Episode 5
"พี่เป็นห่วงเฮียมากกว่า"
อ่า...แอร์แสนเย็นฉ่ำ มันกำลังโจมตีหนังตาผม ง่วงโคตรๆ แต่เสียงโทรศัพท์อันแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น ขัดอาการเคลิ้มจะหลับของผมจนได้ ฮู้วว ใครโทรมาวะ?!
แต่พอเห็นชื่อคนโทรมาก็นึกขึ้นได้ว่านัดกันไว้ เลยรีบกดรับ ปลายสายก็พูดขึ้นมาทันที
(หมอกกกก...ลืมนัดไปเอารถเหรอ?)
“เออ กูลืมสนิทเลย ไว้เดี๋ยวกูไปเอาเองก็ได้ กูไม่สบายนิดหน่อย”
(ถึงว่าเสียงแย่มากเลย เป็นไรมากป่าว?! แล้วนี่อยู่ไหน? อยู่กับใคร?) ปลายสายรัวคำถามใส่อย่างเป็นห่วง
“ใจเย็นมึง กูไม่ได้เป็นไรมาก อยู่คอนโดเฮียเนี่ยแหละ” ไม่อยากโกหกหรอก แต่ไม่งั้นมันคงบึ่งมาหาผมตอนนี้แน่ๆ มันขี้เป็นห่วงจะตาย
(อ้าวไปอยู่กับเฮียได้ไง)
“บังเอิญเจอกันน่ะ”
(อ๋อ เคๆ เป็นไรมากโทรหาเรานะ แล้วรถอ่ะเดี๋ยวเราไปเอาให้ละกัน หมอกพักเหอะ)
“แต๊งกิ้วมากมึง กูพักล่ะ บาย”
(บาย) ติ๊ด! เฮ้อ...ไปเจอหน้ามันตอนเรียนมันก็ต้องรู้อยู่ดี แต่ขอยืดเวลาออกไปอีกหน่อยเหอะวะ
กริ๊ง!
ใครมาอีกวะ คนอยากนอนนะเว้ย หรือเฮียลืมของ ก็ออกไปสักพักแล้วนะ ว่าแล้วผมก็เลยค่อยๆ ลุกไปเปิดประตู ก็อยากรีบหรอก แต่สังขารมันไม่เอื้อไง
แกร๊ก...
แหมเปิดมาก็เจอเลย จะใครล่ะครับ แฟนรักของเฮียนั้นเอง
“อ้าวพี่หมอก ยังอยู่ห้องเฮียเหรอครับ? แล้วทำไมหน้าตาเป็นงั้นอ่ะ?” น้องต้นมองผมด้วยความแปลกใจปนตกใจ แต่ก็ยังยิ้มแย้มอวดเหล็กดัดฟันใส่ผม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกไม่อินแฮะ
“ฮึ ตอนแรกกะกลับห้อง แต่มีเรื่องนิดหน่อย เฮียเลยให้มานอนนี่น่ะ”
“อ้าวเฮียไม่อยู่เหรอครับ?”
“อืม ออกไปสักพักละ แต่สักชั่วโมงสองชั่วโมงก็มาแล้ว เข้ามาก่อนสิ”
“ครับๆ พี่หมอกกินข้าวยังอ่ะ ผมซื้อกับข้าวมาเยอะแยะเลย” น้องต้นพูดแล้วเอากับข้าวต่างๆ ไปวางบนเคาน์เตอร์ในครัว แล้วเดินออกมานั่งที่โซฟากับผม
“กินไปเมื่อบ่ายแล้ว ไว้รอเฮียกลับ ค่อยกินพร้อมกันเนอะ” ผมพูดเสร็จก็จ้องหน้าจ้องตาน้องต้น ก็เห็นรอยจ้ำๆ ตามคอ ที่ถึงน้องจะพยายามใส่เสื้อเชิ้ตติดกระดุมจนเม็ดบนสุด แต่มันก็ยังปิดไม่มิดอยู่ดี ไม่เนียนว่ะน้อง
“พี่หมอกจ้องผมทำไมเหรอครับ?” น้องต้นเอียงคอถามผมอย่างน่ารัก
“ป่าวหรอก พี่แค่เห็นรอยตรงคอเราน่ะ”
“อะ..อ๋อ ยุง ยุงกัดน่ะครับ คันมากเลยเนี่ย” น้องมันรีบเอามือตะปบคอเสื้อตัวเองไว้ แสบสีข้างมั้ย? ถลอกหมดแล้วมั้งนั่น
“อ๋อออ ยุงคงตัวใหญ่มากสินะครับ กัดซะเป็นจ้ำๆ เลย” คิดว่ากูดูไม่ออกรึไง ยุงบ้าอะไรกัดซะช้ำขนาดนั้น “แหม ก็นึกว่าตอนมานอนกับเฮียซะอีก”
“ชะ..ใช่ๆ นั่นแหละฮะ กลับหอไปยุงกัดอีก โง่จังผมเนี่ย”
“แหม ไม่น่าโง่นะเราอ่ะ”
“ฮ่าๆ ด่าตรงๆ งี้เลยหรอ น่าจะปลอบหน่อยก็ไม่ได้” น้องมันยู่ปากใส่ผม ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงมองว่ามันน่ารัก แต่ตอนนี้มันรู้สึกเหมือนน้องมันแอ๊บๆ อ่ะ โอ๊ยหมอกรับบ่ดั้ยเด้อ
“ไม่ควรปลอบหรอกครับ หึหึ” น้องมันมองหน้าผมงงๆ ที่อยู่ๆ ก็เห็นผมหัวเราะแบบชั่วร้ายออกมา “งั้นพี่นอนพักนะ ถ้าเฮียมาก็ปลุกพี่ด้วยล่ะ” ผมว่าพร้อมล้มตัวลงนอนที่โซฟา แล้วหลับตาลงทันที
ณ จุดๆ นี้ รู้สึกอยากอยู่ห้องเฮียไปนานๆ เพราะบนโต๊ะกินข้าวตอนนี้มีกับข้าวละลานตามาก เฮียมันบ่นใหญ่ที่ผมไม่โทรบอก แกจะได้ไม่ต้องซื้อกับข้าวเข้ามาเพิ่ม ก็คนมันง่วงสมองก็เลยเบอร์ๆ 088-26- เดี๋ยวๆ ผิดประเด็น ผมก็เลยบอกแช่ตู้เย็นก็ได้มะ เฮียแกเลยยอมสงบลงไปบ้าง
“ที่ต้นซื้อมามีแต่เผ็ดๆ ทั้งนั้นเลย มึงแดกของกูแทนแล้วกัน” เฮียมันว่าพลางตักผัดผักเอย ไข่เจียวทรงเครื่องเอย ใส่จานผม
“อ้าวพี่หมอกกินเผ็ดไม่ได้เหรอครับ?”
“ใช่ครับ แต่บางทีก็อยากกินนะ ของบางอย่างถ้าไม่เผ็ดมันจะไม่อร่อย”
“แต่ตอนนี้ไม่ได้ เดี๋ยวแดกแล้วปวดท้อง แดกยาเพิ่มอีก แค่นี้ยามึงก็เยอะแล้วนะ” เฮียหมีว่าเสียงดุ
“ฮ่าๆ เฮียหมีเป็นห่วงพี่หมอกจังเลยอ่ะ เค้าอิจฉา” น้องมันหัวเราะตาปิด ดูแล้วก็ไม่ได้ประชดหรืออะไร
“ก็ต้นเป็นเด็กดีนิครับ เฮียจะว่าอะไรได้ล่ะ”
“ดีแตกอะดิ” ผมพูดเบาๆ ออกไป
“ฮะ มึงว่าไรนะไอ้หมอก” เฮียที่มัวแต่หยอกล้อกับน้องต้น หันมาถามผมอย่างสงสัย
“ป๊าว..ผมบอกกับข้าวนี่ดีต่อการแดกของผมมั๊กๆ”
“อ่อ งั้นแดกเยอะๆ ค่อยๆ ล่ะมึง เดี๋ยวปากฉีก”
“คร้าบโผม”
พอพวกเรากินข้าวเสร็จ น้องต้นก็อาสาเอาจานชามไปล้างให้ เฮียก็เลยช่วยเก็บโต๊ะ ส่วนผมซึ่งทำตัวเป็นแขกที่ดี ก็เลยเนรเทศตัวเองออกมานั่งที่โซฟา แล้วก็กินยาอีกหลายเม็ด แบบเลือกไม่ถูกเลยกินสีอะไรก่อนดี!
“งั้นเค้ากลับแล้วนะ”
“ทำไมกลับเร็วจังเลยล่ะครับ เฮียยังไม่หายคิดถึงเลย” เฮียพูดพร้อมกับดึงน้องต้นเข้ามากอดหลวมๆ
“ฮ่าๆ อ้อนเหรอ..หื้ออออ” ส่วนน้องต้นได้ยินอย่างนั้นก็เอายกมือทั้งสองข้างหยิกแก้มเฮียอย่างมันเขี้ยว
“เป็นแฟนกัน ไม่อ้อนแฟนจะให้ไปอ้อนใครล่ะ”
“หูยย น่ารักขนาดนี้ก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะ ต้องกลับไปทำงานต่อง่ะ”
“ว้า แย่จัง ยอมก็ได้ กลับไปแล้วโทรหาด้วยนะ”
“ครับ ไปละน้า..พี่หมอกต้นไปก่อนนะครับ หายไวๆ เน้อ” ผมหันไปยิ้มให้น้องต้นนิดหน่อยหลังจากที่ต้องจ้องทีวี แต่หูก็ฟังสองคนเขาสวีตกัน แหม นึกว่าลืมกูไปแล้ว กูยังอยู่ตรงนี้
พอน้องต้นออกจากห้องไป เฮียหมีก็มานั่งโซฟาดูทีวีกับผม
“เฮียดูรักน้องมันดีเนอะ” ผมเอ่ยปากพูด
“อ้าว แฟนใครใครก็รักดิวะ แต่กูก็ยังไม่ถึงขั้นรักขนาดนั้นหรอก ของอย่างนี้ต้องดูกันยาวๆ เว้ย”
“ก็ดีแล้วเฮีย เผื่อใจไว้บ้าง”
“แหม กูต้องมาฟังคนไม่มีแฟนอย่างมึงพูดด้วยหรอ?”
“ผมไม่เน้นคบเป็นแฟน แค่ขอควงแขนไปวันๆ ก็พอ ฮ่าๆ” เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้มีแฟนจริงๆ จังๆ หรอกครับ พอลองคบผมก็เลยรู้ ความรักอย่างเดียวมันกินไม่ได้ มันมีปัจจัยอะไรหลายอย่าง ซึ่งตัวผมเองก็ยังมีไม่พร้อม งานก็ต้องทำ ไหนจะเรียน ค่าใช้จ่ายเยอะแยะ ก็เลยอยู่คนเดียวดีกว่า
“ถุยเถอะ แล้วไมจุดประเด็นแฟนกูขึ้นมาวะ?”
“ป่าว ผมแค่ถามดู เห็นเฮียคบใครทีไรจริงจังทุกที”
“อ้าวกูคนแมน กูเกิดมาเพื่อเรียนรู้คำว่ารัก” คำพูดคำจานี่ลิเกฉิบหาย
“เฮียจำตอนผมปีหนึ่งได้ป่ะ? ที่ไอ้ใหม่พาผมมาห้องเฮียครั้งแรก แล้วมันบอกจะพามาเลี้ยงเหล้าที่คอนโด ที่ไหนได้แม่งพามานั่งฟังเฮียเพ้อเจ้อถึงคนชื่อฟ้าอ่ะ เชี่ยมาก หูผมนี่ชาเลยนะ” เชี่ยใหม่หลอกผมกับไอ้เบ๊บมาคอนโดนี่แหละครับ บอกจะเลี้ยงเหล้า ผมก็ถือว่าได้เพื่อนใหม่เพิ่ม เลยดีใจสุดๆ ที่ได้แดกเหล้าฟรี แต่พอมาถึงก็เจอเฮียแกเมาอยู่แล้ว ชื่อแซ่ยังไม่ทันได้รู้จักก็ลากผมกับไอ้เบ๊บไปนั่งฟังเฮียมันพรรณนาถึงความรักที่มีต่อแฟนเก่ามัน ผมจำได้หลังจากวันนั้น ผมกับไอ้เบ๊บก็เลยสนิทกับเฮียแก แต่ผมคงสนิทกว่าหน่อยเพราะเป็นคอเหล้า ไอ้เบ๊บนี่ถนัดชงมากกว่า
“ฮ่าๆๆ ตอนนั้นงานกูยังไม่ลงตัวนี่หว่า เวลาเลยไม่ค่อยมี ผู้หญิงเขาเลยหนีกู เชอะ ถ้าตอนนี้กลับมานะกูจะตอกให้หน้าหงายเลย”
“ปากดีสัด ก้มกราบสิไม่ว่า” ผมทำหน้าเอือมพูดเสียงเบา
“อย่าคิดว่ากูไม่ได้ยินนะ ไอ้หมอย!”
“ถุ้ย หมอกเว้ย!!” เชี่ยชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เสียหายหมด พ่อแม่บนสวรรค์ต้องสะดุ้งแน่ๆ
ตั้งแต่ที่ผมมีเรื่องก็ผ่านมาได้สองอาทิตย์แล้วครับ ไอ้เบ๊บก็ไปเอารถมาให้แล้ว แผลผมก็จางลงมาก เหลือแต่รอยนิดหน่อย มือก็ขยับได้ปกติ เลยได้กลับไปทำงานที่ร้านสักที หลังจากที่หยุดยาวไป มันขาดรายได้ไปเยอะนะครับ
ผมยังจำสีหน้าไอ้เบ๊บตอนที่มันเห็นผมครั้งแรกได้อยู่เลย มันรัวคำถามใส่ผมแทบไม่เป็นภาษา แล้วแม่งก็เอาแต่โทษตัวเอง เพราะมันรู้สึกเหมือนเป็นคนลากเรื่องมาหาผม ผมต้องปลอบมันแทบทุกวันว่ามันไม่ได้ผิดอะไร
“แล้วนี่หมอกจะไปอยู่ห้องเฮียเลยใช่ปะ?” ไอ้เบ๊บถามขึ้น ที่ตอนนี้เรากำลังนั่งตากแอร์เย็นๆ กันอยู่ในห้องสมุด เพราะคาบต่อไปจารย์ดันงดเซค ผมสามคนเลยมาสิงสถิตกันอยู่ที่นี่แทน
“เออ เฮียมันบอกกูจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย คอนโดเฮียก็ไกลกว่าหอเก่ากูไม่มาก มามอก็ใช้เวลาเพิ่มอีกนิดหน่อย กูก็เลยโอเค” ใช่ครับไอ้เฮียมันได้ยินผมโทรคุยเรื่องหอใหม่กับไอ้เบ๊บ เฮียมันเลยชวนให้ผมอยู่ด้วย ตอนแรกผมก็ปฏิเสธ เพราะถ้าต้องจ่ายค่าห้องแกคงไม่ไหวอ่ะ แพงตายห่า แต่เฮียก็บอกพ่อแกซื้อขาดแล้ว ค่าน้ำค่าไฟแกก็บอกไม่มีปัญหา ใช้ๆ ไปเถอะ แถมบอกดีซะอีกจะได้มีขี้ข้าให้ใช้ นี่สินะจุดประสงค์หลัก ผมเกือบซึ้งใจตอนได้ฟังครั้งแรก
“กูเริ่มไม่แน่ใจ กูหรือมึงที่เป็นน้องมัน ห่วงมึงมากกว่ากูอีก” ไอ้ใหม่แขวะผมอย่างหมั่นไส้
“ก็ใหม่ไม่มีภาระนิ แค่เรียนกับทำตัวไม่ดีไปวันๆ แต่หมอกต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยนะ”
“โอ๊ย มึงจะด่ากูก็ด่าเหอะ ทำมาเป็นใช้คำว่าทำตัวไม่ดี” ไอ้ใหม่ทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบไอ้เบ๊บ เปิดวอร์กันอีกละคู่นี้
“ไม่เอาอ่ะ พ่อแม่เราอบรมมาดี” ผมนี่รีบหันไปจับมือกับไอ้เบ๊บเลยครับ พูดถูกใจพี่
“ก็ดีแล้ว...เดี๋ยวนะ มึงด่ากูว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนเหรอ?!!” ตอนแรกไอ้ใหม่ก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่พอประมวลผลแล้วคงคิดได้ รีบเอานิ้วชี้หน้า ตาเหลือกมองไอ้เบ๊บแทบไม่ทัน
“นักศึกษาคนนั้นน่ะ เบาเสียงด้วยค่ะ!!”
“ไม่ดีเลยนะ มารยาทไปไหนหมดเนี่ย” ยกนี้ไอ้เบ๊บวินครับ!!
วันนี้ผมเลิกงานจากร้านพี่เตราวๆ ห้าทุ่มครึ่ง เพราะคนไม่ค่อยเยอะ เลยได้กลับเร็ว สำหรับผมเวลานี้ถือว่าเร็วมากแล้วครับ แล้วตอนนี้ผมกำลังขี่ไอ้มอเตอร์ไซค์คู่ใจของผมกลับไปเอาของใช้จำเป็นที่หอ ส่วนของที่เหลือเดี๋ยวเฮียแกมาช่วยขนทีหลัง
ผมขับเลี้ยวเข้ามาในหอ แล้วเอารถไปจอดไว้ในลานจอดรถ หูก็ดันได้ยินเสียงคนคุยกันที่ข้างรถฟอร์จูนเนอร์ที่ผมจอดไว้ข้างๆ
“ส่งแล้วก็กลับไปได้แล้ว จะขึ้นไปทำไม” เอ๊ะ เสียงคุ้นๆ นะ
“ทำไม กลัวใครเห็นรึไง?” นี่ก็คุ้น
“ใช่! ไม่อยากให้ใครเห็น” ชัดเลยว่ะ
“หึ มึงทำอะไรไม่เคยคิดถึงใจกูเลยนะ” มันคือเสียงไอ้น้องต้นกับน้องชินชู้รักนี่เอง!
ผมเลยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วก็รีบเดินผ่านกะจะขึ้นหอไปยังเนียนๆ
“พี่หมอก!!!” หรือกูไม่เนียน รู้งี้เปลี่ยนสีให้กลมกลืนไปกับพื้นถนนซะก็ดี
“หะ...ฮะ อ้าว! น้องต้น กับ เอ่อ ชินใช่ป่ะ?” จะเนียนเราต้องเนียนให้สุดครับ อีกก้าวเดียวก็จะได้วิ่งขึ้นบันไดแล้วแท้ๆ
“พี่หมอกมาทำอะไรทีนี่ครับ?” น้องต้นรีบเดินมาถามผม
“อ๋อ พี่อยู่หอนี้น่ะครับ กลับมาเอาของ เฮียบอกเราแล้วใช่ป่าวว่าพี่จะย้ายเข้า” น้องมันหน้าเสียเลยพอได้ยินชื่อเฮีย แต่ก็พยักหน้าอย่างฝืนๆ “ครับ บอกแล้ว”
“พี่หมอกหวัดดีครับ” ไอ้น้องชินเดินตามมาไหว้ผม
“อ่า ดีครับ เราสองคนก็อยู่หอนี้เหรอ?” ทำไมกูต้องถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วด้วย
“ป่าวครับ ผมมาส่งต้นมันน่ะ”
“มึงกลับไปได้แล้ว เสนอหน้าอยู่ได้” น้องต้นว่าพลางผลักหัวชินเต็มแรง
“หึ กูกลับก็ได้ ไปนะพี่” ชินมันว่าแล้วเดินกลับไปขึ้นรถฟอร์จูนเนอร์คันนั้นแหละ แล้วออกตัวไปทันที
พอชินไปแล้วผมก็หันกลับมามองหน้าเครียดๆ ของน้องต้นแทน “ต้นคิดว่าพี่ไม่ได้ยินหรอ?” ผมอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป เพราะน้องทำเหมือนเฮียโง่ เออ มันก็โง่จริงๆ แหละ
น้องมันมองหน้าผมตื่นๆ “พี่หมอกได้ยินอะไร มันไม่มีไรนะ!” น้องมันรีบพูดจนลิ้นแทบพันกัน
“เฮ้อ...พี่เห็นตั้งแต่วันนั้นที่หน้าร้านแล้วนะ”
“พี่เห็นหรอ?” น้องมันถามเสียงสั่น หน้างี้ซีดเป็นกระดาษเอสี่ ผมเลยพยักหน้าให้
“ไม่ใช่นะ ผมมีเหตุผล” น้องมันหลบตาพูดเสียงเบา
“เหตุผลของการนอกใจมันไม่มีจริงหรอกนะต้น” ผมพูดเสียงจริงจังกับน้องมัน “และพี่จะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของเราด้วย พี่แค่เตือน เพราะพี่เห็นเฮียมันดีกับต้นมากนะ”
“ผมรู้ แต่ผมก็สับสนอยู่ ขอเวลาให้ผมได้คิดหน่อยเถอะครับ”
“เฮ้อ..พี่ไม่เข้าใจเราหรอกนะ คิดให้ได้เร็วๆ แล้วกัน” ผมพูดแล้วตบไหล่น้องมันเบาๆ จากนั้นก็ขึ้นไปเก็บของที่ห้อง ก่อนออกจากห้องก็สูบบุหรี่แก้เครียดไปมวนนึง เดินลงจากหอก็เจอไอ้น้องต้นมันนั่งยองๆ อยู่หน้าหอ สายตาดูเหม่อลอย ผมเลยอดไม่ได้ที่จะจุดบุหรี่มวนที่สอง จากนั้นจึงลงไปนั่งข้างๆ น้องมัน
“เอาป่ะ?” ผมหันไปถามคนข้างๆ
น้องมันส่ายหน้าโดยที่ไม่มองหน้าผม ถนนข้างหน้าแม่งมีอะไร ทำไมมึงต้องมองขนาดนั้น หรือมึงเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติวะ!
“พี่จะไม่บอกเฮียจริงหรอ?”
ผมพ่นควันบุหรี่ออกมาก่อนจะตอบ “ไม่ว่ะ เกิดเฮียไม่เชื่อพี่ขึ้นมา พี่ก็หมาดิ แล้วก็ไม่อยากเสือกเรื่องของคนอื่นด้วย มันไม่ใช่ทางพี่” ยักไหล่ตบท้ายแบบคูลๆ
“หึหึ นั่นสิ แล้วพี่ไม่โกรธผมเหรอ?” น้องต้นหัวเราะในคอหน่อยๆ แล้วหันมาถามผม
“ไม่รู้ดิ เอาจริงๆ พี่เป็นห่วงเฮียมากกว่า แล้วเราสองคนก็ไม่ได้สนิทกันขนาดที่พี่จะต้องโกรธที่ต้นทำเรื่องแบบนี้ เฮ้อ...จริงๆ กูก็แอบหงุดหงิดนิดนึงว่ะ” ผมตอบพลางขยี้หัวตัวเอง
“โห ทำไมผมรู้สึกเลวและเจ็บไปพร้อมๆ กันเนี่ย”
“ฮะๆ ยังจะเล่นอีก ฮึบ..พี่ไปล่ะ เดี๋ยวไอ้เฮียโง่มันเป็นห่วง” ผมขยี้บุหรี่ลงกับพื้น แล้วลุกขึ้นสะพายกระเป๋าพลางบอกลาน้องมัน
“ขอบคุณมากนะพี่ ขับรถกลับดีๆ ล่ะ” ผมโบกมือให้น้องต้นนิดหน่อย แล้วเดินไปที่ลานจอดรถ ขี่รถกลับคอนโดทันที
ผมกลับมาถึงห้องในเวลาตีหนึ่งกว่าๆ ก็ยังเจอเฮียนั่งซดมาม่าอยู่ในครัว
“กูนึกว่ามึงไปนอนข้างถนนซะอีก ไหนบอกวันนี้เลิกเร็ว”
“เรื่องของผมมะ กลับไปเอาของไง เจอเพื่อนเลยคุยเพลินไปหน่อย” ผมบอกแล้วเดินไปนั่งตรงข้ามเฮียหมี
“กวนตีน แล้วนี่มึงสูบบุหรี่อีกแล้วเหรอ กูเหม็น! ไปอาบน้ำเลย” เฮียมันทำจมูกฟุดฟิด แล้วออกปากไล่ผม
“เอาน่า ก็เบาๆ ลงบ้างแล้ว จะพยายามไม่สูบที่นี่แล้วกัน ว่าแต่กินทำไม ดึกๆ ดื่นๆ”
“รอมึงไง กูเลยหิว” พูดไม่พอซู้ดเส้นมาม่าล่อหน้าผมไปอีก
“แหมน่ารักจังครับ เอาความจริง”
“กูรอมึงจริงๆ แล้วก็รอคุยกับต้นด้วย น้องบอกจะโทรหากู แต่นี่เงียบเลย” คันปากอยากจะเล่าเบาๆ แต่ก็ต้องยั้งไว้
“อ๋ออออ...งั้นผมไปอาบน้ำนอนล่ะ ฝันร้ายนะเฮีย”
“เออ สัดนี่อย่างกูต้องฝันดีอยู่แล้วเว้ย”
#เฮียหมีของหมอก