EP.8 เฮียหมีเขาเศร้า เราก็ต้องปลอบ

2541 Words
Episode 8 "หน้าแดงนะมึง เขิน?" ผมกับไอ้ชินนั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย เลยรู้ว่ามันเองก็เรียนคณะเดียวกับน้องต้น ซึ่งผมก็พอจะเดาออกตั้งแต่เจอกันตอนแรกแล้วว่าพวกมันน่าจะเรียนคณะเดียวกัน พอมันรู้ว่าผมก็เรียนที่เดียวกันกับมัน มันก็ดีใจออกนอกหน้ามาก ถามว่ากูดีใจไหม? “ไอ้หมอก!!!” อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงนรกจากทางด้านหลัง ผมเลยรีบหันไปดูก็เห็นเฮียยืนหน้าถมึงทึงมองผมสลับกับไอ้ชินอยู่ “คะ..ครับ” นี่ไม่ได้กลัวนะ เกรงใจอารมณ์เฮียเฉยๆ เกรี้ยวกราดมากครับ “มึงกับกูมีเรื่องต้องเคลียร์กัน กลับ!!” เฮียมันชี้หน้าสั่งผม จากนั้นก็หันไปพูดกับไอ้ชิน “ส่วนมึง! กูจะไม่ยุ่งกับต้นอีก เชิญพวกมึงตามสบายเลย!” “ว้าว ก็ดีสิครับ ผมรอวันนี้เลยนะเนี่ย” ไอ้ชินแสร้งพูดน้ำเสียงตื่นเต้น “กวนตีนกูเหรอสัดนี่!!!” โอ๊ยอารมณ์ขึ้นไปอีกแล้ว เดินพุ่งเข้ามาหาไอ้ชินเลยอ่ะ กูนึกว่ากระทิง! “เฮียยยยย พ้ออออ กลับเถอะ จบแล้วเนอะๆ กลับๆ” ผมรีบเบรกเฮียหมีด้วยการดึงแขนไว้ แล้วออกแรงลากเฮียมาที่รถ เฮียก็สะบัดแขนออกจากมือผม แหมสะบัดได้ไร้เยื่อใยมากอ่ะ จากนั้นก็หันไปทำตาขวางใส่ไอ้ชิน แล้วค่อยเดินขึ้นไปสตาร์ตรถ ส่วนไอ้ชินก็โบกมือบ๊ายบายผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมเลยได้แค่พยักหน้าให้มันแล้วรีบขึ้นรถคาดเบลต์ทันที เฮียแกก็พุ่งรถออกจากหออย่างรวดเร็ว ถ้าไม่บอกกูนึกว่าถ่าย the fast 9 อยู่นะเนี่ย! “โห้วว กว่าจะมากันได้ ไปซื้อของถึงเชียงใหม่เลยปะ หิวแล้วเนี่ยยยย” เปิดประตูมาได้ไอ้ใหม่ก็กระโจนมาที่หน้าประตูทันที คือมึงดูหน้าเฮียมึงด้วย นี่ยังอุตส่าห์พาไปแวะซุปเปอร์นะ แต่เดินนี่หน้าเหวี่ยงไปทั่ว ผมเลยให้เฮียแกกลับไปรอที่รถแล้วตัวเองก็ซื้อข้าวของเอง ดีนะเฮียยังมีน้ำใจยื่นตังให้ก่อนไม่งั้นกูมีเงิบตอนจ่ายตังแน่ๆ “แล้วนี่เฮียเป็นไรหน้าหงิกเป็นตูดเลย” ไอ้ใหม่ถามเฮียหมี เฮียแกก็แค่ปรายตามองมัน “มึงอย่าไปเซ้าซี้เฮียดิ เฮียไปอาบน้ำอาบท่าให้ใจเย็นก่อนเนอะ เดี๋ยวพวกผมทำกินกันเอง” “มึงก็ต้องอาบ!! กูเหม็นบุหรี่” โอ๊ยย เหวี่ยงกูไปอีก อีกนิดนี่เหวี่ยงกูกลับเชียงใหม่ได้เลยนะ “ครับๆ ผมทำกับข้าวเสร็จจะไปอาบทันทีครับ” เฮียมันทำหน้าพอใจเล็กน้อยแล้วก็เดินเข้าห้องไป แถมปิดประตูดังปัง ผมว่าอีกนิดคอนโดคงสะเทือนละ นี่ผมก็ไม่ได้กลัวเฮียนะ จริ๊งจริง เชื่อผม อย่าหลงไปเชื่อใคร ถุย! “เฮียหมีเป็นไรอะหมอก ทำไมต้องดุหมอกด้วย” ไอ้เบ๊บยู่หน้าถามผม แล้วหันไปมองประตูห้องเฮีย “เออ เป็นไรวะ หมี่เหลืองเหรอ?” ไอ้ใหม่มึงทำหน้าเสือกได้กวนส้นมาก “มีเรื่องมั้ยล่ะ!!” ไอ้เบ๊บว่าแล้วตบหัวไอ้ใหม่ทันที “แหม ก็เห็นเครียดกัน” ไอ้ใหม่ก็เอามือลูบหัวตัวเองป้อยๆ “เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไปทำไรกินกันก่อนเหอะ” “เราขอแค่ส่งสายตาเป็นกำลังใจนะ” “ดอก! ถ้ามึงทำคงไม่ได้แดกหรอก กูคงได้เรียกรถพยาบาลแทน” ไอ้ใหม่หันไปแขวะไอ้เบ๊บทันที “พอๆ พวกมึง วันนี้กูคงมีแววชะตาขาด กูขอแดกเสริมพลังด้านบวกก่อนเถอะ” ผมพูดแล้วรีบหิ้วข้าวของเข้าครัวทันที “สรุปเฮียกูเป็นไรวะ?” ไอ้ใหม่ถามขึ้นขณะที่เรากำลังช่วยกันทำอาหาร ซึ่งก็ทำอะไรง่ายๆ กินเอาจะได้ไม่เสียเวลา นั้นก็คือข้าวผัด ดีนะหุงข้าวทิ้งไว้ ไอ้ใหม่รับหน้าที่ล้างผัก ส่วนผมกำลังหั่นหมูกับไส้กรอกที่ไอ้เบ๊บรีเควสมาว่าต้องใส่ เพราะมันชอบมาก -_- “นั่นสิๆ รีบๆ เล่ามาเลยยยย” ไอ้เบ๊บที่เอาหน้าแนบไปกับโต๊ะกินข้าวถามเร่งเร้าผม “เสือกเรื่องเฮียกูทำไม” ไอ้นี่ก็ปากว่างไม่ได้เป็นต้องแขวะ สงสัยต้องที่หลังต้องหาอะไรให้แทะซะบ้าง “เป็นห่วงต่างหากเล่า” ไอ้เบ๊บก็ปฏิเสธตาใส คือจริงๆ มึงก็อยากเสือกทำเป็นพูดดี “เฮ้อ...ก็น้องต้นมันมีคนอื่นไง โวะ เรียกว่ามีคนอื่นป่าววะ? ไอ้ชินมันมาก่อน แต่น้องต้นก็คบกับเฮียอยู่ ซึ่งไอ้ชินกับน้องต้นก็ไม่ได้คบกันนะ กูงงวะ พวกมึงงงปะ?” คือกูเริ่มงงกับสถานะของสามคนนั้นแล้วอ่ะ “ฮะ ไอ้เด็กนั่นกล้านอกใจเฮียกูเหรอวะ?” ไอ้ใหม่ถามเสียงเครียด “ก็ไม่เชิงนอกใจนะ แค่ไอ้ชินกับน้องต้นมีซัมติงกันอยู่ แล้วน้องมันก็ดันมาคบกับเฮียมึง” “หู้ววว ละครน้ำเน่าชัดๆ แล้วชินนี่ใครอะ?” ไอ้เบ๊บนี่ทำน้ำเสียงตื่นเต้น เหมือนเจอเรื่องสนุก ผมเลยเล่าเรื่องตั้งแต่เจอน้องมันนัวไอ้ชินที่หน้าร้านพี่เตจนเรื่องที่เจอมาวันนี้อย่างเมามัน พอผมเล่าจบ ไอ้ใหม่นี่ทำหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อผมเลย ส่วนไอ้เบ๊บก็ทำหน้าอึ้งเล็กน้อย “เหี้ยมาก!” ไอ้ใหม่สบถ แล้วตบโต๊ะฉาดใหญ่ จนผมกับไอ้เบ๊บสะดุ้ง “เพิ่งรู้ตัวเหรอ?” นี่ก็เล่นไม่ดูหน้าเพื่อนมึงเลยไอ้เบ๊บ “เออ..ถุย! ไม่ใช่ กูหมายถึงไอ้เด็กต้น แล้วก็มึงด้วย!” มันหันไปตบหัวไอ้เบ๊บเบาๆ ส่วนหัวผมนี่มันใส่เต็มแรงอ่ะ ไอ้สองมาตรฐาน! ไอ้คนรักเพื่อนรักลูก?ไม่เท่ากัน! “เอ้ากูผิดไรมาด่ากูวะ?” ผมลูบหัวตัวเองป้อยๆ ฮือ เจ็บ “ก็ไมมึงไม่บอกเฮียไปวะ?” “เชี่ยใครจะกล้า อีกอย่างเรื่องของเขาสองคนมะ แถมน้องมันขอกูไว้อีก” “อิโง่ มึงบอกกูก็ได้นิ กูน้องมัน กูเตือนมันได้” แล้วมันก็ตบหัวผมอีกรอบ สองครั้งแล้วนะ แค้นนี้รอวันชำระ! “กูบอกมึงไปเดี๋ยวมึงแม่งไปเล่นใหญ่เป่าหูเฮียจนต้นมันอาจกลายเป็นฆาตกรฆ่าคนเลยมั้ง อีกอย่างน้องมันอยากเคลียร์เอง กูก็เห็นว่ามันก็ดูรู้สึกผิดอ่ะ” “เฮ้อ...เออๆ แต่มึงคงต้องเคลียร์กับเฮียเหมือนกันสิ กูคงไม่ช่วยนะ” จ้า เพื่อนที่แสนดี “เออดิ กุอุตส่าห์เงียบไว้ น้องแม่งเล่นถามกูต่อหน้าเฮียเลยว่ะ กูตายแน่ๆ” “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเราเป็นเจ้าภาพให้ หมอกอยากจัดวัดไหนอะ?” ไอ้เบ๊บเข้ามากอดแขนผมถามด้วยความเป็นห่วง...ห่วงมากเลยสินะ “กวนตีนละ เอารีบครับรีบ รีบทำรีบแดก จะได้ทำงานต่อ” ผมผลักหัวมันออกจากแขนแล้วก็หันมาตั้งใจทำข้าวต่อ เรื่องเฮียค่อยว่ากัน ขอต่อเวลาตายก่อนนะ พอพวกผมทำข้าวผัดเสร็จเราก็จ้วงกินเหมือนสัตว์ร้าย?ผู้หิวโหย จนมานั่งทำงานต่อ ผมก็ไม่เห็นเฮียจะออกจากห้องมากินข้าวเลย หรือตกส้วมตายไปแล้ววะนั่น “ไอ้ใหม่มึงลองไปดูเฮียดิ ไม่ใช่คิดสั้นฆ่าตัวตายไปแล้วนะ” ผมเงยหน้าจากการพิมพ์รายงานในแล็ปท็อปของไอ้ใหม่แล้วบอกมัน “กูตัดโมอยู่เห็นปะ?” “นั่นเฮียมึงนะ โมสำคัญกว่าว่างั้น” “เออ! มึงแหละไป” “ทำไมต้องกู” “เพราะมึง มี ความ ผิด!” ไอ้ใหม่ที่นั่งอยู่อีกฝากกำลังตัดโมอยู่เอาคัตเตอร์ชี้หน้า แล้วเน้นทีละคำใส่ผม “หึยๆ เออๆ” ผมลุกขึ้นอย่างจำใจ เดินไปหน้าห้องเฮีย แล้วเคาะห้องดูก็ไม่มีเสียงตอบรับ ผมลองบิดประตูดูก็ปรากฏว่าไม่ได้ล็อก เลยเปิดเข้าไป ปกติผมก็เข้าห้องเฮียแกไม่บ่อยอยู่แล้ว จะเข้ามาแค่เอาผ้าไปซักให้ กับทำความสะอาดนิดหน่อยเพื่อตอบแทนที่เฮียให้มาอยู่ห้องฟรีๆ แลดูเป็นคนกตัญญูจริงๆ กู ภายในห้องของเฮียก็ออกจะเรียบๆ โทนขาวๆดำๆ สไตล์ผู้ชายคลูๆแมนๆ แกบอกผมแบบนั้น คิดดูขนาดพวกผ้าห่ม หมอน ผ้าปูยังเป็นสีดำอ่ะ คงคอนเซ็ปต์สุดๆ ผมมองเข้าไปก็เห็นเฮียหมีนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง และคาดว่าคงอาบน้ำแล้ว เพราะแกใส่กางเกงขายาวนอนอยู่และที่หัวก็มีผ้าขนหนูผืนเล็กโปะหัวไว้ ผมเดินไปหัวเตียง แล้วเอามือเขย่าไหล่แกเบาๆ “เฮียหลับหรอ เอาหน้าจุ่มเตียงขนาดนั้นเดี๋ยวก็ตายหรอก หรือนี่คือการฆ่าตัวตายแบบใหม่อะ?” “กูไม่โง่ขนาดนั้นหรอก” เฮียมันหันหน้ามามองผมด้วยสายตานิ่งๆ ฮือ กูกลัวแล้วจ้า “ฮะๆ เนาะ เฮียแข็งแกร่งจะตายไป” ผมหัวเราะเบาๆ เพื่อให้บรรยากาศมันคลายลง แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ให้ความร่วมมือเเท่าไหร่ “มึงมาก็ดี กูมีเรื่องอยากคุยพอดี” เฮียมันยันตัวลุกขึ้นมานั่งดีๆ แล้วใช้สายตาประมาณว่าให้ผมไปนั่งที่เก้าอี้โต๊ะทำงานเฮียแก ผมเลยเดินไปทิ้งตัวนั่งแล้วทำตัวเรียบร้อย ประสานมือไว้ที่ตัก ถ้ายกขาขึ้นมานั่งพับเพียบได้คงทำไปแล้ว แต่กลัวอีกคนจะคิดว่าผมประชดซะเปล่าๆ “เฮียมีไรเหรอครับ?” ผมทำหน้าตาใสซื่อถามอีกฝ่ายออกไป “มึงไม่รู้จริงๆ?” เฮียมันกอดอกจ้องหน้าผม ผมเลยเลื่อนสายตาไปที่อื่นที่ไม่ใช่หน้าเฮียแก อืม..ซิกแพคแน่นสุดๆ? เหมือนเฮียจะคล้ำขึ้นด้วยแฮะ “ต้องให้กูพูดเอง?” “โถ่วเฮีย ผมขอโทษ ก็น้องบอกอยากเคลียร์เอง ผมเป็นคนนอกจะไปยุ่งได้ไงอะ” ผมยกมือไหว้เฮียท่วมหัว อยากจะแถมกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ให้ด้วยเลยเนี่ย “กูดูเป็นควายมากเลยสินะ” “บะ..บ้า หล่อขนาดนี้จะเป็นควายได้ไง ต้องเป็นเทพบุตรแน่ๆ” ยอเท่านั้น เราต้องยอจนกว่าเฮียจะหายโกรธ เพราะอย่างเฮียหมีนี่เลยคำว่าควายไปไกลแล้วละ ดีนะแค่คิดในใจ “มึงรู้มานานขนาดไหนแล้ว?” “เรื่อง?” “เรื่องที่ต้นมันมีคนอื่นไงวะ!!” เฮียมันตบเตียงอย่างอารมณ์เสีย “ใจเย็นจ้า ก็หลังจากที่รู้จักน้องไม่นานแหละครับ” ผมรีบยกมือเป็นเชิงบอกว่ายอมแพ้แล้ว “เชี่ยเอ๊ย พูดแล้วกูหงุดหงิด แม่งเสือกบอกได้กับไอ้เหี้ยนั้นก่อนกู แล้วมาคบกูทำซากไรวะ แล้วดูๆ กูออกจะหล่อ รวย เพอร์เฟกต์ขนาดนี้ ก็น่าจะลืมๆ ไอ้เด็กเหี้ยนั้นไปดิ” อือหื้อขนาดจะด่ายังเอาดีเข้าตัวได้อ่ะคนเรา ยอมใจ “เอ่อ..ผมไม่มีความเห็นอ่ะ แล้วสรุปเฮียกับน้องนี่ยังไง?” “ก็เลิกดิวะ!! ต้นมันบอกไม่อยากทำให้กูดูโง่อีกแล้ว ส่วนกูต่อให้อ้อนวอนกูก็ไม่กลับไปคบแล้วปะ กูดูควายขนาดนี้ เชี่ย ไม่ใช่ควายธรรมดานะ ควายป่าในทุ่งหญ้าแอฟริกาเลยมั้งเนี่ย!” “เอ่อ ควายป่าในทุ่งหญ้าแอฟริกานี่มันตัวใหญ่กว่าเหรอครับ?” ผมเกาหัวแกรกๆ แล้วถามออกไปอย่างงงๆ “เออ!! เพราะมีคนทำให้กูดูเป็นควายป่าไง” สายตาเชือดเฉือนพุ่งตรงมาที่ผมทันที อีกนิดตัวผมคงขาดเป็นสองท่อน “โหย..เฮีย ขอโทษ ขอโทษจริงๆ มามะ เดี๋ยวกอดปลอบ” ผมกะจะแกล้งให้เฮียคลายเครียดลง เลยขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้ๆ เฮียหมี แล้วยื่นมือออกไปกอดคนตรงหน้า แล้วลูบหลังเฮียเบาๆ รู้สึกได้เลยว่าเฮียตัวเย็นมากๆ เพราะไม่ได้ใส่เสื้อ แอบรู้สึกจั๊กกะจี้ที่คอตัวเองเบาๆ เพราะเฮียแกเล่นซุกหัวลงมา แถมลมหายใจแกมันก็เป่ารดต้นคอผมอยู่ด้วย เดี๋ยวนะกะจะแกล้งให้เฮียแกดีดตัวออกเล่นๆ ไหงกลายเป็นกอดผมซะแน่นเลยวะ มือเฮียก็ลูบหลังผมไปมา สรุปใครปลอบใคร “ฮะ...เฮีย แน่นไปป่าววะ” ผมถามเฮียเสียงสั่นเบาๆ เพราะในห้องมันหนาว? “กูอกหัก กูต้องการกำลังใจ แค่นี้ไม่ได้เหรอ” ผมไม่เห็นว่าสีหน้าเฮียมันเป็นยังไง แต่เสียงแกฟังดูหงอยๆ “ได้ดิเฮีย กอดให้พอใจเลยครับ” อาจเป็นเพราะเฮียเริ่มกอดผมแน่นขึ้น ผมเลยรู้สึกถึงอกแข็งๆ ของเฮียที่แนบสนิทกับอกของผม แล้วยังรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมออีก “อืม” เฮียมันก็นั่งกอดผมไว้อยู่อย่างนั้นนานมากๆ จนผมเริ่มเมื่อยหลัง เพราะยืดตัวเข้าไปกอดเฮีย หรือให้เฮียกอด อันนี้ก็เริ่มไม่แน่ใจ “เฮีย ผมปวดหลังแล้วอ่ะ” “อีกแป๊บดิ คอมึงหอมดี” อ๋อได้ดิแค่คอผมหอมเอง...เดี๋ยวนะ ผมรีบผละออกจากเฮียด้วยการกระชากหัวแก ไม่ต้องมีมันละไอ้ความรู้สึกผิดเนี่ย ใช่เรื่องที่มาดมซอกคอกูมั้ย สงสัยแรงไปนิดเพราะเฮียหมีร้องเสียงหลงเลย “โอ๊ย! กูเจ็บนะ มึงกล้าทำกูเหรอ?” เฮียหมีรีบดึงมือผมออกจากหัวแก แล้วถลึงตาใส่ผม “ผิดประเด็นปะวะเฮีย ให้กอด ไม่ได้ให้ดมคอเว้ย!” ผมว่าเสียงดัง “เอ้า...ก็มึงเข้ามากอดกูเองนะ กูผิด?” เฮียมันทำหน้าตาเหลอหลา “อย่างนั้นก็ไม่ใช่ปะวะ นี่เหรอคนอกหัก ไม่บอกนึกว่าพวกโรคจิต” “ก็คอมึงหอมจริงๆ นิหว่า น่าซุกด้วย” นี่เฮียมึงพูดจริง หรือแกล้งแหย่กูเล่นวะเนี่ย กูกลัวนะ!! “ไอ้เฮียยยยย ไอ้บ้า” ผมพูดแล้วเอามือไปตีอกมันดังป้าบ “มึง! มึงหลอกจับนมกูเหรอ” เฮียมันรีบเอามือปิดนมมันไว้ทันที โอ๊ยกูจะบ้าใครจะไปอยากจับอกแบนๆ แน่นๆ? แข็งๆ? แบบนั้นวะ มีแต่กล้ามเนื้อ แบบผมต้องอมดูมๆ เด้งๆ ดิ “โวะ ใครจะอยากจับ ต่อปากต่อคำขนาดนี้ คงกินข้าวได้ละมั้ง ไปกินข้าวดิเฮีย ผมอุตส่าห์ทำ” ผมบอกแล้วรีบลุกเดินไปเปิดประตูให้เฮีย คือเริ่มไม่แน่ใจล่ะว่ามันเศร้าจริงรึเปล่า กวนตีนขนาดนี้ “หน้าแดงนะมึง เขิน?” “ขงเขินไรล่ะ! ผมขนลุกที่เฮียทำต่างหาก” คนแมนๆ ที่ไหนเขาจะเขินกันง่ายๆ บ้าแล้ว “หึหึ เออๆ ถึงกูจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว แต่มึงก็ยังมีความผิดอยู่นะ” เฮียลุกขึ้นจากเตียงเดินออกมาแต่ยังไม่วายชี้หน้าคาดโทษผมไว้ “คร้าบๆ ผมทราบแล้วครับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD