สองสาวที่ได้ยินเพื่อนร่วมชั้นสารภาพรักต่อหน้า ความเงียบครอบงำจนเกิดความอึดอัด ซันไม่ได้เป็นผู้ชายที่แย่ แถมยังหน้าตาใช้ได้ แต่เขามักจะโดนเพื่อนๆแกล้งเป็นประจำ เพราะความอ่อนแอที่เขาชอบแสดงออกมาให้คนอื่นเห็น
“เพลงลองคบกับเราไหม เราจะดูแลเพลงให้ดีที่สุดเลยนะ”
“เอ่อออ คืออ..” เมื่อมองไปรอบๆตอนนี้คนที่เดินไปเดินมาต่างมองและยิ้มหัวเราะเธอไปหมด จนเธอทำอะไรไม่ถูก คิดได้แค่ว่าต้องออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด คนขับรถน่าจะมาจอดรออยู่แล้ว แค่ตอบปัดๆแล้วก็วิ่งไปเลยก็พอ
“เราขอบคุณที่ซันมีความรู้สึกดีๆให้นะ ตะ แต่เราไม่ได้ชอบซันน่ะ เราไปก่อนนะ...ไปวี่”
คีตีกาดึงมือเพื่อนวิ่งออกไปหลังจากพูดจบ จนเห็นรถของที่บ้านพอดีก็เลยเผลอลากเพื่อนสาวติดรถขึ้นมาด้วย
“ไงยะเสน่ห์แรงไม่เบานะเนี่ย” วีวี่ไม่อดที่จะแซวหลังจากติดสอยห้อยตามเพื่อนกลับมาที่บ้านหลังใหญ่ของเธออย่างงงๆ
“พอเลยๆ ฉันอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ... ฮือออ” เบ้ปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้ใส่เพื่อนสาวที่เอาแต่ล้อเธอไม่หยุดตั้งแต่ในรถ จนตอนนี้เข้ามาในห้องแล้วก็ยังคงล้ออยู่ แต่เมื่อกำลังจะเลิกพูดเรื่องนี้ดันมีอีกคนได้ยินพอดี
“ไงยายน้องสาว ถ้าพี่ได้ยินไม่ผิดเหมือนจะมีใครเสน่ห์แรงอะไรนะ” ขออนุญาตเลื่อนขั้นจากพี่ชายที่แสนดี เป็นพี่ชายที่ชอบแกล้งน้องที่สุดไปเลยค่ะ
“ถ้ายังไม่เลิกล้อจะไม่คุยด้วยแล้วนะ ทั้งสองคนเลย” คว่ำปากลงให้เห็นว่าเธอไม่เล่นแล้วจริงๆนะ
จนพี่ชายขี้แกล้งยอมเพราะเห็นหน้าน้องสาวกำลังงอแง เลยต้องเปลี่ยนเรื่องเป็นเรื่องอื่นแทน
“แล้วทำไมถึงมาด้วยกัน” ปากพูดกับเธอแต่สายตาดันจ้องอยู่ที่คนตัวเล็กด้านหลัง ซึ่งเพื่อนที่เคยพูดมากเหมือนผีเจาะปากมาพูดก็กลายเป็นคนเงียบๆไปเฉยๆ
“เพลงลากวี่มาเองค่ะสถานการณ์ฉุกเฉิน คืนนี้วี่คงต้องนอนที่บ้านเรานะคะ เพราะบ้านเรากับบ้านวี่อยู่คนละทางให้วี่กลับตอนนี้ก็คงไกล”
“มะ ไม่เป็นไรดีกว่าเพลง เดี๋ยวเรานั่งแท็กซี่กลับก็ได้” วีวี่เด้งตัวขึ้นมาบอกกับเพื่อนด้วยเสียงตะกุกตะกัก หลับสายตาคนตัวโตที่ยืนมองยิ้มๆ คีตีกาเข้าใจได้ทันที พลางหลี่สายตาหันไปมองพี่ชายตัวดีที่ทำเจ้าชู้ใส่เพื่อนเธออีกแล้ว
“พี่พัฒน์ออกไปคุยกับเพลงหน่อยสิคะ”
สาวน้อยวัยม.ต้น เดินนำพี่ชายตัวเองออกมาจากห้องนอนตัวเอง นำเขาเข้าไปในห้องของพี่ชาย ก่อนจะหันไปจ้องตาพี่ชายอย่างรู้ทัน พชรทำเป็นลอยหน้าลอยตาเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มๆทันที
“สายตานี่ชัดเจนเลยนะคะ ยังไงคะบอกเพลงมา” กดสายตามองอย่างเค้นคำตอบ ส่วนคนตัวโตแกล้งหลับไม่ยอมตอบกลับมา
“เพลงรู้นะว่าแกล้งหลับ...เพลงไม่เคยห้ามเวลาพี่พัฒน์จะไปเจ้าชู้กับใครนะคะ แต่เพื่อนเพลงห้าม!!” พูดเสียงดังพร้อมกับชี้นิ้วขู่
“นี่แก่แดดเกินไปละ คิดว่าตัวเองอายุ 20 แล้วหรือไงหืมมม”
“อื้ออ พี่พัฒน์ผมเพลงยุ่งหมดแล้ว ไม่รู้แหละห้ามทำเจ้าชู้กับวี่เด็ดขาดเข้าใจไหม วี่เป็นเพื่อนคนเดียวของเพลงนะคะ ถ้าวี่ต้องมาเสียใจเพราะพี่พัฒน์เพลงจะโกรธไปสิบปีเลย”
พยายามหลบมือหนาที่ยกขึ้นมายีผมเธอจนยุ่งเหยิง แล้วขู่พี่ชายขี้แกล้งไปหนึ่งยก ก่อนจะกลับมายังห้องตัวเองที่มีเพื่อนสาวนั่งหน้านิ่งอยู่ พอเห็นว่าเธอเข้ามาคนเดียว ก็เปลี่ยนโหมดกลับมาเป็นวีวี่คนเดิมจนเธอต้องส่ายหน้าให้กับควาความสองบุคลิกของเพื่อน
“เอ้อเพลงแล้วทำไมวันนี้แกไม่กลับมาพร้อมศิมันอ่ะ”
“หึ มันทิ้งให้ฉันกลับมาเองด้วยซ้ำ” พูดไปโมโหไป ไอ้หน้าปลาจวดคอยดูนะสักวันจะแกล้งจนต้องคลานมาขอโทษให้อายไปเลย (เข้าถึงอารมณ์จนปากกาที่ถืออยู่ในมือหักครึ่ง)
“ระวังจะพลาดข้ามเส้น ตกหลุมพรางตัวเองกันทีหลังนะจ้ะ”
“ฝันไปเถอะ ต่อให้คนทั้งโลกหายไปเหลือแค่นายศิลาคนเดียว ฉันยอมเป็นโสดจนตายเลยดีกว่า”
จะให้เธอเอาคนที่เจอหน้ากันทีไรต้องกัดกันตลอดเนี่ยนะ เหอะๆ ฝันกลางวันชัดๆ ปากก็หมานิสัยก็แย่ ยิ่งความสุภาพบุรุษยิ่งไม่มีไม่รู้ผู้หญิงคนอื่นๆ กรี๊ดอะไรกันนักหนา
“ว่าแต่แกเถอะ ตอนพี่พัฒน์มาทำไมต้องหลบ แถมยังพูดติดอ่างอีกตั้งหาก” ได้ทียิงคำถามใส่เพื่อนสาวที่ตอนนี้แสดงพิรุธออกมาจนต้องเผลอหลุดขำ
“กะ ก็อยู่ดีๆเขาก็เข้ามาจนฉันทำตัวไม่ถูก” เขินจนต้องยื่นมือไปหยิบหมอนมาจัดให้ตรงที่ยับเรียบตรึง
“ทำไมต้องทำตัวไม่ถูก”
“ก็…นี่ยายเพลง อย่ามาจ้องจับผิดฉันนะ เรื่องฉันน่ะช่างมันเถอะนี่ฉันำลังพูดเรื่องแกอยู่นะเปลี่ยนเรื่องเก่งจริงๆ ฉันไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดดีกว่า ยืมชุดแกเหมือนเดิมนะ”
วีวี่รีบเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยอาการคนโดนจับโป๊ะ คงกลัวว่าจะโดนเพื่อนคาดคั้นไม่หยุด ความจริงเพื่อนเธอมาค้างที่นี่บ่อย จนบางทีเสื้อผ้าก็ยืมใส่กันได้ โชคดีที่เราตัวเท่ากัน และเธอก็มีทุกอย่างให้วีวี่หยิบใช้ได้เลยตามสบายอยู่แล้ว
วันรุ่งขึ้น
คีตีกาและวีวี่เดินเข้าโรงเรียนมาพร้อมกัน แต่กลับต้องแปลกใจเมื่อคนในชั้นเรียนต่างก็มองเธอทั้งสองคน บ้างก็แอบมองและหันไปยิ้มซุบซิบกันจนเป็นที่น่าสงสัย ไม่พอคนที่เธอไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด เดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางกวนๆ คีตีกายืนมองหน้าคนตรงหน้านิ่ง พลางกวาดสายตามองตามร่างกายของเขาที่มีผ้าก๊อตปิดแผลไว้อยู่ ก่อนจะต้องเงยหน้าขึ้นมามองเพราะคำพูดที่เอ่ยออกมามันแสลงหู
“ได้ข่าวว่าไอ้กระจอกมันไปสารภาพรักเธอกลางถนนเลยเหรอ” ใบหน้ายิ้มกวนๆ เลิกคิ้วก้มตัวลงมาถามคนตัวเล็กที่น่าหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปหัวเราะกับเพื่อนข้างหลังเสียงดัง
“ยุ่งอะไรด้วย ไปเรียกคนอื่นว่ากระจอก นายดีกว่าเขาตรงไหน” ยักคิ้วตอบกลับอย่างไม่กลัว นี่ขนาดเขาไม่มาเรียนเมื่อวาน แต่ข่าวนี่ถึงหูไวจริงๆ
“ทุกตรง หรือเธอดูไม่ออก”
“ไม่อ่ะ ก็แค่คนกากๆคนหนึ่ง แถมยังหน้าตาเหมือนปลาจวด”
ว่าให้เขาเสียหน้าเสร็จ ก็เดินชนไหล่คนตัวสูงเข้าห้องเรียนไปทันที เบื่อจะอยู่ทะเลาะด้วย แต่ก็ไม่วายให้เด็กหนุ่มเดินตามหลังมากวนไม่เลิก จนต้องกลอกตามองบนถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“เธอด่าฉันคำนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะยายเตี้ย มันแปลว่าอะไร”
“อะไรแปลว่าอะไร” ขมวดคิ้วถามกลับแบบไม่สบอารมณ์
“ก็ไอ้คำว่าปลาจวดของเธอไง”
“อ๋อ...ก็แปลว่า....ไอ้ขี้เหร่ไง” เธอที่เห็นครูประจำชั้นเข้ามาพอดี ว่าให้เด็กหนุ่มแล้วแลบลิ้นด้วยความกวน หนีไปนั่งที่นั่งของตัวเอง ปล่อยให้เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดด้วยความโมโหหญิงสาวที่มาด่าตัวเองว่าขี้เหร่ ทั้ง ๆที่ตัวเขาเองออกจะฮอต ผู้หญิงเต็มใจเข้าหาตลอดเวลา
“ฝากไว้ก่อนเถอะยายเตี้ย”
คีตีกาหันกลับไปมองคำพูดของเขา มองหน้าเขากลับอย่างไม่แยแส เธอทะเลาะกันจนเป็นเรื่องปกติของเพื่อนๆแล้ว เพราะเป็นโรงเรียนที่มีตั้งแต่ระดับอนุบาล คนที่เรียนด้วยกันต่างก็รู้จักกันมาตั้งแต่ประถมกันหมด
เพลงเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยชอบเข้าสังคม อาจจะเพราะตอนเด็กๆที่โดนบังคับให้อยู่ในสังคมตลอดเวลา มันเลยถือว่าเป็นปมของเธอไปเลยก็ได้ การเข้าสังคมในช่วงวัยเด็ก วัยที่ควรเล่นดินเล่นทรายอยู่ที่บ้าน แต่เธอที่ต้องคอยรักษาหน้าตาของครอบครัวอยู่เสมอ วันๆโดนจับให้ถ่ายรูปโดนจับให้ทำอะไรที่ไม่ใช่ความชอบของเธอเลยสักนิด มันเลยเป็นฝันร้ายกับเธอมาตลอด โชคดีที่พชรเข้าใจคอยสนับสนุนความชอบของเธอทุกครั้งที่เธอมักจะโดนแม่ใหญ่ดุด่าหลังจากกลับมาจากข้างนอก