ภายในรถม้าอันคับแคบเสียงกุกกักดังขึ้นเป็นระยะ ปรากฏร่างดำมืดใกล้เข้ามาทุกที
"ใครนะ ปล่อยนะ" เสียงหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างตกใจก่อนจะถูกเงาดำเอามือปิดปากไว้ เธอพยายามขัดขืนดิ้นรน
"อย่าส่งเสียง" เงาดำปริศนากระซิบที่ข้างหูหญิงสาว ตอนนี้ตงฟางหรงได้เพียงแต่เชื่อฟังอย่างใจเย็น
"ข้าเอง" ชายหนุ่มแง้มม่านให้แสงจันทร์ลอดผ่านเข้ามา
"ฝ่าบาท" หญิงสาวอุทานอย่างโล่งใจ
"ขึ้นมาทำไม ลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะ" ตงฟางหรงไล่ฮ่องเต้ให้ออกไปจากรถม้า
"ก็เจ้าบอกให้ข้ามาพักผ่อน" จวินเฟยหลงตีหน้ามึนใส่หญิงสาว
"ก็ใช่ (เธอตอบตะกุกตะกัก) แต่ไม่ใช่ที่นี่ หม่อมฉันหมายถึงที่กระโจมของกุ้ยเฟยผิงเอ๋อไม่ก็ที่อื่นที่ไม่ใช่ที่นี่"
"วันนี้ข้าอยากนอนที่นี่" จวินเฟยหลงพูดยั่วโมโหหญิงสาว
"ที่นี่คับแคบ นอนไม่สบาย อีกทั้งชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด" หญิงสาวตอบทันใด
"แต่เจ้าเป็นเมียข้า" ชายหนุ่มตอบกลับทันควัน
(เอ่อจริงด้วยลืมคิดไป เขาเป็นสามีตงฟางหรง)
"ได้..งั้นท่านนอนที่นี่" (คิดเสียว่านอนกับสหายร่วมทีมก็แล้วกัน ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยนอนร่วมกับผู้ชายซะที่ไหน)
"ดี"
หญิงสาวล้มตัวลงนอนสายตายังจับจ้องที่จวินเฟยหลงไม่วางตา
"จะทำอะไร" ตงฟางหรงดีดตัวลุกขึ้นอย่างตกใจ
"ถอดชุดเกราะ"
"ถอดทำไม ใส่กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"
"เจ้าจะให้ข้านอนทั้งชุดเกราะอย่างนั้นหรือ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่"
"เปล่าซะหน่อย" (ใครจะคิดเฮอะ หลงตัวเอง) หญิงสาวโน้มตัวลงนอนอีกครั้ง
ค่ำคืนที่ยาวนานอากาศภายนอกช่างเหน็บหนาวเสียงสายลมพัดมาปะทะรถม้าเป็นระยะ หญิงสาวนอนหลับไปนานแล้ว หากตอนนี้มีเพียงชายหนุ่มที่ยังคงนอนพินิจใบหน้างามของหญิงสาว
"ที่แท้หน้าตาตอนหลับของคุณหนูแห่งตระกูลตงก็เป็นเช่นนี้เอง" จวินเฟยหลงมองใบหน้าหญิงสาวตอนหลับเขาใช้นิ้วเรียวปัดผมที่ปิดหน้าหญิงสาวออก
"ขนาดข้านอนอยู่ข้างกายเจ้า เจ้ายังหลับสนิทได้ถึงเพียงนี้ นี่เจ้าไม่สนข้าจริงๆ งั้นหรือฟางหรง" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อทั้งที่ความจริงเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์
หญิงสาวหลับสนิทตอนนี้พลิกตัวหันหน้าไปอีกข้าง
"เฮ้อ!" เสียงชายหนุ่มถอนหายใจอย่างถอดใจ
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในรถม้าเป็นสัญญาณบอกว่าตอนนี้เช้าแล้ว กลิ่นควันไฟลอยคลุ้งเสียงทหารเริ่มพูดคุยกันด้านนอกจอแจ
เช้าแล้วจวินเฟยหลงยังคงนอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนรถม้า ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเพราะฝันร้าย เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เหตุการณ์ในอดีตยังคงตามติดหลอกหลอนเมื่อเขาหลับไม่ยอมจางหาย
"หายใจไม่ออก" เฮือก...เสียงสูดหายใจเข้าเต็มปอด จวินเฟยหลงลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบหญิงสาวข้างๆ ยังคงหลับอยู่หากแต่ตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเธอกับพาดอยู่บนหน้าอกของเขา
"ตง ฟาง หรง"
"อือ" หญิงสาวงัวเงียตื่นขึ้นมาขยี้ตาท่าทางเหมือนเด็กน้อย
จวินเฟยหลงได้แต่เหนื่อยใจกับท่าที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเธอ (โกรธนางไม่ลงจริงๆ) เขายกมือขึ้นกุมขยับ
"เช้าแล้วลงไปได้แล้ว" ทันทีที่ตื่นมาหญิงสาวก็เอ่ยปากไล่
"เจ้ากล้าไล่ข้าที่เป็นฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ"
"ใช่ เชิญเสด็จ" ตงฟางหรงผายมือเป็นสัญญาณให้ชายหนุ่มออกไป
จวินเฟยหลงก้าวเท้าลงมาจากรถม้าอย่างหงุดหงิด เป็นจังหวะที่ผิงเอ๋อเห็นเข้าพอดีสร้างความไม่พอใจให้นางเป็นอย่างมาก
"ตงฟางหรงเป็นเจ้าอีกแล้ว"
.......
ขบวนกองทัพหลวงของฮ่องเต้จวินเฟยหลงเคลื่อนทัพมาถึงห่าวจิงแล้ว ชาวบ้านต่างมารอชื่นชมบารมีของฮ่องเต้ตลอดสองข้างทาง
หวงกุ้ยเฟยและกุ้ยเฟยถูกจัดให้พักในจวนรับรองซึ่งอยู่ภายในเมืองห่าวจิงห่างจากค่ายที่ฮ่องเต้และเหล่าทหารกล้าพักอาศัยอยู่
เช้าแล้วตงฟางหรงตื่นแต่เช้าอย่างกระตือรือร้น ทั้งที่เพิ่งมาถึงเมื่อคืนแต่เธอไม่อยากเสียเวลาอันมีค่าแม้แต่น้อย หญิงสาวก้าวเท้าออกจากประตูจวนก็ต้องตกใจไม่ใช่น้อย เหล่าชาวบ้านมากมายตอนนี้มารอรับเสบียงแต่เช้าจนหญิงสาวรู้สึกใจหายกับภาพที่เห็น แม้ว่าเธอจะตื่นเช้ามากแล้วแต่ก็ยังช้ากว่าชาวบ้าน นี่กระมังที่เขาบอกว่าความจนมันน่ากลัวความอดยากน่ากลัวยิ่งกว่า
หญิงสาวแจกจ่ายอาหาร เครื่องดื่ม ให้ชาวบ้านตลอดทั้งวัน ชาวบ้านบางรายน่าสงสารจับใจเสื้อผ้าที่สวมใส่ขาดวิ่นเปื้อนทั้งดินและโคลนเต็มไปหมด สร้างความสลดใจให้ตงฟางหรงไม่น้อย แม้ว่าศึกสงครามจะเป็นเหตุที่เลี่ยงไม่ได้ไม่ว่าที่ใดก็ต้องเกิดขึ้น แต่เธอก็อดเศร้าใจไม่ได้ นี่คงจะเป็นเหมือนที่เขาว่าทำศึกหนึ่งครั้งเดือดร้อนทั่วทั้งแผ่นดิน
"หวงกุ้ยเฟยทรงพักเสวยก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ" เสียงอวี๋อี่องครักษ์ประจำตัวที่ฮ่องเต้มอบหน้าที่ให้ดูแลตงฟางหรงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าตอนนี้ใกล้ค่ำแล้ว
"รออีกหน่อยแล้วกันข้ายังไม่หิว"
"แต่ฝ่าบาทกระชับกระหม่อมไว้"
"องครักษ์อวี๋ ท่านมองดูชาวบ้านเหล่านี้ซิ บางคนเดินทางมาไกลหลายลี้เพื่อรับเสบียงไหนจะลูกเล็กเด็กแดงเหล่านี้อีก ท่านคิดว่าข้าจะทิ้งพวกเขาเหล่านี้ไปได้หรือ ขอเวลาข้าอีกสักพักให้ข้าแจกจ่ายของแก่ชาวบ้านเหล่านี้ก่อน" หญิงสาวมองเหล่าชาวบ้านที่มารอเสบียงค่ำนี้เหลือเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น
"พ่ะย่ะค่ะ"
หลายวันมานี้หญิงสาวมัวแต่ยุ่งอยู่กับการแจกจ่ายเสบียงและช่วยเหลือชาวบ้านแม้จะไม่สามารถขจัดปัญหาที่เกิดกับชาวบ้านได้ทั้งหมดแต่ก็สามารถเยียวยาได้ไม่น้อย องครักษ์อวี๋ และไต้ซี เป็นเหมือนเงาตามตัวของหญิงสาวทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ก้าวเท้าออกจากจวน ส่วนผิงเอ๋อตั้งแต่มาถึงนางยังคงพักผ่อนภายในจวนไม่มีวี่แววว่าจะออกมาช่วยเหลือชาวบ้านดูเหมือนคำพูดที่นางให้ไว้กับฝ่าบาทและการกระทำช่างแตกต่างกันนะ
"รายงานพ่ะย่ะค่ะหวงกุ้ยเฟย" ทหารม้านำส่งม้วนกระดาษให้หญิงสาว
ทุกๆ วันฮ่องเต้จะให้ทหารม้านำรายงานสถานการณ์ที่ค่ายมาให้หญิงสาว แม้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแต่ทุกครั้งเมื่อได้รับจดหมายเธอจะรู้สึกสบายใจทุกครั้ง
(ความรู้สึกนี้คงเหมือนกับสหายในหน่วยรายงานความคืบหน้าของภารกิจให้ฟังกระมัง) หญิงสาวก้มหน้ามองจดหมายอีกครั้ง (ก็แค่รายงานความคืบหน้าแกจะยิ้มทำไมตงฟางหรง)
....