ศิลานั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะเรียนในช่วงพักเที่ยง พลางตอบแชทสาวๆสลับกันไปมา ช่วงนี้เขาไม่ค่อยอยากจะลงไปกินข้าวในโรงอาหารสักเท่าไหร่ เพราะเบื่อคนเยอะวุ่นวาย เขาและเพื่อนๆเลยโทรสั่งให้พนักงานเอาขึ้นมาส่งแทน โรงเรียนคนรวยก็สะดวกสบายแบบนี้แหละ แถมกลุ่มพวกเขายังเป็นกลุ่มที่ห้าวสุดในโรงเรียน เรียกว่ากลุ่มลูกบารมีพ่อแม่ดีกว่า มีแต่ลูกเจ้าของบริษัทลูกนักการเมือง เส้นสายดีๆกันทั้งนั้น ขนาดรุ่นพี่ที่ว่าแน่ยังต้องยอมหลบให้เขา
“ไอ้ศิ เหมือนมีคนกำลังเดินมาหามึงเลยว่ะ” ช้อนสายตามองเคน เพื่อนสนิท ก่อนจะเอี้ยวตัวหันไปมองทางด้านหลัง
“มีไรยายเตี้ย”
“ขี้เก๊กไปเถอะวันนี้จะทำให้นายอายคนทั้งโรงเรียนเลยคอยดู” คีตีกาบ่นออกมาเบาๆ ก่อนจะแกล้งฉีกยิ้มพูดกับคนตรงหน้า
“ไม่ได้อยากจะมีหรอกนะ แต่พอดีอยากจะช่วยสงเคราะห์คนหน้าปลาจวดอย่างนายสักหน่อย” พูดด้วยท่าทางจริงจัง ยกมือขึ้นมาแตะเข้าที่คางของเขาประมาณว่า เหมือนอย่างที่เธอหมายถึง
“หึ สวยนักหรือไงหน้าตาเธอก็งั้นๆ ไม่แปลกที่ไอ้กระจอกจะชอบเธอ ขี้เหร่กับขี้เหร่เข้ากันดี”
กัดฟันกรอดข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ก่อน แกล้งยิ้มจนตาหยีว่าไม่โกรธ ชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้าถึงกับงงที่วันนี้เธอมาแปลก
“อะไร”
“ฉันจะช่วยให้นายจีบพี่ดาวง่ายๆ เพราะฉันบังเอิญไปได้ยินความลับของเธอมา”
“ความลับอะไร” หึ โดนแน่ไอ้กร๊วก
“ช็อกโกแลต” พอพูดไปแล้วก็ต้องนึกถึงวันที่เธอหายใจไม่ออกเหมือนคนใกล้ตาย แต่พอเห็นเขาถามออกมาเหมือนต้องการจะรู้ ก็ยอมทำตามแผนเดิมที่คิดมา
“พูดอะไรให้มันเข้าใจหน่อยได้ปะ อย่าคิดกวนประสาทฉันยายเตี้ย”
“พี่ดาวชอบกินช็อกโกแลตมากๆ เห็นบอกว่ามีคนเอาช็อกโกแลตมาเซอร์ไพรส์ เพื่อให้เธอยอมคบด้วยเลยนะ นายไม่ลองดูล่ะ อ่ะนี่ฉันเตรียมมาให้ด้วย ตอนนี้พี่ดาวน่าจะอยู่ที่โรงอาหาร สารภาพในที่คนเยอะๆ เป็นการบังคับให้เธอรับรักนายทางอ้อมด้วยไง”
“คิดจะแกล้งอะไรฉัน วันนี้เธอมาแปลก” เริ่มรู้สึกตงิดๆใจ หาเหตุผลที่เธอจะช่วยไม่ได้สักที
“ก็แล้วแต่นาย ฉันแค่เบื่อพวกที่ชอบทำเป็นเก่งแต่ปอดแหกจนไม่กล้าขอสาวเป็นแฟน นายคงจะกลัวอายคนอื่นที่โดนปฏิเสธอยู่ล่ะสิ”
“ใครปอดแหกยายเตี้ย ฉันแค่ยังไม่มีจังหวะ ถ้าแผนนี้สำเร็จเดี๋ยวจะตอบแทนด้วยการหาแฟนให้เธอสักคนนะ” หยิบกล่องช็อกโกแลตที่เธอวางไว้ให้ขึ้นมา ก่อนจะเดินกึ่งวิ่งลงไปตามที่เธอบอก
ไม่นานสายตาก็สะดุดเข้ากับสาวสวย ที่เด่นกว่าใครถึงจะยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายก็ตาม ศิลาเดินเข้าไปหาหญิงสาวรุ่นพี่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ซ่อนของที่จะเอามาให้แล้วขอเธอเป็นแฟนไว้ข้างหลัง ตอนนี้หญิงสาวเห็นเขา เธอส่งรอยยิ้มที่ทำให้จิตใจอ่อนฮวบเมื่อเจอมาให้ เด็กหนุ่มค่อยๆรวบรวมความกล้ายื่นกล่องช็อกโกแลตไปให้ แล้วเอ่ยปากขอเธอเป็นแฟนอย่างที่หวัง
"พี่ดาวครับ คือ...นี่ครับได้ยินมาว่าพี่ดาวชอบกินช็อกโกลแลตมากๆ ผมซื้อตัวที่ดีและแพงทีสุดมาให้เลยครับหรือถ้าพี่อยากได้เยอะกว่านี้ผมก็หามาให้ได้นะครับ....พี่ดาวเป็นแฟนกับผมนะครับ”
สีหน้าของหญิงรุ่นพี่เปลี่ยนไปจากเดิม จนคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิด เพื่อนๆของหญิงสาวต่างมองด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา ก่อนจะได้คำตอบจากคนตรงหน้า
“ชอบกับผีน่ะสิไอ้บ้า ไอ้เด็กเวรแกนี่เองที่เอาช็อกโกแลตมาให้ฉันคราวที่แล้ว แกอยากให้ฉันตายหรือยังไงหะ ออกไปให้พ้นหน้าฉันเลยนะ ไอ้หน้าหมา....” หญิงสาวเดินชนศิลาจนร่างหัน สาวเท้าเดินออกไปจากโรงอาหารด้วยความโกรธ
หญิงสาวมองตามคนที่ยืนนิ่งอยู่กลางโรงอาหาร ยกมือขึ้นมาจับไหล่กว้างๆก่อนจะแกล้งทำเป็นตบไหล่ให้กำลังใจ สายตาที่ส่งกลับมาทำเอาคนตัวเล็กหลุดขำ เด็กชายตรงหน้ามองเธอด้วยแววตาแข็งกร้าว ความโกรธเริ่มประทุขึ้นมาจนอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ เขายกมือขึ้นปัดมือเธอออกอย่างแรงจนขึ้นเป็นรอยแดง ก่อนจะเดินออกไปท่ามกลางสายตาของทุกคนที่ซุบซิบและหัวเราะเยาะเขา
“แกว่ามันแรงไปไหมวะ”
“ถึงฉันจะไม่ค่อยสงสารศิลามันเท่าไหร่นะ แต่ฉันว่ารอบนี้แกทำแรงไปว่ะ ยิ่งถ้าพี่ดาวเขาแพ้ถึงขั้นตายได้เลยแล้วอ่ะ เขาก็คงจะกลัวเข้าเส้นไปแล้ว” คีตีกามองหน้าเพื่อนพลางกัดริมฝีปากล่างอย่างรู้สึกผิด ที่ความอยากเอาคืนของเธอมันรุนแรงเกินไป
“ไฟ เคน ศิลาไปไหนไม่ได้มาด้วยกันเหรอ” หญิงสาวถามเพื่อนสนิทของเขาที่เดินเข้ามาในห้องเรียนกันสองคน เธอมองหาศิลาจากทางเดินก็ไม่พบ
“เธอทำมันขนาดนั้นแล้วอ่ะ มันจะกล้าอยู่ให้คนทั้งโรงเรียนหัวเราะมันอยู่อีกเหรอ” ไฟตอบกลับหญิงสาวด้วยใบหน้านิ่ง
“แล้วตอนนี้ศิลาอยู่ที่ไหน ฉันคงเล่นแรงไปจริงๆ...อยากจะไปขอโทษนายนั่น”
“เห็นมันเดินออกจากโรงเรียนไป”
ยังถามไม่ทันรู้เรื่องคุณครูที่ต้องเข้าสอนคาบบ่ายก็เดินเข้ามาพอดี ทำให้คีตีกาต้องเดินกลับมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง เวลาช่วงบ่ายทั้งวันเธอแทบไม่มีสมาธิเรียน ส่งข้อความไปหาเขาก็ไม่ยอมตอบ ได้แต่หวังว่าคงจะไม่คิดสั้นหรอกนะ หลังจากคิดไปถึงตรงนั้นหญิงสาวต้องส่ายหัวไล่ความคิดบ้าๆนี้ออกทันที สงสัยจะดูซีรี่ย์เยอะไปจิตนาการไปหมด
บ้านวรกาญไชย
“นั่งคิดอะไรอยู่ตัวเล็ก หน้าเครียดเชียว” พี่ชายเห็นน้องสาวคิ้วขมวดนั่งหน้าเครียดอยู่ภายในห้องรับแขก เดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าสิ่งที่ทำให้น้องสาวเครียดอยู่แบบนี้ เพราะแม่ตัวเองเป็นต้นเหตุ
“เปล่าหรอกค่ะ เพลงแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย พี่พัฒน์พึ่งกลับมาเหรอคะ” ความจริงก็อยากจะปรึกษาพี่ชายทุกเรื่องนั่นแหละ แต่เห็นเขาเรียนหนักแล้วเลยไม่อยากรบกวนให้มาก เธอกับพชรอายุห่างกันสิบปี ตอนนี้พชรเรียนมหาวิทยาลัยปี 3 ใกล้จะจบแล้วช่วงนี้เลยจะเหนื่อยเยอะหน่อย
“แน่ใจนะว่าไม่มีอะไร หรือว่าแม่พี่ทำอะไรเราอีกหรือเปล่า”
“เปล่าๆเลยค่ะ เพลงขึ้นไปแต่งตัวแล้วนะคะเดี๋ยวแม่ใหญ่กลับมาเห็นเพลงยังแต่งตัวไม่เสร็จ จะโดนดุเอา” บอกพี่ชายเสร็จก็รีบวิ่งขึ้นไปแต่งตัวตามคำสั่งของแม่ใหญ่ทันที
ภายในรถตู้หรูที่มีครอบครัวของคีตีกานั่งอยู่ ขณะกำลังแล่นไปยังบ้านเจ้าของงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ หญิงสาวที่นั่งอยู่ที่เบาะด้านหลังตรงข้ามกับพชร ได้แต่มองทางด้านข้างคิดถึงเรื่องตอนกลางวันตลอดเวลา เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูข้อความที่เธอส่งไปหาเขายังคงนิ่งไม่ไหวติง เขายังคงไม่อ่านและไม่ยอมตอบเหมือนเดิม ทำเอาเธอเครียดอยู่ไม่น้อย เพราะศิลาไม่เคยโกรธเธอหนักขนาดนี้ แม้ว่าจะกัดกันตลอดเวลาแต่มันก็เป็นความกวนและความไม่มีใครยอมใครเท่านั้น
“หวังว่างานนี้เธอจะไม่ทำให้ฉันต้องขายหน้าอีกนะ ทำตัวให้ดีตามที่ฉันพูดวันนั้น ถึงจะเป็นงานเลี้ยงวันเกิดที่จัดแบบภายใน แต่ก็มีแต่คนดังๆและผู้ดีทั้งนั้น อย่าเอาเชื้อแม่แกมาปล่อยที่นี่”
สาวน้อยนั่งก้มหน้าฟังสิ่งที่ภรรยาของผู้เป็นพ่อกำชับ จนเมื่อได้ยินคำด่าประโยคสุดท้ายที่ทำเอาต่อมใต้ดวงตาสั่นไหว สาวน้อยตัวเล็กๆคอยกดอารมณ์ตัวเองเอาไว้นิ่ง ทำเอาพี่ชายที่รักน้องมากถึงกับต้องพูดให้แม่ตัวเองหยุด
“พอได้แล้วครับ ถ้าแม่กลัวว่าตัวเองจะขายหน้า ผมจะคอยดูแลเพลงไม่ให้ทำอะไรซนๆเอง” คนตัวโตยื่นมือไปบีบมือน้องสาวที่นั่งก้มหน้านิ่ง ก่อนจะยิ้มตอบกลับเมื่อสาวน้อยเงยหน้าขึ้นมามองแบบยิ้มๆให้ ประมาณว่าเธอไม่เป็นอะไร
ไม่นานรถที่คีตีกานั่งก็เลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารขนาดใหญ่ ตกแต่งไปด้วยต้นไม้สีเขียว มีสระน้ำพุขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ด้านในเป็นโดมกระจกทรงครี่งวงกลมที่มีการจัดวางโต๊ะวางอาหารเป็นแนวยาว มีทั้งอาหารไทย ยุโรป และนานาชาติมากมายไปหมด เครื่องดื่มก็ครบครันตามประสาผู้ใหญ่ พอได้เข้ามาในงานแล้วหญิงสาวกับแสดงอาการประหม่าขึ้นมา จนต้องเผลอกำมือแน่นตอนที่เจอแสงแฟลชสาดเข้ามาในดวงตากลมโต
“เพลง เพลงได้ยินพี่ไหม” พชรเห็นอาการแปลกไปของน้องสาว เขาเรียกเธอพร้อมเขย่าตัวให้เธอรู้สึก จนเธอหายใจแรงแบบอาการแพนิคมองหน้าเขากลับมา
“พ..พี่พัฒน์ เพลง..เพลงม..ไม่ไหว” เสียงสั่นเทาพร้อมทั้งดวงตากลมที่แดงจนร้อนผ่าว ทำให้พชรเข้าใจได้ในทันทีว่าอาการของหญิงสาวเกิดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
พชรไม่รอช้ารีบดึงมือน้องสาวออกจากจุดถ่ายภาพ ที่มีช่างภาพและนักข่าวสาดแสงสีขาวแข็งกันว่าใครจะได้ภาพสวยกว่ากันมากที่สุด ก่อกิตมองตามลูกชายและลูกสาวที่เดินออกไปอย่างกังวล วรรณศิริเห็นดังนั้นได้แต่กัดฟันตัวเองเก็บอารมณ์อยู่ด้านใน
พชรพาน้องสาวที่น่าสงสารมานั่งหลบอยู่ที่สวนทางด้านหลัง เขาลดตัวนั่งลงตรงหน้าน้องสาวตัวน้อย ก่อนจะเอ่ยปลอบเหมือนทุกครั้ง ตอนนี้น้องสาวของเขาใบหน้าเลอะไปด้วยคราบน้ำตาเต็มไปหมด
“พี่พัฒน์ เพลงสร้างปัญหาอีกแล้ว..” ก้มหน้าพูดออกมาพร้อมน้ำตา
“เพลงเป็นแบบนี้อีกแล้วนะ เพลงรู้สึกกลัวแสงแฟลชตั้งแต่ตอนนั้นใช่ไหม ที่แม่พี่หยิกจนเพลงเขียวไปหลายวัน”
เพราะตอนนั้นยังเด็กเมื่อเธอโดนอะไรที่ทำให้เธอต้องรู้สึกไม่โอเค อีกทั้งยังโดนบังคับโดนการถูกหยิกให้ทนทำให้จบ กลับบ้านไปเด็กน้อยในตอนนั้นก็โดนวรรณศิริตวาดใส่เสียงดัง มันกลายเป็นสิ่งที่คีตีกาจดจำและวิตกกังวลกับมันอยู่เสมอ เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้เธอเกลียดการเข้าสังคม และเกลียดแสงแฟลชที่สาดออกมาจากกล้อง พชรยกมือขึ้นลูบหัวน้องสาวตัวน้อยพลางดึงร่างเล็กเข้ามากอดปลอบ
ภาพสองพี่น้องกอดปลอบกันอยู่ตรงหน้า ทำให้เด็กหนุ่มที่โดนสาวน้อยแกล้งให้คนที่เขาชอบหักหน้าตัวเองกลางโรงอาหาร จนเขาอายสายตาผู้คนถึงกลับต้องหนีออกจากโรงเรียนไป
มุมปากกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเพราะคิดหาทางเอาคืนให้เธอรู้สึกเหมือนเขาได้แล้ว
“กล้าหลอกฉันเหรอเพลง เธอโดนฉันเอาคืนแน่”