บทที่ 5 จุดเริ่มต้นของเรื่องที่พลาด

1782 Words
พชรปล่อยให้น้องสาวนั่งอยู่ด้านในสวนคนเดียว ส่วนตัวเขาเดินเข้ามาภายในงานเพราะถูกโทรตามจากคนเป็นแม่ คีตีกาอยากจะตามเข้ามาด้วยแต่เขาห้ามไว้ เข้าไปด้านในก็เจอแต่แสงแฟลชจากกล้องนับสิบ ไหนจะสายตาของแม่เขาอีก ให้หญิงสาวนั่งพักตรงนี้ให้สบายใจดีกว่า คีตีกานั่งบนโต๊ะไม้แบบยาว เตะขาไปมาเพราะขาเธอไม่ถึงพื้น สายตาจ้องมองไปที่สระน้ำพุตรงหน้า ด้วยความคิดว่าถ้าหากว่าเธอยังมีแม่อยู่บนโลก ชีวิตเธอคงจะไม่ต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้แน่นอน อย่างน้อยกอดแม่ก็ยังอบอุ่น “ปั๊กกก!!” “โอ้ยย!!” ลูกบอลเล็กๆถูกคนโยนเข้ามาใส่เข้าที่หัวของเธอ หันไปมองด้านหลังจนเห็นว่าคนที่โยนมันมาคือไอ้คนที่เธออยากเจอทั้งวัน “ยอมโผล่มาแล้วหรือไง นึกว่าจะอายที่เสียหน้าจนคิดสั้นไปแล้วซะอีก” พูดให้คนตรงหน้า พร้อมทั้งโยนลูกบอลกลับคืนเจ้าของอย่างแรง แต่เขาก็รับมันได้สบายๆ “โกรธ?” เพราะเห็นว่าศิลายังทำหน้านิ่งไม่ยอมตอบโต้ เธอเลยยอมถอยให้เขาหนึ่งก้าว ความรู้สึกผิดในใจก็ยังอยากขอโทษเขาอยู่ “ฉันขอโทษ ไม่คิดว่ามันจะหนักขนาดนี้นี่นา นี่ฉันพยายามส่งข้อความหานายทั้งวันเลยนะ แล้วนายหายไปอยู่ที่ไหนมา ออกไปจากโรงเรียนตั้งแต่บ่ายติดต่อก็ไม่ได้ ถามเพื่อนนายก็บอกไม่รู้” “ทำฉันอายคนทั้งโรงเรียนขนาดนั้น ยังจะให้ฉันหน้าด้านทนสายตาที่มองมาแบบสมน้ำหน้าอยู่อ่ะนะ” “เออ ขอโทษ โอเคปะ” “ถ้าไม่โอเคได้ปะ” ศิลาพลางทำหน้ากวนยกไหล่ถามกลับหญิงสาว “แล้วแต่!! ไม่แคร์จ้ะ” เธอเชิดหน้าขึ้นกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะหันหลังเพื่อจะเดินหนี “รับผิดชอบหน่อยดิวะ ทำฉันล้มจนแผลยังไม่หาย นี่ยังกล้ามาทำให้ฉันต้องอายคนทั้งโรงเรียนอีก แค่คำขอโทษมันน้อยไป” ไอ้หมอนี่มันกล้าพูดนะ ตอนรถล้มจะจ่ายก็ไม่ให้จ่ายพอตอนนี้จะมาทวงความรับผิดชอบ ดวงตากลมเรียวมองเขาด้วยความไม่เชื่อหูพร้อมริมฝีปากบางเผยอออกใช้ลิ้นดันกระพุงแก้ม “อย่ามารวมดิวะ ตอนนั้นจะรับผิดชอบแล้วเถอะแต่นายไม่ให้ฉันจ่ายเอง” “เธอทำมอไซด์เพื่อนฉันล้มจนเป็นรอย ส่วนนี่ดูนี่...แผลฉันเต็มตัวขนาดนี้ เงินแค่สามพันมันจะคุ้มอะไรวะ” พูดใส่หน้าหญิงสาวก่อนจะยกแขนยกขาโชว์แผลที่ยังมีผ้าก๊อตปิดอยู่ “แล้วนายจะเอายังไง” “หึ ยอมง่ายๆแบบนี้ดิวะ ค่อยน่ารักหน่อย” พลางยกมือขึ้นมายีหัวคนตัวเล็กที่ทำหน้ามุ่ยอยู่ “จะให้ฉันทำอะไร รีบพูดถ้ามัวแต่ชักช้านายจะไม่ได้อะไรเลย” คีตีกายกนิ้วชี้ขึ้นมาชี้หน้าเด็กหนุ่ม พร้อมกับส่งสายตาขู่ออกไปเบาๆ “คิดไม่ออกว่ะ เดี๋ยวขอเวลาคิดก่อนสักคืน ให้คอยเป็นเบ๊ ดีไหมน้า...ไม่เอาดีกว่าหรือให้เธอไปเป็นแฟนกับไอ้ซันดี” “ตลก..” แค่หัวเราะออกมาเบาๆ จนเด็กหนุ่มหลุดขำออกมาดังลั่น “ฮ่า ๆ...งั้นเอางี้ ตอนแม่ฉันขึ้นไปเป่าเค้กบนเวที เธอเอาของขวัญฉันขึ้นไปให้แทนหน่อยได้ปะ” สีหน้าของคีตีกาซีดลงทันที จนศิลาที่มองอยู่กระตุกริมฝีปากขึ้น “นายไม่เอาไปให้เองล่ะนั่นแม่นายนะ นายให้เองแม่นายคงจะดีใจกว่า”ก้มหน้าตอบเขาไปพลางเม้มริมฝีปากกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “เธอจะให้ฉันขึ้นไปสภาพแบบนี้หรือไง นักข่าวได้เอาไปเขียนว่าฉันเกเรจนเป็นแผลเต็มตัว” “.....” มือทั้งสองข้างกำกระโปรงแน่น “หรือเธอจะเลือกเป็นเบ๊ฉันหนึ่งเดือนแทน นี่ฉันหาทางเลือกให้เธอแบบง่ายๆเลยนะ” หญิงสาวก้มหน้าหลับตาคิดก่อนจะได้ยินเสียงจากก้นลึกของสมองส่วนที่มันยังมีศักดิ์ศรีอยู่ ถ้าเธอยอมเป็นเบ๊เขาคงจะโดนแกล้งตลอดหนึ่งเดือนแน่ ๆ แต่ถ้าเอาของขึ้นไปบนเวทีแค่ยื่นให้แล้วรีบวิ่งลงมาก็จบ คงจะไม่ทันเจอแสงแฟลชเท่าไหร่ เมื่อตัดสินใจแล้วจึงเงยหน้าตอบออกไป “ก็ได้...แค่เอาของขวัญยื่นให้แม่นายบนเวทีแค่นั้นใช่ไหม” “อืม แค่นั้น” “แล้วห้ามมาทวงหาความรับผิดชอบจากฉันอีก” พอพูดจบคีตีกาจึงเดินหนีเขาออกมาไกลๆเพื่อตั้งสติ ก่อนจะหลับตาลงขมวดคิ้วด้วยความเครียด ส่วนศิลาที่เห็นหน้าถอดสีของเด็กสาว กลับยิ้มหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆมองตามหลังบางที่เดินออกไปไกลๆ ก่อนจะเดินตามเธอหายเข้าไปในงานอีกที คีตีกาเดินเข้ามาภายในห้องจัดเลี้ยง ก่อนจะพยายามมองหาที่ที่เจอแสงแฟลชน้อยที่สุด แต่ก็ต้องชงักสายตากลับมาเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย “นางตัวดีกลับไปเตรียมตัวโดนได้เลย” วรรณศิริเดินเข้ามาหาลูกเลี้ยงทันที ก่อนจะฉีกยิ้มแต่ใช้น้ำเสียงไปทางข่มขู่กระซิบบอกเด็กสาว “ค คือเพลงขอโทษค่ะ” ก้มหน้าเอ่ยขอโทษออกไป เพราะไม่สามารถเถียงอะไรได้เลย “เก็บมันไว้ตรงนั้นแหละ คุณเสากำลังจะขึ้นเวทีแล้วอย่าทำให้ฉันต้องอับอายเพราะแกอีก ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ออกไปจากที่นี่ซะ ตัวภาระ” หญิงสาวยังคงก้มหน้ากลืนน้ำตาลงไป ดวงตาเริ่มแดงจนร้อนผ่าว วรรณศิริเดินหนีออกไปนั่งประจำที่ของตัวเอง โดยที่ปล่อยให้เธอยืนค้างอยู่ตรงนี้คนเดียว คีตีกาพยายามเข้มแข็งขึ้นโดยการสูดลมหายใจเข้าไปลูกใหญ่ ก่อนจะสะดุดสายตาเข้ากับคนที่จะทำให้เธอกังวลต่อ “ยืนทำไร ตามมา” ศิลาเดินนำหญิงสาวมาตรงข้างเวที เธอค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ๆเขาอย่างช้าๆ จนมีคนมาดึงแขนเธอเอาไว้ให้หันไป “เพลงเข้ามาทำไม พี่บอกให้นั่งรออยู่ด้านนอกไง” พชรที่เห็นน้องสาวเดินเข้ามาในงานเป็นต้องตกใจรีบเข้ามาคว้าไว้ “ค คือศิลาเขาขอให้เพลงช่วยเขาหน่อยน่ะค่ะ” ตอบออกไปอย่างตะกุกตะกัก “ช่วยอะไร แล้วนี่มาทำอะไรตรงข้างเวที แล้วถ้าเจอแฟลชอีกจะทำยังไง ออกไปกับพี่” “พี่พัฒน์ ศิแค่ขอให้เพลงช่วยเอาของขวัญขึ้นไปให้แม่เขาเองค่ะ เพราะว่าศิเขาไม่สะดวก เพลงแค่เอาไปยื่นให้ท่านแล้วก็จะรีบลงมาเลยค่ะ” พยายามรั้งแขนพี่ชายเอาไว้ เพราะเขาพยายามจะดึงเธอออกไป พชรมองไปที่เด็กหนุ่มด้วยใบหน้าไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นว่าเนื้อตัวเขามีแต่ผ้าพันแผลจึงต้องยอม ส่วนเด็กหนุ่มเองก็ยืนมองสองพี่น้องนิ่ง ตอนนี้ในสมองของเขามีแต่ความว่างเปล่า ที่อยากจะเอาคืนที่เธอมาหักหน้าเขาเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นคงไม่เป็นไร “งั้นพี่จะยืนรออยู่ตรงนี้ รีบขึ้นไปแล้วรีบลงมา” “ค่ะ” เธอพยักหน้าตอบพี่ชายยิ้มๆ ก่อนจะหันไปหาเด็กหนุ่มที่ยืนรออยู่ “ไหนล่ะของขวัญที่จะให้แม่นาย” “นู่นไง” ศิลาส่งสายตาไปทางโต๊ะด้านข้าง เป็นเชิงว่าวางอยู่ตรงนั้น คีตีกาเดินเข้าไปหยิบแล้วเดินออกมา รอจังหวะที่จะขึ้นไปให้กับเสาวนีย์ “ขอขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับแขกทุกท่านที่มาร่วมฉลองวันคล้ายวันเกิดดิฉันในวันนี้” เสาวนีย์กล่าวคำขอบคุณแขกอยู่บนเวทีสักพัก หลังจากกล่าวจบเสียงปรบมือและการยกแก้วขึ้นเพื่อเป็นการดื่มฉลอง ทุกคนต่างทำตามกันอย่างปกติ กล้องทุกตัวที่อยากเก็บภาพสวยๆให้คุ้มกับที่โดนจ้างมา ต่างเตรียมกดชัตเตอร์สาดแสงแฟลชกัน อย่างพร้อมเพียง “เพื่อเป็นการฉลอง ขอกล่าวว่า เชียร์สสส....แชะ แชะ แชะ” มือเล็กเรียวเริ่มสั่นเทา หน้าอกกระเพื่อมเร็วขึ้นจากปกติ เหงื่อเม็ดใหญ่เริ่มผุดขึ้นมาตามกรอบหน้า เธอพยายามรวบรวมสติก้าวขาขึ้นไปบนเวทีช้าๆ เมื่อก้าวขึ้นมาถึงขอบเวทีแล้ว เสาวณีย์หันมามองหญิงสาวหน้าตาน่ารักที่มีอาการตื่นกลัวยืนนิ่งอยู่ จึงเดินเข้าไปหาเธอใกล้ๆ ไม่ทันได้ถึงตัวเด็กสาวพิธีกรก็พูดขึ้นมาตัดบทเสียก่อน “ดูเหมือนว่าวันนี้เราจะมีของขวัญพิเศษมาให้คุณเสาด้วยนะครับ แหมน้องน่ารักเชียว เดินเข้ามาตรงกลางเลยครับมาๆ มอบให้ท่านตรงกลางเวทีได้เลย” พชรเห็นท่าไม่ดีกำลังจะเดินเข้าไปเอาตัวน้องสาวลงมา แต่ก็ถูกศิลาขวางเอาไว้ก่อน สายตาทั้งสองคนมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร “พ พอดีศิลาเขาฝากหนูให้เอามาให้ค่ะ” เธอยื่นกล่องของขวัญขนาดไม่ใหญ่มากไปด้านหน้าของหญิงมีอายุแต่หน้าตายังสวยเหมือนอายุไม่เกินเลขสาม “ของศิลาเหรอจ๊ะ กวนหนูแท้ๆเลยลูกคนนี้ขอบคุณมากนะจ๊ะ” “ไม่เป็นไรค่ะ” เด็กสาวกำลังจะเดินลงจากเวที แต่พิธีกรก็เหมือนจะรู้งานเรียกเธอกลับไปเหมือนเดิม “ไหน ๆก็ขึ้นมามอบให้ท่านบนนี้แล้ว เดี๋ยวร่วมถ่ายภาพด้วยกันเป็นที่ระลึกก่อนนะครับ” หญิงสาวกลับไปยืนข้างๆกับเสาวณีย์ เธอเอาแต่ก้มหน้าเพื่อหลบแสงจากกล้องนับสิบตัวที่อยู่ด้านล่าง ภาวนาให้มันจบไวๆ เพราะเธอเริ่มจะไม่ไหวแล้ว “หนูเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าซีดแบบนี้” เสาวณีย์เห็นหญิงสาวมีอาการแปลกๆ ทั้งตัวสั่นใบหน้าซีดจนเป็นสีขาว จึงได้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง คีตีกาเห็นว่าถูกถามจากผู้ใหญ่จึงเผลอเงยหน้าขึ้นไปมอง เป็นจังหวะที่กล้องตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดกดถ่ายภาพพอดี “ค คือ น หนู.....” แสงแฟลชเข้าปะทะนัยน์ตาของเธอเต็มๆ ทำให้เธอต้องหลับตาลงหันหน้าหนีช้าๆ ก่อนจะรู้สึกว่าร่างกายเบาจนเหมือนตัวลอยในอากาศ และทุกอย่างก็มืดดับลงไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD