ตอนที่ 3 ครั้งแรกที่เจอกัน (อีกครั้ง)

1328 Words
ชายหนุ่มรูปงามใบหน้าคม คิ้วเข้มเรียงเป็นระเบียบราวกับจับวาง ดวงตาเหยี่ยวมุ่งมั่นเปล่งประกายทอแสงระยิบระยับประดุจดั่งดวงดาวหากแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็นราวผลึกน้ำแข็งที่เกาะกุมทั่วทุกที่ในฤดูหนาว จมูกโด่งงามไร้ตำหนิ ริมฝีปากเรียวดูมีเสน่ห์ ประหนึ่งองค์เทพลงมาจุติ เมื่อชายหนุ่มก้าวเท้าไปที่ใดที่นั่นจะเปล่งประกายยิ่งกว่าแสงอาทิตย์แรกของคิมหันตฤดู หญิงใดได้สบตาจะรู้สึกราวกับตัวเองต้องมนต์สะกด ไม่เพียงแค่มีความสามารถในการบริหารบ้านเมือง เมื่อจับดาบออกรบฝีมือกลับเก่งกาจจนทั่วหล้าขนานนามว่าเทพสงคราม "จะมีคนแบบนั้นได้อย่างไร เกินจริงไปแล้ว" ตงฟางหรง มองหน้าใต้ซีที่พรรณนาเกี่ยวกับรูปโฉมของฮ่องเต้ให้ตนฟังอย่างเพ้อฝันจนน่าเหลือเชื่อ " ทุกอย่างที่หม่อมฉันทูลล้วนเป็นเรื่องจริงเพคะ ชื่อเสียงของฝ่าบาทเลื่องลือไปไกลล้วนมาจากคำพูดก่อนหน้าของหวงกุ้ยเฟ่ยเพคะ" "คำพูดของข้าอย่างนั้นหรือ" ตงฟางหรงทำหน้าไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน "เพคะ" (ดูท่าทางแล้วตงฟางหรงคงจะรักฮ่องเต้องค์นี้หัวปักหัวปำ) "แล้วความสัมพันธ์ของข้ากับฮ่องเต้ล่ะ" ตงฟางหรงถามสาวใช้อย่างสงสัยเมื่อเห็นว่าจนป่านนี้ก็ไม่เห็นวี่แววของผู้เป็นสามี ไต้ซีทำหน้าเศร้าน้ำตาคลอเบ้าก่อนจะเอ่ยตอบคำถาม ... คุณหนูฟางหรงแห่งสกุลตง เติบโตขึ้นมาในจวนของท่านแม่ทัพตงชินแม้เกิดมาเป็นลูกสาวของแม่ทัพหากแต่กลับบอบบางราวกับกลีบดอกโบตั๋นที่บอบช้ำเมื่อต้องแสงอาทิตย์กล้า บ่อยครั้งเมื่อท่านแม่ทัพกลับมาจากชายแดนคุณหนูมักจะติดตามท่านแม่ทัพเข้าวังเสมอ ทำให้ได้รู้จักกับฝ่าบาทซึ่งเมื่อก่อนยังคงเป็นแค่องค์รัชทายาท นานวันเข้าคุณหนูก็ตกหลุมรัก แม้จะไม่เคยได้พูดคุยแต่คุณหนูก็แอบมองฝ่าบาทอยู่เสมอ เมื่อคุณหนูโตพอออกเรือน สกุลตงได้รับราชโองการพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้องค์ก่อน เมื่อได้รับพระราชทานสมรสหญิงสาวรู้สึกราวกับว่าความรู้สึกทั้งหมดที่สะสมมาตั้งแต่เด็กวันนี้มีโอกาสได้เข้าใกล้เสียที และยังแอบหวังว่าจะได้รับความรู้สึกกลับมาแม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี หากแต่ในความเป็นจริงแตกต่างจากสิ่งที่คิด ความรู้สึกเพียงเสี้ยวเดียวตงฟางหรงก็ไม่เคยได้รับ คืนวันเข้าหอเจ้าบ่าวของนางยังนอนอยู่ตำหนักของกุ้ยเฟยผิงเอ๋อ ฮ่องเต้ไม่คิดจะเฉียดใกล้เรือนหอเลยด้วยซ้ำ เป็นเวลาสองปีแล้วหญิงสาวได้แต่เพียงคอยฝ่าบาทในจวนที่เงียบเหงาแห่งนี้ทุกวัน หวังว่าจะมีสักวันที่ฝ่าบาทจะก้าวเข้ามาแต่ฝ่าบาทก็ไม่เคยเสด็จมาเลย กระทั่งวันที่หญิงสาวจมน้ำก็ยังไม่เห็นผู้เป็นสามี บางทีฝ่าบาทคงลืมไปแล้วว่ามีเมียคนนี้อยู่ ชีวิตของหญิงสาวช่างน่าสงสาร ต้องทนอยู่อย่างกล้ำกลืนฝืนทน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ตงฟางหรงเศร้าใจกับสิ่งที่ได้ยิน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราต้องทนเพื่อคนที่ไม่รักเราได้มากมายเช่นนี้ ทำไมต้องทำร้ายหัวใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า "งั้นก็หมายความว่าข้าแต่งงานตั้งแต่ฮ่องเต้ยังเป็นแค่องค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ" "เพคะ" ไต้ซีตอบเสียงเศร้า "แต่ฮ่องเต้ก็ไม่สนใจข้า ไม่เคยมาหาข้าที่ตำหนักเนี่ยนะ" สาวใช้ได้แต่ผงกหัวแทนคำตอบ "บ้าไปแล้ว ทำไมตงฟางหรงนางต้องมาเจอกับผู้ชายเฮงซวยแบบนี้ด้วย นี้ชีวิตจริงหรือซีรี่ส์ดราม่าเนี่ย" ตงฟางหรงหันหน้ามองไต้ซีที่ตอนนี้กำลังร้องไห้ "เจ้าหยุดร้องได้แล้ว ต่อไปจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ข้าตงฟางหรง (เธอลุกขึ้นตบอกอย่างมาดมั่น) จะไม่ยอมให้ใครเหยียบย่ำเช่นนั้นอีก" ตงฟางหรงพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว และเธอเองหมายความว่าเช่นนั้นจริงๆ หมดเวลาของชีวิตที่อัปยศอดสูนี้ ถึงเวลาต้องปฏิวัติ "หวงกุ้ยเฟยจะทำเช่นไรเพคะ" สาวใช้เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ "เจ้าฟังข้านะใต้ซี ในชีวิตเรามีทั้งคนดีและคนไม่ดีผ่านเข้ามา คนดีเราก็เก็บไว้ส่วนใครที่ไม่ดีเราก็ตัดออกไปถือซะว่าเป็นพวกเหลือบไรเขี่ยออกไปไม่ต้องสนใจ " "หวงกุ้ยเฟยหมายความว่า" "ใช่ เราก็ตัดฮ่องเต้ออกไปจากชีวิต นับจากนี้ถือว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เขาไม่สนใจเรา เราก็ไม่ต้องสนใจเขา ใช้ชีวิตของเราให้มีความสุขชดเชยเวลาที่ผ่านมาให้ตงฟางหรงเจ้าคิดว่าอย่างไร" หญิงสาวยิ้มอย่างภูมิใจ สาวใช้ทำหน้างงกับคำพูดของหญิงสาวแม้ไม่เข้าใจแต่ก็พยักหน้ารับคำ "ดี" ในเมื่อฮ่องเต้ไม่สนใจเรา เราก็ไม่ต้องสนใจ "เมื่อเป็นเช่นนี้เจ้าไปเตรียมชุดให้ข้า" เธอหันมายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้ไต้ซี "หวงกุ้ยเฟยจะเสด็จที่ใดเพคะ" "นอกวัง" "แต่หวงกุ้ยเฟยเพิ่งจะฟื้นนะเพคะ" .................... หญิงสาวรูปร่างบอบบางตอนนี้อยู่ในชุดผ้าไหมสีดำท่าทางทะมัดทะแมงเยี่ยงบุรุษ ผมยาวถูกมัดรวบไว้ด้านบน ใบหน้าของเธอไร้การแต่งแต้มสีสันหากแต่งดงามประหนึ่งเทพธิดา ท้องถนนครึกครื้นเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา สองข้างทางมีร้านค้าน้อยใหญ่มากมายตั้งเรียงราย เสียงพ่อค้าแม่ขายตะโกนเรียกลูกค้าเข้าร้านดูครื้นเครง หญิงสาวเดินสำรวจพร้อมซึมซับบรรยากาศที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ชีวิตผู้คนที่นี่ช่างเรียบง่าย ไร้เสียงดังของเครื่องยนต์ ไร้หมอกควันเหม็นไหม้จากท่อไอเสีย แตกต่างกับชีวิตของเธอที่เคยเป็นมา รถม้าคันงาม วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ผู้คุมบังเ**ยนด้านบนดูเหมือนจะพยายามหยุดพยศแต่หากไร้ผล ฝูงชนแตกตื่นวิ่งหลบสองข้างทาง แต่ทว่าใช่ว่าทุกคนจะโชคดีหลบทัน เด็กน้อยไร้เดียงสายืนลิ้มรสความหวานของพุทราเชื่อมอยู่กลางถนนไร้ผู้คนสนใจ ตงฟางหรงรีบวิ่งเข้าไปคว้าตัวเด็กน้อยไว้แต่ดูเหมือนจะช้าไปหนึ่งก้าว ขาของเด็กน้อยถูกชนโดยล้อรถม้าสร้างบาดแผลกว้างเลือดสีแดงสดไหลออกมาเต็มขา เธอดึงผ้าเช็ดหน้าออกมากดแผลห้ามเลือดไว้ ตอนนี้ชาวบ้านมากมายกรูเข้ามาล้อมรอบดูเหตุการณ์ "เกิดอะไรขึ้น" เสียงจากชายหนุ่มรูปงามที่อยู่บนหลังม้ามองดูจากไกลๆ เอ่ยขึ้น เขาพร้อมคนสนิทควบม้าเข้าไปใกล้ก่อนกระโดดลงแล้วแทรกตัวเข้าไปในเหตุการณ์ หญิงสาวหน้าคุ้นกำลังก้มหน้าก้มตากดแผลพร้อมตะโกนเรียกคนเข้าช่วยหากแต่มีแค่คนมองเท่านั้น "ฝ่าบาท หวงกุ้ยเฟยนี่พ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์คนสนิทกระซิบฮ่องเต้ (เป็นนางจริงๆ ไม่ผิดแน่ หากแต่หวงกุ้ยเฟยที่ตนรู้จักนางบอบบางและกลัวเลือดมากกว่าสิ่งใด) ฮ่องเต้มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเลือดของเด็กน้อยไหลเปื้อนเต็มมือหญิงสาว หากแต่หญิงสาวเองกลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอันใด "นี่..นี่.." เสียงร้องเรียกของตงฟางหรงคืนสติให้ชายหนุ่ม "ยืนมองอยู่ได้ ท่านนะช่วยข้าอุ้มเด็กคนนี้ไปโรงเตี๊ยมตรงนั้นหน่อย" หญิงสาวเอ่ยกับฮ่องเต้ที่ตอนนี้หันหน้ามองเธอด้วยความประหลาดใจ (นางจำข้าไม่ได้งั้นหรือ) "นี่..จะยืนเหม่ออีกนานไหม" หญิงสาวตะโกนเรียกชายหนุ่มที่ทำท่าแปลกใจเหมือนอยู่ในภวังค์อีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD