บทที่ 14

1526 Words
"เร็วเข้า! เปิดประตูห้องบรรพชน!" เสียงตะโกนก้องขององค์ชายจวิ้นอี่ปลุกเรือนตระกูลเซี่ยให้ตื่นขึ้นจากความหลับใหล บ่าวไพร่ต่างวิ่งกันให้วุ่นด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นองค์ชายอุ้มร่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและเลือดของนายน้อยพุ่งเข้ามาดุจพายุ เซี่ยจงที่เพิ่งตื่นนอนรีบวิ่งออกมาดูด้วยชุดนอน “เกิดอะไรขึ้น!? เหยียนอวี่เป็นอะไร!?" "โดนคุณไสย!" จวิ้นอี่ตอบสั้นๆ ขาของพระองค์ไม่หยุดก้าว มุ่งตรงไปยังห้องโถงบรรพชนที่ตั้งอยู่ใจกลางเรือนตามคำแนะนำของหมอไป๋ "ท่านใต้เท้าเซี่ย สั่งคนห้ามใครเข้ามารบกวนเด็ดขาด! จื้อเฉิน เฝ้าหน้าประตูไว้!" "รับทราบ!" ปัง! ประตูไม้สักบานหนาถูกถีบเปิดออกและปิดลงอย่างรวดเร็ว ภายในห้องบรรพชนเต็มไปด้วยกลิ่นธูปหอมและแสงเทียนสลัว ป้ายวิญญาณบรรพบุรุษตระกูลเซี่ยตั้งตระหง่านอยู่บนแท่นบูชา แผ่รังสีความขลังและสงบเย็นออกมา จวิ้นอี่วางร่างของเหยียนอวี่ลงบนฟูกหน้าแท่นบูชาอย่างเบามือ "อึก... ร้อน..." เหยียนอวี่ครางเสียงแผ่ว ร่างกายบิดเร่าด้วยความทรมาน ใบหน้าที่เคยขาวซีดบัดนี้เริ่มปรากฏเส้นเลือดสีดำคล้ำปูดโปนขึ้นตามลำคอและใบหน้าราวกับรากไม้พิษที่กำลังชอนไชไปทั่วร่าง ไป๋เหวินเจี๋ยรีบวางย่ามยาลง เขาหยิบขวดชาดสีแดงที่ใช้เขียนยันต์และพู่กันออกมาอย่างรวดเร็ว "ฝ่าบาท ถอดเสื้อนายน้อยออกพะย่ะค่ะ!" หมอหนุ่มสั่งเสียงเครียด "ข้าต้องเห็นตำแหน่งของคำสาปให้ชัดเจน" จวิ้นอี่ไม่ลังเล พระองค์กระชากสาบเสื้อของเหยียนอวี่ออก เผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียนที่บัดนี้มีรอยจ้ำสีดำขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ตรงตำแหน่งหัวใจ รูปร่างของมันคล้ายกับกรงเล็บปีศาจที่กำลังบีบรัดก้อนเนื้อที่เต้นตุบๆ นั้นไว้ "รุนแรงกว่าที่คิด..." ไป๋เหวินเจี๋ยพึมพำ เหงื่อตก "มันกำลังจะกินเข้าหัวใจ... ฝ่าบาท ข้าต้องการเลือดของท่าน เดี๋ยวนี้!" "เอาไปเลย!" จวิ้นอี่ยื่นแขนขวาออกมา ชักมีดสั้นที่พกติดตัวกรีดลงบนฝ่ามือซ้ายของตัวเองทันที ฉึก! เลือดสีแดงสดพุ่งออกมา จวิ้นอี่ไม่แสดงอาการเจ็บปวดแม้แต่น้อย พระองค์กำหมัดแน่น ปล่อยให้โลหิตหยดลงในถ้วยชาดที่ไป๋เหวินเจี๋ยเตรียมไว้ "พอแล้วพะย่ะค่ะ!" ไป๋เหวินเจี๋ยรีบใช้พู่กันจุ่มส่วนผสมระหว่างชาดและเลือดมังกร ก่อนจะเริ่มวาดอักขระยันต์ลงบนหน้าอกของเหยียนอวี่ ล้อมรอบรอยดำมรณะนั้นไว้ "ด้วยอำนาจแห่งสายเลือดมังกรทอง ผู้ปกครองแผ่นดิน... ขออัญเชิญพลังแห่งฟ้าดิน ขับไล่สิ่งชั่วร้ายและภูตผีปีศาจ!" ไป๋เหวินเจี๋ยบริกรรมคาถาเสียงดังฟังชัด ปลายพู่กันตวัดวาดลวดลายซับซ้อน ทันทีที่หมึกสีเลือดสัมผัสผิวของเหยียนอวี่ มันก็เกิดเสียงฉ่าเหมือนน้ำหยดลงบนกระทะร้อน ควันสีขาวลอยฟุ้งขึ้นมาพร้อมกลิ่นไหม้ "อ๊ากกกก!" เหยียนอวี่กรีดร้องสุดเสียง ร่างกายกระตุกเกร็งจนหลังลอยขึ้นจากพื้น ความเจ็บปวดจากการต่อสู้กันระหว่างพลังบริสุทธิ์ของเลือดมังกรและพลังชั่วร้ายของคำสาป มันรุนแรงยิ่งกว่าการถูกฉีกร่างทั้งเป็น "จับเขาไว้!" ไป๋เหวินเจี๋ยตะโกน "อย่าให้ดิ้นจนยันต์เสียรูป!" จวิ้นอี่โถมตัวลงไปกอดรัดร่างของเหยียนอวี่ไว้แน่น กดให้นอนราบกับพื้น แขนแกร่งโอบรัดร่างบางที่สั่นเทาไว้ในอ้อมอก ไม่สนใจว่าเล็บของเหยียนอวี่จะจิกทึ้งลงบนหลังของพระองค์จนเลือดซิบ "เหยียนอวี่... อดทนไว้... ข้าอยู่นี่" จวิ้นอี่กระซิบข้างหู น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความสงสารจับใจ "อย่าเป็นอะไรไปนะ... ได้โปรด..." น้ำตาของลูกผู้ชายไหลหยดลงบนแก้มของเหยียนอวี่ ผสมปนเปไปกับเหงื่อกาฬ … … ... ณ ห้องลับใต้ดิน ฉินลี่หรงที่กำลังนั่งบริกรรมคาถาอยู่หน้าตุ๊กตาสาปแช่ง จู่ๆ ก็เบิกตากว้าง "อึก!" เขากระอักเลือดคำโตออกมาจนเปรอะเปื้อนแท่นบูชา ตุ๊กตาผ้าในมือเริ่มสั่นระริกและร้อนจี๋จนเขาต้องโยนทิ้ง "เลือดมังกร!?..." ฉินลี่หรงคำรามเสียงแหบ "จวิ้นอี่... เจ้ากล้าใช้เลือดตัวเองล้างอาถรรพ์เชียวรึ!?" เขาไม่คิดว่าองค์ชายผู้สูงศักดิ์จะยอมลดตัวลงมาทำเรื่องเสี่ยงตายและผิดกฎมณเฑียรบาลเพื่อช่วยชีวิตคนคนเดียว เพราะการให้เลือดเชื้อพระวงศ์แก่สามัญชนถือเป็นเรื่องต้องห้าม "ดี... รักกันมากใช่ไหม?" ฉินลี่หรงแสยะยิ้มเปื้อนเลือด แววตาบ้าคลั่งถึงขีดสุด "ถ้าเลือดเจ้าแกร่งนัก... ข้าก็จะสูบมันให้หมดตัว!" เขาหยิบตะปูเหล็กยาวสามนิ้วที่แช่ในน้ำมันพรายขึ้นมา เงื้อขึ้นสูง เตรียมจะตอกลงไปที่กลางศีรษะของตุ๊กตา "ตายซะเถอะ!" … … ... ณ ห้องบรรพชนตระกูลเซี่ย "แย่แล้ว!" ไป๋เหวินเจี๋ยร้องลั่น เมื่อเห็นเส้นเลือดสีดำที่ปรากฏบนตัวเหยียนอวี่เริ่มดิ้นพล่านราวกับมีชีวิตและพยายามจะพุ่งขึ้นสู่ศีรษะ "มันกำลังจะโจมตีจุดตาย! ฝ่าบาท เลือดไม่พอ!" จวิ้นอี่มองเห็นวิกฤต พระองค์ไม่รอช้า ยกฝ่ามือที่มีแผลขึ้นมาประกบลงบนปากแผลคำสาปที่หน้าอกของเหยียนอวี่โดยตรง "เอามันไป!" จวิ้นอี่ตะโกนก้อง "ถ้ามันอยากได้ชีวิต ก็เอาของข้าไป แต่อย่าแตะต้องเขา!" แสงสีทองจางๆ วาบขึ้นจากตัวจวิ้นอี่ พลังแห่งมังกรผู้มีบุญญาธิการปะทะกับพลังมืดอย่างรุนแรงจนเกิดลมพายุหมุนวนภายในห้องปิดตาย ข้าวของกระจัดกระจาย "กรี๊ดดดด!" เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากอากาศธาตุ ไม่ใช่เสียงของเซี่ยเหยียนอวี่ แต่เป็นเสียงของวิญญาณร้ายที่ถูกเผาไหม้ เหยียนอวี่ที่ดิ้นพล่านค่อยๆ สงบลง ลมหายใจที่เคยติดขัดเริ่มกลับมาสม่ำเสมอ รอยสีดำบนหน้าอกค่อยๆ จางหายไป เหลือเพียงรอยแดงจางๆ จวิ้นอี่ทรุดตัวลงนอนทับร่างของเหยียนอวี่ด้วยความหมดแรง ใบหน้าคมคายซีดเซียวจากการเสียเลือดมาก แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างปลอดภัยแล้ว "ปลอดภัยแล้ว..." … … ... แต่ทว่า... สงครามยังไม่จบ ไป๋เหวินเจี๋ยที่นั่งหอบหายใจอยู่ข้างๆ จู่ๆ ก็คว้าเข็มทิศฮวงจุ้ยออกมาจากย่าม เข็มทองเหลืองหมุนติ้วอย่างบ้าคลั่งก่อนจะหยุดนิ่ง ชี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ "ข้าจับกระแสจิตมันได้แล้ว!" ไป๋เหวินเจี๋ยประกาศ แววตาเปลี่ยนเป็นดุดัน "ตอนที่มันปะทะกับเลือดฝ่าบาท จิตของมันเปิดช่องว่าง... ข้ารู้แล้วว่ามันซ่อนอยู่ที่ไหน!" หมอหนุ่มรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องตะโกนสั่งหลิวจื้อเฉินที่เฝ้าอยู่ด้านนอก "จื้อเฉิน! ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากวังหลวงไปสามลี้ มีโรงเรือนร้างหรือศาลเจ้าเก่าๆ อยู่แถวนั้นหรือไม่?" หลิวจื้อเฉินครุ่นคิดครู่หนึ่ง "มี... โรงทำกระดาษเก่าของตระกูลฉินที่ถูกทิ้งร้าง!" "มันอยู่ที่นั่น!" ไป๋เหวินเจี๋ยชี้มือ "รีบไป! ต้องทำลายแท่นบูชาและตุ๊กตานั่นก่อนที่มันจะตั้งหลักทำพิธีรอบสองได้! คราวนี้มันอาจจะแลกด้วยชีวิตของมันเองเพื่อลากนายน้อยไปลงนรก!" "ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!" จื้อเฉินกำดาบแน่น เตรียมจะพุ่งตัวออกไป แต่ไป๋เหวินเจี๋ยคว้าแขนเขาไว้ "เดี๋ยว!" หมอหนุ่มยัดขวดกระเบื้องใบเล็กใส่มือองครักษ์ "นี่คือน้ำมันไฟบรรลัยกัลป์สูตรเฉพาะของข้า... อย่าใช้ดาบฟันตุ๊กตา มันจะสะท้อนเข้าตัวเจ้า ให้ใช้น้ำมันนี้ราดแล้วเผามันซะ!" จื้อเฉินมองขวดในมือ สบตาหมอหนุ่มด้วยความซาบซึ้ง "ขอบใจ... ข้าจะรีบกลับมา" "ถ้าไม่กลับมา... ข้าจะตามไปลากคอเจ้าที่ยมโลกเอง!" จื้อเฉินยิ้มกว้าง ก่อนจะกระโดดหายวับไปในความมืดดุจเงาพราย ทิ้งไว้เพียงคำสัญญาที่ลอยวนอยู่ในสายลม … … ... ภายในห้องบรรพชน เหยียนอวี่ค่อยๆ ปรือตาขึ้น ความเจ็บปวดทุเลาลงจนเกือบหมด สิ่งแรกที่เขารู้สึก คือความหนักอึ้งที่ทับอยู่บนตัว และกลิ่นคาวเลือดที่คุ้นเคย เขามองลงมา เห็นจวิ้นอี่นอนซบอยู่บนอกของเขา ลมหายใจอุ่นรดรินผ่านเสื้อผ้าที่ฉีกขาด แผลที่ฝ่ามือขององค์ชายยังคงมีเลือดซึมออกมาเปรอะเปื้อนเสื้อขาวของเขา "ฝ่าบาท..." เหยียนอวี่เรียกเสียงเบา ยกมือขึ้นลูบศีรษะของคนที่ยอมเจ็บปวดเพื่อเขา "ทำไมท่านถึงโง่เขลาเพียงนี้..." น้ำตาแห่งความตื้นตันไหลรินออกมา เขารู้แล้วว่าในชาตินี้ จวิ้นอี่ไม่ได้แค่พูดว่าจะปกป้อง แต่ยอมแลกเลือดเนื้อเพื่อเขาจริงๆ กำแพงน้ำแข็งในใจที่เคยสูงตระหง่าน บัดนี้พังทลายลงจนหมดสิ้น "หากท่านรักข้าถึงเพียงนี้..." เหยียนอวี่กระซิบ จูบลงบนกลุ่มผมสีดำสนิทของคนรัก "ข้าก็จะขอวางเดิมพันครั้งสุดท้าย... จะขอรักท่านอีกครั้ง จนกว่าวิญญาณจะหาไม่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD