ลูกสาวคนโตของเสี่ยจิว

1400 Words
“ลูกพี่ ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์คุณยายละครับ” การันต์คนสนิทถามในเช้าวันต่อมา ขณะยืนอยู่ข้างรถกระบะมองรถไถคันโตกำลังพรวนดินเพื่อไว้ปลูกพืชรุ่นต่อไป “กูเบื่อ ยายเซ้าซี้จะให้แต่งงาน” ลูกน้องผิวปากล้อเลียน “อ้อยมาประเคนถึงปากช้างแล้ว ทำไมไม่กินเลยล่ะลูกพี่” แซวไปอย่างนั้น เพราะสุนีย์กระจายข่าวเรื่องเขาจะมีเมียให้คนทั้งไร่รู้หมดแล้ว “กูไม่อยากโดนบังคับ” เจ้าของไร่หนุ่มเชิดหน้า ศักดิ์ศรี...ขอมีไว้หน่อยเถอะ การที่มียายหาเมียให้ดูลูกแหง่เกินไปในสายตาเขา “ลูกสาวคุณนายพิสมัยกับเสี่ยจิว ได้ข่าวว่าสวย เรียนจบโทมาจากกรุงเทพฯ” การันต์ได้ยินเสียงลือเล่าอ้างเรื่องพรสรวงมาจากสายข่าวที่ใกล้ชิดยายสุนีย์เช่นเดียวกัน “มึงคิดว่าคนอย่างนั้นจะยอมมาอยู่ไร่แบบนี้เหรอ” ดวงตาคมภายใต้แผงขนตาหนามองกวาดไปทั่วบริเวณไร่ดาวเรือง ที่มีอาณาเขตกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แรกทีเดียวยายบัวแก้วมีดาวเรืองแม่ของเขาเป็นลูกสาวคนเดียว ตาเป็นทหาร ทั้งสองอยากเห็นลูกมีชีวิตที่ดีไม่ต้องโยกย้ายตามอาชีพเฉกเช่นบิดาเป็น แม่เขาเรียนมหาวิทยาลัย แล้วก็ไปพบรักกับทองโปรย เด็กวัดกำพร้าที่เรียนเกษตร ตาคัดค้านหัวชนฝาที่ไปเลือกหนุ่มจน ๆ แถมยังเรียนสาขาที่ดูท่าไม่ทำเงิน แต่แม่ก็ยืนยันจะเลือกพ่อ ยอมออกจากบ้านมาลำบากด้วยกัน จนซื้อที่ได้ยี่สิบห้าไร่แล้วเกิดอุบัติเหตุ พ่อเสียชีวิตคารถ แต่แม่ไปเสียที่โรงพยาบาล ก่อนตายท่านฝากฝังไร่ดาวเรืองและเขาไว้กับตา เมื่อสิ้นลูกสาวตาก็หมดอาลัยตายอยากในการทำงาน ลาออกแล้วเริ่มมาทำไร่ ตามีฝีมือในการทำงานและหูตากว้างไกลเลือกปลูกพืชที่เป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้ไร่มีกำไรและขยายออกไปมากขึ้น จากสิบเป็นร้อยเป็นพันไร่ จนท่านจากไปเมื่อพงศพัศเรียนมหาวิทยาลัย เขาจึงเข้ามาดูแลไร่ควบคู่ไปจนเรียนจบ แค่ทำงานในไร่แต่ละวันก็เหนื่อย หัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายอยู่แล้ว ใครจะคิดเรื่องมีเมียให้หนักสมอง ถ้ายายบัวแก้วอยากเห็นเขามีครอบครัว พงศพัศก็จะมีให้ หมายถึงแค่เขากับลูก ส่วนแม่ของลูกเป็นใครก็ได้ ขอแค่ไม่หน้าตาอัปลักษณ์หรือมีโรคติดต่อทางกรรมพันธุ์ คุณสมบัติแค่นี้ก็พอแล้วที่จะมาเป็นเมียของเขา “บ่ายนี้คุณยายให้ขับรถพาเข้าเมืองครับ” การันต์รายงาน เป็นการปลุกชายหนุ่มออกจากภวังค์ “ก็ให้ลุงสอนพาไปตามเคยสิ” “คุณยายย้ำให้ต้องเป็นลูกพี่พาไปครับ บอกเป็นเรื่องสำคัญ เห็นลูกพี่ไม่รับโทรศัพท์เลยโทรหาผมแทน” คนเล่าหัวเราะแฮะ ๆ ให้ “เออ รู้แล้ว” แม้มาดจะดุ แข็งกร้าวปานใด แต่เขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับหญิงที่เลี้ยงดูมา ธุระของยายบัวแก้วที่ว่าคือการมาธนาคาร เจ้านายกับบ่าวไปกันแค่สองคนบอกให้เขารอที่รถ พงศพัศไม่ได้เอะใจอะไร เพราะปรกติหากจำต้องมาเป็นสารถีให้ยาย เขาก็สมัครใจจะรออยู่ที่รถอยู่แล้ว ประมาณบ่ายสองกว่า ๆ ยายบัวแก้วกับสุนีย์ก็กลับมา “ยังเหลืออีกที่ที่ต้องไป” คนสนิทบอกทางไปยังหมู่บ้านจัดสรรหรูที่สุดในอำเภอ กระทั่งบอกให้เลี้ยวเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง “ลงมากับยายหน่อยกระทิง” เสียงผู้อาวุโสเรียบนิ่ง ไม่มีแววอบอุ่นหรือล้อเล่นอะไรทั้งนั้น พงศพัศเริ่มแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น “คุณยาย” คำตอบมาพร้อมกับเสียงแหลม ๆ ของนางพิสมัย เขาสะดุดกึก “ฉันโทรบอกยัยมุกแล้วค่ะ อีกสักครึ่งชั่วโมงคงมาถึง” นางส่งยิ้มหวาน แต่พงศพัศกัดฟันกรอด “เข้าบ้านไปค่ะคุณกระทิง อย่าให้คุณยายเสียหน้า” บ่าวจอมวางแผนดันหลังหลานเจ้านาย “ห้ามทำตัวดื้อเป็นเด็ก ๆ” สุนีย์สำทับอย่างรู้ทัน เขาจำต้องเดินไปอย่างไม่เต็มใจนัก ห้องนั่งเล่นบ้านนี้จัดไว้อย่างหรูหรา โซฟาหลุยส์สีทองเปล่งประกายแสดงความรวยจนน่าหมั่นไส้ “กระทิงไหว้น้าไหมเสียสิ” นางพิสมัยรับไหว้ พลางนึกในใจว่าเขาดูดุดันสมชื่อเล่น ตาจ้องแบบไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ผมขอไปห้องน้ำหน่อยครับ ปวดฉี่” เสียงห้าวเอ่ยมาดัง ๆ สาวอายุรวมกันเป็นร้อยปีชะงัก เป็นพิสมัยเองที่ชี้ไปทางฟากหนึ่งของบ้าน “ทางโน้นด้านซ้ายมือ ตรงไปเลยจ้ะ” เขาเดินไปแทบจะทันที ไม่สนสายตาสาว ๆ ที่มองตามหลัง เสี่ยจิวนอกจากจะขายเครื่องมือการเกษตรและเมล็ดพืชพันธุ์แบบครบวงจรแล้ว ยังมีธุรกิจเงินกู้ให้คนเอาที่มาจำนอง ซึ่งคงทำกำไรดีอยู่ ขนาดสร้างบ้านที่ใหญ่อย่างกับวัง ทางไปห้องน้ำที่ว่าตรงไปทางซ้ายเขายังหาไม่เจอ “นี่เธอ ห้องน้ำไปทางไหน” พงศพัศเรียกสาวผมยาวที่มัดรวบไว้ข้างหลัง ใส่กางเกงโอเวอร์ไซซ์สีเขียวขี้ม้า เสื้อยืดแขนสั้นสีเทา มือประคองถาดวางแก้วน้ำไว้ “ไปทางซ้ายค่ะ” หน้าซีด...ไม่รู้จากตื่นตกใจ หรือจากสีผิวจริง “พาฉันไปหน่อย เดินหามานานแล้ว งง” เขากำลังอารมณ์เสีย ลืมไปเสียเถอะคำว่ามารยาท “ไม่งั้นอาจเยี่ยวแตกแถวนี้” การขู่ได้ผล สาวคนนั้นรีบละล่ำละลักบอก “ทางนี้ค่ะ” เธอเดินนำไปจนถึงห้องน้ำ ซึ่งไม่ไกลจากที่เขายืนอยู่ในทีแรกมากนัก “ขอบใจ” แต่แล้วชายหนุ่มก็ชะงักเมื่อเห็นสาวคนนั้นยังยืนอยู่ “ไปสิเธอ จะมายืนดูผู้ชายฉี่หรือยังไง” “ฉันกลัวคุณใช้ห้องน้ำไม่เป็น หรืออยากได้อะไรเพิ่ม” เธอแค่อยากมองให้แน่ใจว่าใช่คนที่คิดหรือเปล่า เพราะเขามีหนวดเคราเพิ่มขึ้นเยอะ “ไม่ต้อง ขอบใจมาก” พงศพัศเข้าห้องน้ำไป มัญชุพรถอนหายใจอย่างโล่งอก ...เป็นเขาจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนห่ามขนาดนี้ พูดจาไม่ระวังเลยกับผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก ขนาดเธอฟังยังทะแม่งหู หากเป็นพรสรวงต้องมีเคืองหน้าบึ้งกันเป็นแน่ “หมี่ ทำไมไม่ให้เด็กยกน้ำมาล่ะ” มัญชุพรคุกเข่า วางถาดใส่แก้วน้ำลงบนโต๊ะรับแขก นางพิสมัยที่นิ่วหน้าแปลกใจนิด ก่อนปรับให้แช่มชื่นดังเดิม เรียกหญิงสาวอย่างมีจริต “หมี่เห็นในครัวยุ่ง ๆ ค่ะ เลยไปช่วย” เธอส่งยิ้ม จริง ๆ อยากมาดูการเจรจาครั้ง อยากรู้ว่ามารดาตนจะงัดกลเม็ดใดมามัดน้องสาวให้ยอมจำนน ...เผื่อเธอเองจะได้หาทางช่วยได้อย่างทันท่วงที “นี่ลูกสาวคนโตดิฉันค่ะ ชื่อเล่นหมี่” หลังจากเสริ์ฟน้ำแล้วมัญชุพรก็พนมมือไหว้ผู้อาวุโส “ไม่เคยเห็นคนนี้ออกงานเลยนี่” ยายบัวแก้วมองหญิงสาวอย่างพินิจ คนนี้ผิวดี ผมดำเป็นเงา ตาโต จมูกโด่งน้อย ๆ ดูเรียบ ๆ ไม่สวยจัดอย่างคนน้อง “หมี่เรียบร้อย ชอบอยู่ร้านทำงานให้เฮียมากกว่า” นางพิสมัยบรรยายสรรพคุณลูกสาวคนโตพอประมาณ “แม่ไหมนี่ทำบุญมาดีนะ มีลูกสาวสองคนก็ดี คนหนึ่งชอบช่วยงานบ้าน อีกคนก็ทำงานนอกบ้านเก่ง” วาจาหวานหู เล่นเอาคนโดนชมหน้าบานแทบจะลอยติดแชนเดอเลียร์บนเพดาน “อย่าเพิ่งไปเลยหนูหมี่ อยู่คุยกันก่อน” หากรู้ว่าลูกสาวคนโตของนางพิสมัยเรียบร้อยแบบนี้ ยายบัวแก้วคงจะเชียร์คนนี้มากกว่า แต่อย่างไรได้เล่า เมื่อตัดสินใจไปแล้ว ก็มีแต่จะต้องเดินหน้าต่อ มัญชุพรอยู่ในสภาพตุ๊กตานั่งฟังผู้ใหญ่คุยกัน คอยพยักหน้าเป็นลูกคู่บ้าง ส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้บ้าง กระทั่งแขกอีกคนเดินเข้ามา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD