไปยังประตูไม้ผุพังที่ถูกปิดตาย "ทำไมท่านถึงไม่เชื่อข้า... จวิ้นอี่... ท่านเคยรักข้าบ้างไหม..." เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากภายนอก แข่งกับเสียงสายฝน ก่อนที่ประตูตำหนักจะถูกถีบเปิดออกอย่างแรง ปัง! ลมกรรโชกแรงพัดพาละอองฝนสาดซัดเข้ามาในห้อง ร่างสูงสง่าในชุดขุนนางสีม่วงเข้มปักลายนกยูงทองคำก้าวเข้ามา รองเท้าผ้าไหมราคาแพงเหยียบย่ำลงบนพื้นไม้สกปรกอย่างไม่แยแส ฉินลี่หรง ขุนนางหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นอ่อนโยนอยู่เป็นนิจ แต่สำหรับเหยียนอวี่ รอยยิ้มนั้นคือหน้ากากของปีศาจร้ายที่พรากทุกอย่างไปจากเขา "ยังไม่ตายอีกหรือ? นายน้อยเซี่ย... อ้อ ไม่สิ นักโทษเดนตายเซี่ย" ฉินลี่หรงเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงรื่นเริง ราวกับกำลังมาเยี่ยมสหายเก่า แววตาของเขาฉายแววเย้ยหยันอย่างปิดไม่มิด "เจ้า..." เหยียนอวี่พยายามยันกายลุกขึ้น แต่เรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิดกลับทรยศ เขาทำได้เพียงนอนมองศัตรูด้วยสายตาที่ลุกโชนไปด้วยเพลิงแค้น "เจ้ามาทำไม... มาดูผลงานของเจ้าหรือ..." ฉินลี่หรงหัวเราะเบาๆ เขาเดินเข้ามาใกล้ ย่อตัวลงนั่งยองๆ ตรงหน้าเหยียนอวี่ โดยระวังไม่ให้ชายเสื้อคลุมเปื้อนเลือดที่นองอยู่บนพื้น "ข้ามาส่งเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย อย่างไรเสียเราก็เคยเป็นสหายร่วมเรียนกันมาก่อน" ฉินลี่หรงแสยะยิ้ม นิ้วเรียวยาวเชยคางมนของเหยียนอวี่ขึ้น บังคับให้สบตา "และข้าก็มีเรื่องอยากจะบอกเจ้า... เรื่องที่เจ้าควรจะได้รู้ก่อนตาย จะได้ไม่ต้องตายตาไม่หลับ" เหยียนอวี่สะบัดหน้าหนี แต่ฉินลี่หรงกลับบีบแก้มเขาแน่นขึ้นจนเจ็บร้าว "เรื่องกบฏ... ข้าเป็นคนทำเอง" ดวงตาของเหยียนอวี่เบิกกว้าง แม้จะรู้อยู่เต็มอก แต่การได้ยินจากปากของมันก็ยังสร้างความเจ็บปวดรวดร้าว "ยาพิษที่ฮองเฮาเสวย... ข้าก็เป็นคนวาง" ฉินลี่หรงเล่าต่อด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ "และจดหมายลับที่พบในห้องของเจ้า... ข้าก็เป็นคนปลอมแปลงลายมือเจ้าเอง ฝีมือข้าแนบเนียนใช่ไหมล่ะ? แม้แต่ท่านอ๋องจวิ้นอี่ผู้ปรีชาสามารถ ก็ยังดูไม่ออก... หรืออาจจะดูออก แต่เลือกที่จะไม่เชื่อเจ้า เพราะเขารักอำนาจมากกว่ารักเจ้าอย่างไรล่ะ" "สารเลว!" เหยียนอวี่รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายถ่มน้ำลายใส่หน้าอีกฝ่าย ฉินลี่หรงไม่โกรธ เขาเพียงแค่หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ทอจากไหมอย่างดีออกมาเช็ดใบหน้าอย่างใจเย็น ก่อนจะโยนผ้าทิ้งไป "ด่าไปเถอะ ข้าไม่ถือสาคนใกล้ตาย" เขาล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ หยิบวัตถุบางอย่างออกมา แสงสีเขียวมรกตส่องสว่างวาบขึ้นมาท่ามกลางความมืดสลัว มันคือ หยกลิขิต เครื่องรางโบราณรูปร่างแปลกตา สลักลวดลายอักขระที่ซับซ้อนและดูขลัง แสงของมันเต้นระริกราวกับมีชีวิต "เจ้ารู้จักสิ่งนี้หรือไม่?" ฉินลี่หรงชูหยกขึ้นตรงหน้า "นี่คือสมบัติลับของราชวงศ์ที่หายสาบสูญ มันถูกกล่าวขานว่ามีอำนาจในการบิดเบือนกาลเวลา ย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ หากรู้วิธีใช้และ... มีเครื่องสังเวยที่เหมาะสม" เหยียนอวี่จ้องมองหยกนั้น ความรู้สึกหนาวเหน็บแล่นปราดไปทั่วไขสันหลัง ไม่ใช่เพราะความเย็นของอากาศ แต่เพราะรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวฉินลี่หรง "ข้าทำผิดพลาดไปเล็กน้อยในการวางหมากกระดานนี้" ฉินลี่หรงพึมพำ ราวกับพูดกับตัวเอง "แม้ข้าจะกำจัดเจ้าได้ แต่ท่านอ๋องจวิ้นอี่เริ่มระแคะระคาย เขาฉลาดเกินไป... หากปล่อยไว้ เขาอาจจะสืบสาวราวเรื่องจนถึงตัวข้า ดังนั้น ข้าจึงต้องย้อนกลับไป... กลับไปแก้ไขจุดเริ่มต้น ให้แน่ใจว่าข้าจะครองบัลลังก์ได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งกว่านี้" "เจ้า... เจ้าจะทำอะไร?" เหยียนอวี่ถามเสียงสั่น "ข้าจะใช้ชีวิตของเจ้า... และความแค้นของเจ้า เป็นเชื้อเพลิง" ฉินลี่หรงแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม "ตำราโบราณกล่าวว่า หยกลิขิตต้องการเลือดของผู้ที่มีชะตาสูงส่งแต่ต้องตายด้วยความอยุติธรรม เพื่อเปิดประตูแห่งกาลเวลา... และเจ้า เซี่ยเหยียนอวี่ เจ้าคือเครื่องสังเวยที่สมบูรณ์แบบที่สุด" พูดจบ ฉินลี่หรงก็ชักมีดสั้นเล่มเล็กออกมาจากฝัก แสงโลหะวาววับสะท้อนแสงตะเกียง "ลาก่อน สหายรัก" ฉึก! คมมีดกรีดลงบนข้อมือขาวซีดของเหยียนอวี่อย่างแม่นยำ เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมา เหยียนอวี่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงของเขากลับแหบแห้งจนแทบไม่มีเสียง ฉินลี่หรงรีบนำหยกลิขิตมารองรับเลือดที่ไหลรินลงมา ทันทีที่โลหิตสัมผัสกับผิวหยก อักขระโบราณก็ส่องแสงเจิดจ้าขึ้น สีเขียวมรกตเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานราวกับดวงตาของสัตว์ร้าย ลมพายุภายนอกตำหนักกรรโชกแรงขึ้นจนหน้าต่างกระแทกปังๆ ราวกับวิญญาณร้ายกำลังกรีดร้อง เหยียนอวี่มองดูเลือดของตัวเองที่ถูกหยกดูดกลืนเข้าไป ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะเข้าจู่โจม สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนราง แต่ท่ามกลางความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา ไฟแห่งความแค้นในใจกลับลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดจากการถูกทรยศ ความเศร้าโศกที่เสียลูก ความเกลียดชังต่อคนตรงหน้า... ทุกอย่างหลอมรวมกันเป็นจิตปณิธานอันแรงกล้า ข้าจะไม่ยอมตายไปเฉยๆ... ข้าจะไม่ยอมให้มันสมหวัง! เหยียนอวี่กัดฟันกรอด รวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย พุ่งตัวเข้าหาฉินลี่หรง "ถ้าข้าต้องตาย... ข้าก็จะลากเจ้าลงนรกไปด้วย!" "เฮ้ย! ปล่อยนะ!" ฉินลี่หรงตกใจ ไม่คิดว่าคนที่ใกล้ตายจะมีแรงฮึดสู้ เขาพยายามผลักเหยียนอวี่ออก แต่สองมือที่เปื้อนเลือดของเหยียนอวี่กลับคว้าหมับเข้าที่หยกลิขิตแน่น "ปล่อย! เจ้าบ้า! พิธีกรรมกำลังจะเริ่ม!" ฉินลี่หรงตะโกนด้วยความตื่นตระหนก พยายามแกะมือของเหยียนอวี่ออก แต่เลือดของเหยียนอวี่ไหลอาบลงบนหยกมากขึ้นเรื่อยๆ จนหยกทั้งชิ้นกลายเป็นสีเลือด เปรี้ยะ! เสียงร้าวฉานดังขึ้นจากตัวหยก รอยร้าวเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนผิวเรียบเนียน แสงสีแดงสว่างวาบขึ้นจนแสบตา "ไม่! ไม่นะ!" ฉินลี่หรงกรีดร้อง "เจ้าทำลายมัน! เจ้าทำลายแผนของข้า!" เหยียนอวี่ไม่สนใจเสียงกรีดร้องนั้น เขาจ้องมองเข้าไปในแสงสว่างจ้า รู้สึกได้ว่าวิญญาณของเขากำลังถูกดึงดูดเข้าไปในกระแสธารที่บ้าคลั่ง สวรรค์... หากท่านมีจริง... หากท่านยังมีความยุติธรรมหลงเหลืออยู่... ได้โปรด... ให้โอกาสข้าอีกครั้ง... หากชาติหน้ามีจริง... ข้าจะไม่ขอเกิดมาเพื่อรักใครอีกแล้ว... แต่ข้าจะกลับมาเพื่อทวงคืน! ฉินลี่หรง... จวิ้นอี่... พวกเจ้าทุกคนจะต้องชดใช้! ตูม!! เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วตำหนักจันทราอัสดง แสงสีแดงระเบิดออกครอบคลุมทุกสิ่ง กลืนกินร่างของทั้งสองหายวับไปในพริบตา เหลือทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าและสายฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาชะล้างคราบเลือดบนพื้น... ราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD