โคร่ม!!!
เสียงรถจักรยานยนต์แฉลบล้มลงข้างฟุตบาท หลังจากที่ขับมาด้วยความเร็วสูง และเฉี่ยวชนนักศึกษาคนหนึ่งที่กำลังเดินข้ามถนน
“พระพาย! แกเจ็บไหม แกเป็นไงบ้าง” กรกนกรีบพยุงเพื่อนให้ลุกขึ้น
“แค่แผลถลอกน่ะ ฉันไม่เป็นไร โอ้ย…” ขาข้างหนึ่งของเธอยกไม่ขึ้น และรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณข้อเท้าทันทีที่เหยียบลงพื้น
“จะไม่เป็นไรได้ยังไง แกแทบจะลุกไม่ได้อยู่แล้ว ฉันโทรเรียกรถพยาบาลดีกว่า” กรกนกรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า ถนนทั้งเส้นในตอนนี้กำลังรถติด ผู้คนช่างแล้งน้ำใจไม่มีใครลงมาช่วยเลย
คนขับรถมอเตอร์ไซต์ที่เพิ่งลุกขึ้นมาได้ ก็ชี้นิ้วด่าด้วยความโกรธ
“ทางม้าลายมีไม่ข้าม แบบนี้แปลว่าพวกคุณผิดนะ แล้วรถผมก็พังเพราะพวกคุณ ชดใช้ค่ารถผมมาด้วย”
“จะเอาเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันโอนให้เลย” พรลภัสสวนกลับทันที เพราะเรื่องเงินสำหรับเธอแล้วมันเล็กน้อยมาก ทั้งชีวิตนี้ เธอก็คงจะใช้ไม่หมดอยู่แล้ว
“อืม…เจอลูกคนรวยซะด้วย ผมขอสองแสนละกัน เป็นค่าเสียเวลา ค่าซ่อมรถ แล้วก็ค่ารักษาพยาบาลด้วย”
พรกนกรีบกดโอนเงินให้คนขับมอเตอร์ไซค์ทันทีหลังจากที่ได้เลขบัญชีมา
“ขอบคุณนะครับ คุยกันง่ายๆมันก็จบไวหน่อย” คนขับมอเตอร์ไซต์เดินกลับไปที่รถ ก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วขับต่อไป
“อ้าว ไหนบอกว่ารถพัง” กรกนกมองตามด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะหันมาหาพรลภัส
“แกไม่น่าจ่ายให้มันง่ายๆเลยพระพาย คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้”
“ช่างมันเถอะหนูนา เงินแค่นี้เอง ฉันไม่คิดเยอะหรอก” พรลภัสถูกเลี้ยงดูมาด้วยเงิน เธอได้ทุกอย่างที่อยากได้ ไม่เคยมีใครกล้าขัดใจ
“ช่างมันก็ช่างมัน งั้นเดี๋ยวพาแกไปนั่งพักตรงนั้นก่อนละกัน ค่อยโทรเรียกรถพยาบาล” กรกนกพยุ่งร่างของเพื่อนอย่างทุลักทุเล ก่อนจะล้มลงด้วยกันทั้งคู่ เพราะสู้แรงไม่ไหว
“เดี๋ยวผมช่วยครับ”
เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้พรลภัสรีบเงยหน้าเพื่อมองเจ้าของเสียง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายทำให้เธอต้องหยุดหายใจไปชั่วขณะ
“พระพาย” กรกนกกระซิบเรียกเพื่อนที่กำลังเหม่อ
พอพรลภัสได้สติ เธอก็จับมือหนาที่ยื่นมาช่วยเหลือ แต่เธอก็ยังยืนด้วยตัวเองไม่ได้อยู่ดี
“ขาคุณเจ็บ ผมขอนุญาตอุ้มนะครับ”
“เอ่อ…อ๊ะ” เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร ร่างก็ลอยขึ้นจากพื้น เธอกลัวตก เลยต้องยกแขนขึ้นคล้องลำคอแกร่งเอาไว้มั่น สู้กับเสียงของหัวใจที่เต้นตึกตัก
“คุณวางฉันลงตรงนี้ก็ได้ค่ะ” พอเธอพูดจบ เขาก็ค่อยๆวางเธอลงบนเก้าอี้ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะกล่าวคำขอบคุณ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน
“โอเคๆ ผมจะรีบไป” เขาตอบกลับปลายสายไป พร้อมกับเดินแกมวิ่งไปโบกรถแท็กซี่ด้วยท่าทางเร่งรีบ
“รีบไปไหนของเค้านะ” พรลภัสพึมพำเบาๆ เธออยากรู้ว่าเขาเป็นใคร
“พระพาย แกชอบคุณคนนั้นเหรอ ฉันเห็นแกทำท่าทางแปลกๆตั้งแต่เจอเค้า” กรกนกถามเพื่อนทันทีที่สงสัย
“หนูนา ฉันอยากรู้จักเค้ามากกว่านี้ เรียกว่าชอบได้ไหมล่ะ” พรลภัสอมยิ้ม รู้สึกหัวใจพองฟูอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“จะไหวเหรอแก ดูเค้าน่าจะอายุห่างจากเราเยอะอยู่นะ”
“ไม่รู้แหละ ยังไงฉันก็จะรู้ให้ได้ว่าเค้าเป็นใคร อายุมันแค่ตัวเลข เอามาชี้วัดอะไรไม่ได้หรอก” เธอชอบในความสุขุมนุ่มลึก และดูเป็นผู้ใหญ่ของเขา ต่อให้เขาแก่กว่าเธออีกกี่ปี เธอก็ไม่สนใจ
สองเดือนต่อมา
ในวันรับปริญญาของพี่ปีสี่ พรลภัสหอบดอกไม้ช่อใหญ่ แล้วเดินผ่านผู้คนเป็นพัน มาถึงหน้าคณะบริหารธุรกิจ เธอตรงไปหาวรภพทันที
“ยินดีด้วยนะคะพี่ซัน” วรภพคือแฟนที่เพิ่งคบกันได้ไม่ถึงสองเดือน
“ขอบคุณนะครับ พระพายเป็นแฟนที่น่ารักของพี่เสมอเลย” เขาหอมแก้มเธอ พร้อมกับรับช่ออดอกไม้ ให้ช่างภาพเก็บรูป
พรลภัสใช้สายตามองไปรอบๆ เพื่อหาใครบางคนแต่ก็ไม่เจอ งานสำคัญแบบนี้ เธอคิดว่าเขาคงต้องมา โดยเฉพาะงานรับปริญญาของลูกชาย
ญาณวุฒิ เขาคือคนที่ช่วยเธอวันนั้น และวรภพคือลูกชายของเขา เขาอายุห่างจากเธอยี่สิบสามปี ปีนี้เธออายุสิบเก้า ส่วนเขาสี่สิบสอง ทว่าใบหน้าที่อ่อนเยาว์กว่าวัยมาก แถมยังหล่อเหลาเอาการไม่ต่างจากพวกหนุ่มๆ
“แล้วนี่พ่อของพี่ซันไม่มาเหรอคะ พระพายยังไม่เห็นเลย”
“เดี๋ยวก็คงมาแล้วครับ สงสัยรถติด ไว้พี่จะแนะนำพระพายให้พ่อรู้จักนะ”
“ค่ะ” พรลภัสยิ้มจนแก้มปริ เวลาที่เธอรอคอยมันกำลังจะมาถึงแล้ว เธอไม่มีทางอื่นที่จะเข้าใกล้ตัวของญาณวุฒิได้เลย นอกจากเข้าทางวรภพ เขาเป็นเจ้าของไร่ส้มที่เชียงใหม่ นานๆจะมาทำธุระที่กรุงเทพสักที
ไม่ถึงสิบนาที ญาณวุฒิก็เดินมาในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ พร้อมกับแว่นตากันแดดสีดำที่ไม่สามารถปกปิดความหล่อของใบหน้าได้เลย
“สวัสดีครับพ่อ” วรภพไหว้บิดาที่ไม่ได้เจอกันเกือบปี เพราะเขาเองที่ไม่ยอมกับเชียงใหม่
“เรียนจบแล้ว จะกลับไปช่วยงานพ่อที่ไร่ได้เมื่อไหร่ล่ะ” ญาณวุฒิยิ้มมุมปาก คล้ายว่าจะแซวลูก แต่เขากลับแฝงความจริงจังไว้ในถ้อยคำ
“คงอีกสักพักใหญ่ๆครับ ผมมีคนสำคัญอยากแนะนำให้พ่อรู้จักด้วย” วรภพตัดบท แล้วดึงแขนบิดามาใกล้ๆ ก่อนจะเรียกพรลภัสที่กำลังยืนถ่ายรูปเล่นกับกลุ่มเพื่อนอยู่ไม่ไกล
“พระพาย”
คนถูกเรียกมองไปยังวรภพ แต่สายตาของเธอกลับเห็นแต่ญาณวุฒิ สองเดือนที่ไม่ได้เจอ เขาดูดีขึ้นกว่าครั้งก่อนที่เจออีก
“นี่พ่อของผม”
“สวัสดีค่ะ คุณ…” เธอไม่กล้าเรียกชื่อของเขาทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจ
“ตรัย เรียกฉันว่าตรัยก็ได้” ญาณวุฒิกล่าวเสียงเรียบ
“คุณตรัย” เธอพยายามมองเข้าไปในแว่นตาสีดำสนิท เธอไม่รู้ว่าตอนนี้สายตาของเขาเป็นยังไง จะมองเธออยู่หรือเปล่า เธอไม่เห็นอะไรภายใต้แว่นตามีดำนั้นเลย
“ส่วนนี่พระพายครับ เป็นแฟนผม” วรภพกอดเอวพรลภัสแสดงถึงความรักและเป็นเจ้าของ
เธอยืนให้วรภพกอดอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขัดขืน วันนี้เธอตั้งใจเลือกกระโปรงตัวที่สั้นที่สุดมาใส่ เพื่อจะอวดเรียวขาสวยบนส้นสูงสีดำ เสื้อนักศึกษาสีขาวรัดรูปเห็นสัดส่วนชัดเจน เพื่ออยากให้เขาสนใจ
ญาณวุฒิเพียงแต่พยักหน้าตอบรับ และไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเธอ ทำให้พรลภัสรู้สึกไม่พึงพอใจ แสดงว่าเขาจำไม่ได้ว่าเคยช่วยเหลือเธอ
“พี่ซัน อะไรติดหน้าคะ” เธอโน้มลำคอวรภพมาหา ก่อนจะเป่าลมเบาๆ จนเศษฝุ่นปลิวออกจากแก้ม พร้อมกับชำเลืองสายตามองญาณวุฒิ และเขาก็ยังไม่แสดงท่าทีใดๆ โดยเฉพาะอาการหวงลูกชาย
“มีพระพายอยู่ใกล้ๆแบบนี้ พี่ใจไม่ค่อยดีเลย” วรภพเสียงสั่นพร่า เขารู้ดีว่าเธอนั้นช่างน่าปรารถนามากแค่ไหน
“ใจไม่ดียังไงเหรอคะ” พรลภัสถามยั่ว เธอกอดเขาตอบ
“พระพาย” วรภพทนไม่ไหวต้องข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ หากเธอยอมตกเป็นของเขา เขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหน เหมือนกับผู้หญิงที่เคยผ่านมา
“เอ๊ะ พระพายลืมไปค่ะ ว่าต้องไปช่วยหนูนาจัดห้องประชุม พระพายคงต้องไปก่อน” พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีอย่างอื่นต้องไปทำ ก็หันไปบอกลาญาณวุฒิ พร้อมกับยกมือไหว้
“พระพาย ลานะคะ คุณตรัย” เขาไม่คุยกับเธอ แต่ก็พยักหน้าเหมือนเดิม
พอพรลภัสไปแล้ว วีรภพถึงกับพ่นลมหายใจออกมา เพื่อไล่อารมณ์ที่ก่อตัวขึ้น เขาจะอดใจไม่ไหวกับเธอจริงๆเข้าสักวัน
“พระพายก็แบบนี้แหละครับ ชอบแหย่ผมเล่นอยู่เรื่อย ผมชักจะรักเธอขึ้นมาแล้วสิ” วรภพพูดกับญาณวุฒิเขาเจ้าชู้จนพ่อเริ่มเอือม และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพาผู้หญิงมาเจอพ่อ อาจจะเป็นครั้งที่สิบ ครั้งที่ห้าสิบ หรือครั้งที่หนึ่งร้อย เขาเองก็ไม่เคยนับ
“พ่อเห็นแกควงผู้หญิงไม่เคยซ้ำหน้า รักใครเป็นด้วยหรือ” ญาณวุฒิเลิกคิ้วขึ้นมองลูกชายตัวแสบ เพราะคิดว่าคงคบกับใครได้ไม่นาน เดี๋ยวก็เลิกลาเหมือนที่ผ่านมา
“แต่กับพระพายไม่เหมือนคนอื่นนะครับ ถ้าพ่อรู้จักตัวตนจริงๆของพระพายแล้ว พ่อจะชอบพระพายเหมือนที่ผมชอบ” วรภพพูดไปก็ยิ้มไปด้วย
ญาณวุฒเพียงแค่รับฟัง เขาไม่ออกความคิดเห็นใดๆ เก็บซ่อนทุกอย่างเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง
พรลภัสยังคงแอบดูอยู่ห่างๆ เธอไม่ได้จะไปช่วยกรกนกแต่อย่างใด เพียงแต่โกหกเพราะไม่อยากอยู่กับวรภพนานเกินไป ถึงแม้เธอจะชอบอ่อยเขา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะชอบที่เขามากอดมาหอม เธอยอมเปลืองตัวเพื่อจะได้เข้าใกล้ญาณวุฒิ และเธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ