ตอนที่ 6 รับโทษ

1116 Words
แสงสุดท้ายของวันกำลังจะลาลับแล้วแม้พยายามต่อสู้แย่งชิงพื้นที่บนฟ้ากว้างแต่ก็ไม่อาจฝืนธรรมชาติไม่อาจส่องสว่างได้ตลอดไป แสงสีส้มค่อยๆ ถูกความมืดกลืนกินทีละน้อย สายลมโชยค่อยๆ หอบดวงจันทร์ขึ้นมาทีละหน่อย ค่ำคืนแห่งราตรีกำลังเข้ามาเยือน แสงไฟในตำหนักหวงกุ้ยเฟยสว่างเจิดจ้า หากแต่บรรยากาศตอนนี้กลับดูเงียบงันเกินปกติ ตงฟางหรงก้าวเท้าเข้ามาในตำหนักก็พบนางใน บ่าวรับใช้ตั้งแต่ตำแหน่งใหญ่ไปถึงผู้น้อยนั่งก้มหน้าคุกเข่าเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ชวนให้หญิงสาวเกิดความสงสัย "ไต้ซี พวกเจ้ามานั่งทำอะไรกัน" เธอกระซิบเสียงเบาถามหญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า สาวใช้ได้แต่นิ่งเงียบทำตาปริบๆ พร้อมส่งสัญญาณให้ผู้เป็นนาย "อะไร ใครอยู่ข้างในหรือ" "หงึก หงึก" สาวใช้ผงกหัวส่งสัญญาณ ตงฟางหรงมองหน้าสาวใช้สลับกับประตูห้องไปมา "ให้ข้าเข้าไปข้างในหรือ" สาวใช้ผงกหัวให้หญิงสาว ด้วยสัญชาตญาณของผู้กองแห่งหน่วยรบพิเศษเทพสายฟ้า สถานการณ์แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ หญิงสาวค่อยๆ ก้าวเท้าขึ้นบันไดทีละขั้นอย่างระแวดระวัง เธอหันหลังมองสาวใช้ที่เงยหน้าสบตาให้กำลังใจเป็นระยะ มือเรียวบางค่อยๆ เอื้อมไปเปิดประตู ด้านหน้าเป็นแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่เธอไม่รู้จัก เขาสวมชุดผ้าไหมสีขาวปักดิ้นทองมังกรทั้งตัวดูแล้วน่าเกรงขาม ด้านข้างของชายหนุ่มดูเหมือนจะเป็นองครักษ์อารักขาซึ่งดูๆ ไปแล้วหน้าตากลับคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน "อู่ติ่ง เจ้าออกไปก่อน" น้ำเสียงคุ้นหูเอ่ยขึ้น "พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" องครักษ์อู่ติ่งทำความเคารพก่อนเดินออกมา (อืม คงไม่ใช่หรอกมั้ง) หญิงสาวมองหน้าองครักษ์ที่เดินสวนออกไปหัวใจก็หล่นวูบ (อืม ใช่แล้วล่ะ) ตงฟางหรงค่อยๆ ย่องถอยหลังอย่างช้าและเบา (สถานการณ์เสียเปรียบแบบนี้เราต้องถอยไปตั้งหลักก่อน วางแผนให้ดีแล้วค่อยออกรบ) แต่เหมือนชายหนุ่มจะรู้ตัวเขาหันหน้ามองท่าทางประหลาดของหญิงสาวด้วยสายตาพิฆาต "เจ้าจะไปไหน" เสียงเรียบหากแต่เยือกเย็นเกินบรรยาย "ฮ่าๆ คือ..คือ..เอ่อ..ปิดประตู" ตงฟางหรงหยุดกึกเอื้อมมือปิดประตู "ทำไมตกใจที่เห็นข้าฟื้นมาจากความตายงั้นหรือ" ชายหนุ่มพูดด้วนน้ำเสียงประชดประชัน คำพูดของหญิงสาวก่อนหน้าถูกนำมาใช้ "ใครตายกัน เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว ฮ่าฮ่า" หญิงสาวยิ้มแห้งๆ (เป็นผู้ชายอย่างไรพูดจาประชดประชันอยู่ได้) "เจ้าบอกว่าข้าเข้าใจผิดอย่างงั้นหรือ" จวินเฟยหลงเดินเข้ามาใกล้หญิงสาว มองเธอไม่วางตา (เอาว่ะตงฟางหรงมาถึงขั้นนี้แล้วเชิดเข้าไว้) "ใช่ ฉัน..เอ่อ.หม่อมฉันกล้าพูดก็กล้ายอมรับ" หญิงสาวยืดอกยอมรับอย่างภูมิใจ "ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับ" ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างเย้ยหยัน "แล้วจะทำไม คนที่หายหน้าหายตาเป็นปีๆ แตกต่างจากคนที่ตายแล้วตรงไหน" ตงฟางหรงมองหน้าฮ่องเต้อย่างเอาเรื่องเธอขยับเข้ามาใกล้ชายหนุ่มพลางเขย่งปลายเท้าพยายามประชันหน้ากับเขา "บังอาจ" ตอนนี้เหมือนฮ่องเต้จะโกรธขั้นสุด น้ำเสียงของเขาดูน่ากลัวหากแต่ในตาหญิงสาวกลับไม่มีความหวาดกลัวให้เห็น (อึ๊บไว้ฟางหรง เชิดเข้าไว้) หญิงสาวปลอบใจตัวเอง "แต่ไหนแต่ไรตำหนักแห่งนี้ก็ไม่อยู่ในสายตาฝ่าบาทอยู่แล้ว ฝ่าบาทก็แค่ทำอย่างเช่นที่เคยเป็นมา ไม่ต้องสนใจหม่อมฉัน หม่อมฉันก็จะไม่ไปให้ฝ่าบาทเห็น ต่างคนต่างอยู่" "ไม่สนใจข้าที่เป็นสามีเจ้าอย่างนั้นหรือ เจ้าวางแผนจะตัดข้าออกจากชีวิตเจ้าอย่างนั้นหรือ" ท่าทางของจวินเฟยหลงก็ไม่ยอมเช่นกัน เขาขยับเข้าใก้ประจันหน้ากับหญิงสาว (มาอีกแล้วคำถามย้อน อยากจะย้อนเวลาไปตบปากตัวเองจริงๆ ทำไมแกเป็นคนพูดอะไรไม่คิดฟางหรง) "กะ.ก็ประมาณนั้น" "ได้..งั้นต่อไปเจ้าก็อยู่ในตำหนักแห่งนี้ อย่าหวังใช้ชีวิตอิสระอย่างที่เคยเป็นมา" "ได้.. แต่บ่าวไพร่ในตำหนักของหม่อมฉันไม่มีความผิดหวังว่าฝ่าบาทจะยกโทษให้" "บ่าวในตำหนักปล่อยให้หวงกุ้ยเฟยหนีเที่ยวนอกวังไม่มีความผิดแล้วใครจะมี" จวินเฟยหลงหันประจันหน้ากับหญิงสาวที่มองเขาไม่วางตา "ความผิดทั้งหมดเป็นของหม่อมฉันเอง" "ได้.. งั้นเจ้าก็คุกเข่าแทนพวกบ่าวรับใช้จนถึงรุ่งเช้า" "ได้หม่อมฉันจะคุกเข่าถึงเช้า คนเดียว" (ฉันพูดอะไรออกไปอีกแล้วเนี่ย) จวินเฟยหลงสะบัดชายผ้าเดินออกมาอย่างผู้ชนะหากแต่ในใจกลับรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้แพ้ แพ้ทุกอย่างในศึกนี้ ... "ฝ่าบาททรงเป็นอะไรเพคะ" เสียงของผิงเอ๋อเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าของฮ่องเต้ดูเครียดจนน่ากลัว ตอนนี้ฮ่องเต้กระดกเหล้าเข้าปาก จอกแล้วจอกเล่า "ฝ่าบาทดื่มเยอะแล้วนะเพคะ" ผิงเอ๋อมองหน้าฮ่องเต้อย่างขัดใจเพราะนางรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ฮ่องเต้ต้องดื่มหนักขนาดนี้ (ตงฟางหรง)แค่คิดชื่อนี้ในใจก็ทำให้ผิงเอ๋อเดือดดาล ...... ดึกแล้วตงฟางหรงยังคงหนักคุกเข่าหน้าตำหนักไม่ไปไหน แม้ตอนนี้จะรู้สึกเจ็บแป๊บจนแทบจะทนไม่ไหว (อีกนิดเดียวใกล้เช้าแล้ว หนักกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้วฟางหรง) หญิงสาวเงยหน้ามองดวงจันทร์ที่อยู่เป็นเพื่อนเธอในค่ำคืนอันยาวนานนี้ "ทรงเป็นเช่นไรบ้างเพคะ" สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์น้ำตาไหลอาบแก้มอยู่เคียงข้างกำลังบีบนวดขาให้หญิงสาว "พอแล้วเจ้าไปพักผ่อนเถอะ" ตงฟางหรงไล่ให้สาวใช้ไปพักผ่อน "แต่.." "ไม่มีแต่ เจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว ข้ารับปากฝ่าบาทไว้แล้วจะอยู่จนถึงเช้า เจ้าไปเถอะ..ไปซิ" สาวใช้หันหลังเดินออกมาตามคำสั่งของผู้เป็นนาย หากแต่นางยังตัดใจไม่ได้ต้องหยุดมองเป็นระยะ อากาศคืนนี้ช่างเหน็บหนาวนัก น้ำค้างลงเกาะกุมหญิงสาวจนเริ่มเปียกชุ่ม นานแล้วที่ตงฟางหรงไม่เคยรู้สึกเหว่ว้าเช่นนี้ ตึกตัก ตึกตัก เสียงหัวใจของหญิงสาวเต้นรัวแรงเหมือนกำลังจะหลุดออกจากร่าง เจ็บจนร่างเล็กสั่นสะท้าน เธอทรุดตัวลงหน้าตำหนักอันเวิ้งว้างเงียบเหงาแห่งนี้คนเดียว "หวงกุ้ยเฟยเพคะ!....."
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD