Episode 3
"มึงเป็นเพื่อนน้องกู ก็เหมือนเป็นน้องกู"
ตกเย็นหลังจากพวกผมเรียนเสร็จ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนเป็นซอมบี้ที่ไม่รับรู้สิ่งใดๆ ไปเรียบร้อยแล้ว กระโดดกัดคอจารย์ได้ป่าววะ สอนไรเยอะแยะ ผมนี่อยากจะขอเอื้อ เอื้ออออ...แรงหมดล้าว ขอ skip ตัวเองไปนอนหลับที่เตียงเลยได้ไหม?
“กูเหมือนจะตาย” เสียงไอ้ใหม่ดูระโหยโรยแรงมาก ถ้ามึงคลานลงไปที่พื้นด้วยจะสมบูรณ์แบบสุดๆ
“เราด้วย เหนื่อยอ่ะหมอก งือออ” มันอ้อนด้วยการเอาหน้ามาถูไหล่ผม ถูจนเลขจะขี้นละสัด
“ป่ะ งั้นไปซื้อติมกินกัน มึงไปปะ?” ผมหันไปถามไอ้ใหม่
“ไม่อ่ะ แม่งโทรตามกูยิกๆ เนี่ย ไปละ กูจะกลับไปเคลียร์ เลิกเป็นเลิกเว้ย!” มันพูดพร้อมเดินไปคร่อมบิ๊กไบค์ของตัวเองที่ลานจอดรถและออกตัวไปอย่างรวดเร็ว
“หมาเป็นไรอะ” ไอ้เบ๊บหันหน้าอึนๆ มาถามผม
“มันทะเลาะกับนายน่ะ กูละเบื่อ”
“อ๋อ...เราไม่ชอบนายเลย นิสัยไม่ค่อยดี”
“เอาน่าเดี๋ยวมันก็เลิกกันละ กูฟันธง” ที่ผมพูดนี่คือไม่ได้แช่งนะ แต่ดูจากรูปการณ์แล้วคงต้องเป็นแบบนั้น ไอ้ใหม่ไม่ใช่คนใจเย็น แถมขี้เบื่อสุดๆ
“ขอให้จริงเถอะ” เบ๊บมันยู่ปากพูด ผมเลยอดไม่ได้ที่ต้องเอานิ้วไปคีบปากมันเล่น
“งืออ เจ็บนะ โทษจากการทำให้เราเจ็บ หมอกต้องเปลี่ยน เป็นเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ไอติมหลังมอเดี๋ยวนี้!”
“ฮ่าๆ เอออออ ได้ๆ เอารถมึงไปนะ รถกูยางแบนอยู่หอเฮียหมี”
“เย้ๆ ไปเลยยยย”
ตอนนี้เราสองคนกำลังนั่งละเลียดไอติมอย่างช้าๆ ผมว่าคงเป็นผมคนเดียวมากกว่าครับ เพราะไอ้คนตรงข้ามนี้จ้วงเอาๆ มึงตายอดตายยากมากสินะ “มึงค่อยๆ กินดิ เลอะปากหมดละ” ผมพูดพลางยื่นทิชชู่ให้มันเช็ด แต่มันกลับยื่นหน้ามาให้ผมแทน
“เช็ดให้เราหน่อยสิ”
“มึงนี่อ้อนเก่งจริงๆ เลยนะ” ปากผมก็พูดไป แต่ก็ยอมเอื้อมมือไปเช็ดให้มัน
“เราก็อ้อนแค่บางคนเถอะ ว่าแต่วันนี้ไปทำงานปะ?”
“ไปดิ มึงไปส่งกูหน่อยละกัน แล้วฝากเอารถไปซ่อมให้ด้วย”
“ได้สิ แย่จริงๆ เลยนะ เอาลูกเราไปแล้วก็ดูแลไม่ดี”
“ให้มันน้อยๆ หน่อยกูซื้อต่อมึงมาเถอะ” ผมพูดพลางเอามือไปเขกหัวมันเบาๆ รถมอเตอร์ไซค์ที่ผมขี่เป็นรถที่ผมซื้อต่อมาจากไอ้เบ๊บ เป็นรถคาวาซากิZ250 ไอ้เบ๊บให้เหตุผลกับแม่มันว่ามันขี่แล้วมันไม่แมน เลยเอามาขายผม ส่วนมันไปซื้อรถเต่ามาขับแทน แมนสัสๆ รถนี่ผมก็รักเหมือนลูกนะ ทำงานตั้งแต่ปีหนึ่งเพิ่งผ่อนให้มันหมดไปเดือนที่แล้วเองครับ
อีกอย่างงานที่ผมทำตอนนี้ก็คือ เล่นกีตาร์กลางคืนที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง แถวๆ มอเนี่ยแหละ รายได้ถือว่าดีมาก ตอนปีหนึ่งยังเรียนไม่หนักผมก็ทำมันทุกวัน ได้ตังเยอะพอสมควร พอขึ้นปีสองมาก็ต้องเริ่มเบาลง เพราะขนาดเปิดเทอมมาได้เดือนกว่าๆ รายงานและการบ้านเริ่มทยอยมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย ผมเลยต้องขอเจ้าของร้านไปทำอาทิตย์ละสี่วันแทน ซึ่งเจ้าของร้านเป็นผู้ชายชื่อพี่เต เขาค่อนข้างเอ็นดูผม เลยไม่ว่าอะไรเพราะเห็นว่าขยัน แล้วก็เข้าใจว่าตอนนี้ก็ผมเองก็เริ่มเรียนหนักแล้วด้วย
“เออ ว่าแต่ทำไมไม่กลับหอ มีอะไรรึเปล่า?” เบ๊บทำหน้าเครียดถามผม
“นิดหน่อยน่ะ ไม่มีไรหรอก”
“ไม่นิดแล้วมั้งถึงกับนอนหอไม่ได้ บอกมาเลยเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้ว อย่ามาปิดนะ!” ใช่ครับผมกับเบ๊บเป็นเพื่อนเรียนที่เชียงใหม่กันมาตั้งแต่มอหนึ่ง ตอนนั้นมันอยู่กับน้า พ่อแม่มันทำงานอยู่กรุงเทพตั้งแต่มันเด็กๆ มันเลยชวนผมมาเรียนต่อที่กรุงเทพ ตอนแรกๆ ผมก็นอนที่บ้านมันแหละครับ แต่เริ่มเกรงใจเลยออกมาเช่าหออยู่คนเดียวดีกว่า
มันเลยเป็นคนที่ผมไว้ใจมากที่สุด เพราะกับไอ้ใหม่ผมก็เพิ่งรู้จักตอนปีหนึ่ง บางเรื่องเกี่ยวกับผมมันเลยไม่รู้ แต่มันเป็นคนประเภทที่ไม่คาดคั้นอะไร คืออยากเล่าก็เล่า เลยอยู่ด้วยแล้วสบายใจ แต่กับไอ้เบ๊บนี่ไม่ได้เลย เพราะมันดูผมออกทะลุปรุโปร่ง
“เฮ้อ...ลุงกูไง” ผมเริ่มเปิดปากเล่า
“เฮ้ย! ลุงตามมาที่นี้เหรอ?” มันทำตาโตอย่างตกใจ
“ไม่ใช่ แต่เป็นไอ้เหี้ยคิม มึงจำได้ปะ?”
“ฮะ ไอ้คิมเด็กเจ๊มิ้นท์ที่เป็นคนปล่อยเงินกู้อ่ะนะ” มันรู้จักก็ไม่แปลกเพราะมันก็ไปบ้านลุงผมบ่อย ตอนที่ผมอยู่กับเขา แกชอบยืมตังเจ๊มิ้นท์แล้วให้ไอ้คิมมาทวงบ่อยๆ
“เออ มันมาหากูที่ห้อง จะมาเอาเงินกู กูยังงงอยู่เลยว่ามันรู้ได้ไงว่ากูอยู่นี่ เพราะกูไม่เคยบอกลุงนะว่ากูอยู่ที่ไหน” ผมยังไม่ได้เผชิญหน้ากับมันหรอกครับ เพราะเดินขึ้นบันไดหอไปแล้วเหลือบไปเห็นมันยืนอยู่หน้าห้องผม ตอนแรกนึกว่าตาฝาด แต่มองอีกทีเลยต้องหลบ แม่งคือลงทุนมาก มาจากเชียงใหม่เลย ดูก็รู้ว่าลุงต้องไปเอาเงินเจ๊มิ้นท์มาแน่ๆ และคงไม่ใช่น้อยๆ ไม่งั้นมันคงไม่ตามจะมาเอาเงินที่ผมถึงกรุงเทพหรอก
“แหะๆ ลุงหมอกโทรหาเราอ่ะ เขาบอกรู้สึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับหมอก เขาบอกแค่อยากรู้ว่าหมอกอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง” ไอ้เบ๊บมันตอบเสียงเบา พลางก้มหน้าก้มตามองมือตัวเอง
“ไอ้เบ๊บ!! มึงบอกลุงทำไมเนี่ยยย? ปกติมึงไม่ใช่คนเชื่ออะไรง่ายๆ นี่หว่า” ผมว่าอย่างหัวเสีย
“ฮือออ...เราขอโทษ เขาเล่นพูดชักแม่น้ำทั้งห้าขนาดนั้น เราก็เลยเชื่อง่ะ” มันพูดพร้อมยกมือไหว้ท่วมหัว
“เฮ้อออออ....” ถอนหายใจทีนี่กูรู้สึกอายุตัวเองสั้นเพิ่มไปอีกสิบปีเลย “ช่างแม่งเหอะ กูคงต้องย้ายหอหนีมัน เดี๋ยวคืนนี้กูจะเข้าไปเอาของ แล้วไปขอนอนร้านพี่เต” บางคนอาจคิดว่าแค่เรื่องเงิน ผมจำเป็นต้องย้ายหอหนีเลยเหรอ จำเป็นสิครับ! ก็ถ้าลุงรู้ที่อยู่ของผมแล้ว อีกหน่อยเจ้าหนี้แกคงมารังควานผมไม่เลิกรวมทั้งตัวแกเองด้วย หาที่อยู่ใหม่เนี่ยแหละคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้วครับ
“เฮ้ยถึงกับจะย้ายเลยหรอ?”
“เออดิ เกิดเจอมันอีกกูจะซวยเอา”
“งั้นหมอกมานอนบ้านเราก่อนก็ได้นะ เรารู้สึกผิดอ่ะ”
“ไม่ดีกว่า วันนี้กูเล่นดนตรีดึก กว่าจะเลิก เดี๋ยวรบกวนพ่อแม่มึง”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย คิดมาก”
“เอาไว้ถ้าพรุ่งนี้กูไม่ทำงานเดี๋ยวไปนอนละกัน โทษฐานที่มึงทให้กูซวย มึงต้องพากูไปหาหอใหม่ เอาที่ถูก ดี และปลอดภัยด้วย”
“คร้าบบบๆ รับทราบ งั้นเดี๋ยวไปเดินห้างฆ่าเวลามะ?”
“ก็ดีเหมือนกัน เบื่อๆ ว่ะ”
“งั้นไอติมนี่เดี๋ยวเราเลี้ยงไถ่โทษเองละกันเนอะ”
“สมควรแล้วป่ะ”
“หมอก ไงพรุ่งนี้จะโทรหานะ เดี๋ยวพาไปเอารถ”
“เออ ไปๆ ดึกแล้วเดี๋ยวพ่อแม่มึงเป็นห่วง” ผมรีบบอกมันหลังจากที่ลงรถมาแล้ว จากนั้นมันก็ยิ้มแป้นให้ผมแล้วขับรถออกไป
ผมมาถึงร้านพี่เตราวๆ สามทุ่ม ซึ่งจริงๆ ผมขึ้นเล่นสี่ทุ่มนู่นแหละ แต่ก็มาช่วยงานส่วนอื่นที่ร้านก่อน พี่เตจะได้เอ็นดูยิ่งยิ่งขึ้นไป “หวัดดีครับพี่เต” คือไม่ต้องสงสัยนะครับว่าทำไมเรียกร้านพี่เต คือร้านชื่อ ร้านพี่เต แกบอกจะได้รู้ว่าเป็นร้านแก อินดี้ไปอีกคนเรา
“อ้าว มาเร็วจังวะ มาก็ดีช่วยเสิร์ฟหน่อยนะ”
“ได้ครับ ว่าแต่ผมยืมกีตาร์พี่มาเล่นได้ป่ะ ผมไม่ได้กลับหออ่ะ เลยไม่ได้แบกมา”
“ได้ดิวะ เอ้าเร็วเลยเสิร์ฟๆ วันนี้คนเยอะสัด” พอพี่เตพูดจบผมก็รีบพยักหน้ารับ “ครับๆ ไปแล้ว” แล้วเดินไปช่วยตรงโซนยกอาหารและเครื่องดื่ม เพราะตั้งแต่ผมเดินเข้ามาในร้านก็เห็นคนเกือบเต็มทุกโต๊ะแล้ว เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ด้วย อีกอย่างที่ร้านบรรยากาศก็ดี เหมาะกับการมานั่งชิลสุดๆ
“เบียร์มาแล้วครับ” ผมยกเบียร์มาเสิร์ฟที่โต๊ะหน้าเวที โดยที่ไม่ทันมองหน้าลูกค้า
“พี่หมอก! ทำงานที่นี่เหรอครับ?” พอผมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นต้นน้ำ กับเพื่อนๆ น้องอีกสามคน เป็นผู้ชายสองคนกับผู้หญิงคนนึง หน้าตาดีๆ กันทั้งนั้น
“อ้าวต้น พี่เล่นดนตรีที่นี่อ่ะ”
“ว้าว ขึ้นเล่นกี่โมงอะ? ผมมาสองสามครั้งแล้ว ยังไม่เคยเจอพี่หมอกเล่นเลย”
“สี่ทุ่มครับ พอดีพี่ไม่ได้ขึ้นทุกวันน่ะ รอดูได้เลย”
“จะรอดูครับ”
จากนั้นผมก็เดินวนเวียนเสิร์ฟโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ไปเรื่อย จนเวลาเข้าใกล้สี่ทุ่ม ผมก็เดินไปขึ้นเวที ปรับสายกีตาร์ จูนนั่นนี่จนเรียบร้อย แล้วเริ่มดีดเพื่อเรียกความสนใจจากผู้คนที่นั่งดื่มกันอยู่
“สวัสดีครับ ไม่เจอกันหลายวัน คิดถึงผมมั้ยเนี่ย?”
“ว้ายย น้องหมอกมาแล้ว” เสียงพี่กะเทยไซส์ยักษ์ตะโกนขึ้นมา
“กรี๊ดด คิดถึงพี่หมอกสุดๆ” เลยค่า โอเคอันนี้ผู้หญิง พอรับได้
“ผมก็คิดถึงทุกคนครับ เฮ้อ วันนี้คอต้องแห้งมากแน่ๆ เลย ต้องร้องตั้งหลายเพลง” ผมพูดพลางส่งสายตาอ้อนๆ ให้บรรดาลูกค้า หึ มีดีที่หน้าตาต้องรู้จักใช้ประโยชน์ครับ
“เดี๋ยวพี่เหมาเบียร์เสิร์ฟถึงหน้าเวทีเลยค่า” เสียงพี่กะเทยโต๊ะเดิม
“ขอบคุณพี่คนสวยด้วยนะครับ ยังไงก็มาฟังเพลงกันเลยเนอะ เพลงแรกขอร้องให้พี่คนสวยละกัน”
*รู้ฉันรู้ยังไงเราคงไม่ต่าง
รู้ฉันรู้ยังไงเธอก็เลือกเขา
รู้ถึงฉันขอร้องยังไง เธอคงต้องลืมเรื่องของเรา
เพราะว่าเขาดีกว่า เพราะเข้าสำคัญกว่า
รู้เธอมีเหตุผลอะไรสักอย่าง
ที่ทำให้เธอไม่คิดจะอยู่กับฉัน
อาจเป็นเพราะเธอแต่เหงาใจในวันที่เราได้พบกัน
เธอแค่มีความสุข แต่ว่าเธอไม่ได้รักกัน
แต่ฉันรัก รักเธอไปแล้วทั้งใจ
รู้ฉันรู้ว่าเธอต้องไป
แต่อยากจะขอร้องเธออีกครั้ง
โปรดรักฉันรักฉันเถอะนะ จะไม่ทำให้เธอเสียใจ
รู้ฉันสู้เขาไม่ไหว เทียบกับใครที่เธอมี
แต่เลือกฉันเลือกฉันได้ไหม ฉันจะดูแลเธอให้ดี
โปรดถามใจเธออีกที เพราะทั้งใจฉันมันยังมีแค่เธอ...[1]
“โอ๊ยยพี่ก็รักน้องหมอกค่า ค่าเทอมพอมั้ย? พี่พร้อมเปย์มากก กรี๊ดด”
“ถึงใครจะพร้อมเปย์ แต่ผมยังไม่พร้อมเทใจนะครับ ฮ่าๆ”
ผมเล่นดนตรีจนถึงห้าทุ่ม ก็ลงจากเวที เดินไปชนแก้วโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ ก็นะ ได้กินเหล้ากินเบียร์ฟรี ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอก และยังได้ไปนั่งคุยกับน้องต้นและเพื่อนๆ น้องด้วย ก็ดูโอเคเป็นมิตรกันดีทุกคน วันนี้ผมก็ได้ทิปหนักอยู่เหมือนกัน ผมรู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์ด้านการพูดคุย ผมก็ดึงออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ แต่ก็รู้จักเว้นระยะห่างไว้บ้าง ก็คนไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้นนี่เนอะ
ผมอยู่จนร้านใกล้ปิด ซึ่งก็คือเที่ยงคืน ช่วยพวกพี่ๆ เขาเก็บของจนเสร็จ แล้วก็กะจะเข้าไปเอาของที่หอแล้วค่อยกลับมาที่นี่อีกรอบ
“พี่เตๆ วันนี้ผมมานอนร้านได้มั้ยครับ?”
“อีกแล้วนะมึง หอมีก็ไม่นอน เออๆ เรื่องของมึง”
“ฮ่าๆ ครับๆ งั้นเดี๋ยวผมกลับมา”
ผมเดินออกมานอกร้าน ยืนสูบบุหรี่แล้วรอเรียกแท็กซี่ ระหว่างยืนรอสายตาก็ดันเหลือบไปเห็นคนกำลังนัวเนียจูบกันอย่างดูดดื่มอยู่มุมมืดข้างๆ ร้าน
“ไอ้เหี้ย จะเล่นหนังสดกันตรงนี้รึไงวะ” เอาซะกูสร่างเลย ด้วยความขี้เสือก ผมเลยเพ่งมองเข้าไปในความมืด ยิ่งมองยิ่งรู้สึกคุ้นๆ ยังไงไม่รู้แฮะ เดี๋ยวนะ...พอมองดีๆ แล้วนั้นมันน้องต้นน้ำแฟนเฮียหมีชัดๆ
พอแท็กซี่มา ผมก็รีบวิ่งขึ้นรถทันที “ไปหอ.....ครับ”
พอได้นั่งบนรถแล้วก็เลยได้คิด แม่งติดตาเป็นฉากๆ เลยว่ะ
ที่ผมเห็นมันน้องต้นก็จริง แต่คนที่น้องนัวด้วยมันไม่ใช่เฮียน่ะสิ แต่เป็นเพื่อนน้องที่นั่งโต๊ะเดียวกัน รู้สึกจะชื่อชินมั้ง เรื่องนี้ต้องมีเงี่ย- เอ๊ยเงื่อนงำแน่ๆ รู้สึกไม่สบายใจเลยแฮะ ทำไมผมต้องไปเห็นด้วยเนี่ย ช่างแม่งอย่าเพิ่งไปคิดถึงมัน เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า
ผมก้าวลงจากรถแท็กซี่หลังจากที่จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว แล้วรีบเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองของหอ แอบมองไปหน้าห้องตัวเองก็ไม่เห็นมีใคร ปลอบใจตัวเองว่านี้มันก็จะตีหนึ่งแล้วใครมันจะทวงตังดึกๆ ดื่นๆ ขนาดนั้น พอปลอบใจตัวเองจนพอใจแล้วผมจึงค่อยๆ ไขกุญแจเข้าห้องอย่างเบามือ
แกร๊ก...
เชี่ย..แจ็กพอตว่ะ
“ไอ้คิม” เปิดเข้ามาก็เจอไอ้คิมกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงของผม แถมเปิดทีวีดูไปด้วยอย่างสบายใจเฉิบ มึง! อย่างน้อยมึงควรถอดรองเท้าก่อนขึ้นเตียงคนอื่นสิวะ เอ๊ะ เหมือนกูผิดประเด็น
“หวัดดี กว่าจะมาได้นะ”
“มึงเข้าห้องกูได้ไง” ผมพูดแล้วชี้หน้ามัน
“เฮ้ กูแก่กว่านะพูดกับกูดีๆ สิ แล้วก็ไม่เห็นยาก แค่บอกว่าเพื่อนที่ชื่อหมอก ลืมของให้ขึ้นมาเอาให้ แถมลืมให้กุญแจมาอีก ป้าแกก็ให้แล้ว” กูควรเปลี่ยนหอจริงๆ สินะ ป้านะป้าให้คนแปลกหน้าขึ้นห้องคนอื่นได้ไงวะ!
“แล้วนี่มึงมารื้อข้าวของกูทำไม” ผมถามพลางมองสภาพห้องตัวเองที่ข้าวของถูกรื้อค้นอย่างเละเทะ มึงจะเข้าคอนเซ็ปต์ที่ว่ายิ่งเละเทะยิ่งเยอะประสบการณ์ไม่ได้!
พอ! นั้นมันเลอะเทอะ... กูเนี่ยเลอะเทอะ!
“ลุงมึงบอกว่ามึงมีตังเก็บเป็นแสน” แสนสาหัสละสิไม่ว่า ทุกวันนี้กูแทบจะแดกมาม่าเป็นอาหารหลักอยู่แล้ว กูจะมีตังเก็บที่ไหนเยอะขนาดนั้นวะ มีก็แต่เงินประกันที่พ่อแม่ให้ไว้ เป็นแสนก็จริงแต่นั่นมันต้องเอาไว้จ่ายค่าเทอม ค่าใช้จ่ายจำเป็นนะเว้ย
“กูจะมีเยอะขนาดนั้นได้ไง อีกอย่างลุงแทบจะไม่นับญาติกับกู จะมาให้กูจ่ายแทนเนี่ยมันใช้เรื่องเหรอ?”
“กูไม่สนใจ ลุงมึงติดตังเจ๊แสนนึง แล้วมันไม่ยอมจ่าย บอกถ้าอยากได้ให้มาเอากับมึง”
เชี่ยยยย แบบนี้ก็ได้เหรอ “เดี๋ยวนะกูไม่ได้ติดต่อลุงมาจะปีกว่าแล้ว กูไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องจ่าย”
ไอ้คิมลุกจากเตียงมากระชากคอเสื้อผมด้วยความโมโห แม่งคอกูเกือบหัก “กูไม่สน กูมาสองวันแล้ว แล้วกูต้องได้เงินกลับไปด้วย ไม่งั้นเจ๊เอากูตายสิ”
“สรุปมึงกลัวเจ๊ว่างั้น?”
“เปล่าเว้ย แต่กูเป็นคนเอาเงินเจ๊แกไปปล่อยให้ลุงมึง กูต้องรับผิดชอบ”
“เดี๋ยวนี้มึงถึงขั้นจับเงินเจ๊แกได้แล้ว นี่คงไม่ธรรมดาแล้วมั้ง” หมาในปากตัวเองเริ่มทำงาน
“มึงจะพูดอะไร!!!”
“ป๊าว ก่อนกูมาเรียนกูก็เห็นมึงตามเจ๊แกต้อยๆ ได้เลื่อนขั้นเป็นผัวน้อยเจ๊แกแล้วเหรอ? ระวังโดนผัวตัวจริงเขายิงมึงตายนะ หึ” ผมพูดอย่างเย้ยหยัน
“ไอ้เหี้ย มึงอยากโดนสินะ!!!” พอมันพูดแบบนั้น ผมก็จัดหมัดงามๆ เข้าที่แก้มข้างซ้ายของมันทันที เปิดก่อนได้เปรียบเว้ย!
“ใครกันแน่จะโดน” เชี่ย มันตัวใหญ่กว่าผม เจอหมัดนั่นเลยแค่เซๆ
“มึง!!!!” พอมันตั้งตัวได้ก็ต่อยสวนผมคืนมา ไอ้ผมที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็ล้มสิครับ มันตัวยังกับควาย กูกลายเป็นไม้จิ้มฟันไปเลย รู้สึกเสียศักดิ์ศรีนักมวยเก่ามาก แม่งไม่รู้จักไอ้หมอกศิษย์ทิดพงษ์ ข้าวแต๋นแม่หล้าส่งเข้าประกวดซะแล้ว!! ผมเลยลุกไปซัดกับมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ถึงมันจะสูงกว่า ตัวใหญ่กว่า แต่มันไม่มีเทคนิคเท่าผมหรอก สุดท้ายมันก็ล้มไปกองกับพื้น สภาพผมก็แย่ไม่ต่างกัน
“เฮ้ยๆ พวกมึงทะเลาะอะไรกันก็เกรงใจข้างห้องหน่อยเว้ย!” เสียงข้างนอกตะโกนเข้ามา เพราะผมยังไม่ได้ปิดประตู
“ถ้ามึงอยากได้เงินก็ไปเอาที่ลุงแกนู่น กูกับลุงไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว” ผมชี้หน้าบอกไอ้คิม
มันเลยรีบลุกขึ้นแล้วไปที่ประตู แต่ก็ไม่วายหันกลับมาบอก “ไม่จบง่ายๆ แน่”
“กูก็ไม่เห็นมันจะยาก” ผมเลิกคิ้วบอกมัน
พอมันไปแล้วผมก็หันกลับมามองสภาพห้องตัวเองอีกครั้ง เละกว่าเดิมอี๊กกก หันกลับไปที่ประตูก็เห็นว่ามันไม่ปิดให้ ไอ้นี่แม่งไร้มารยาทสุดๆ ผมเลยเดินปึงปังจะไปปิดประตู ก็เจอกับคนที่ไม่น่าจะเจอ
“อ้าวไอ้เฮีย”
“เฮ้ย ไอ้หมอกมึงอยู่หอนี้เหรอวะ มึงโดนใครซ้อมเนี่ย เหี้ย! ห้องเละสัด” เฮียมันตกใจชี้หน้าผม แล้วถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องผมหน้าตาเฉย แถมยังเดินสำรวจไปรอบๆ ห้องอีกต่างหาก
“มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ” ผมพูดแล้วซี๊ดปากเบาๆ เจ็บฉิบหาย เมื่อกี้กูไม่น่าซ่าส์เลย
“ว่าแต่เฮียมาทำไรหอผมอะ?”
“กูมาหาต้นน้ำ น้องอยู่หอนี้ไง แต่ไม่อยู่ห้อง” เหอะ คงอยู่หรอกพากันไปสวรรค์กี่ชั้นแล้วก็ไม่รู้ ที่ผมเห็นนี่คือแอ๊บใสๆ ป่าววะเนี่ย “เออ กูถามมึงอยู่ ไม่ใช่ให้มาถามย้อน”
เห็นแก่แล้วนึกว่าจะลืมง่ายๆ ชิ “เอาน่า เรื่องทั่วไปแหละ”
“ไม่อยากเล่าก็ตามใจ แล้วนี่จะเอาไง นอนห้องขยะของมึงเนี่ยนะ?” แหม...มันแค่ข้าวของกระจุยกระจายแค่นั้นเองนะ จำเป็นต้องมองด้วยสายตาดูแคลนขนาดนั้นไหม
“ฮึ ว่าจะเข้าไปนอนร้านพี่เตอ่ะ” เฮียหมีกับพี่เตก็เป็นเพื่อนกัน เฮียแกเคยไปร้านพี่เตบ่อยมากอยู่ช่วงนึง เลยสนิทกับพี่เต เหล้านี่มันทำให้คนสนิทกันง่ายจริงๆ ครับ
“เอ้า ไปรบกวนเขาทำไม มึงไปนอนห้องกูก็ได้”
“เฮ้ย ไม่เป็นไรเฮีย รบกวนว่ะ”
“มึงเจ็บขนาดนี้ ไปร้านไอ้เต มันก็ยิ่งเป็นห่วงดิวะ แล้วอีกอย่างเกรงใจทำไม มึงเป็นเพื่อนน้องกู ก็เหมือนเป็นน้องกูแหละ” เฮียพูดพลางทำหน้าเครียดกอดอกมองหน้าผม กดดัน กดดันมากครับ
“เอางั้นเหรอเฮีย” ผมชั่งใจอยู่ คือไอ้อยากไปก็อยาก แต่ก็ติดเกรงใจไง
“เออดิ!!! ไปเก็บเสื้อผ้าไป๊”
[1] *เพลง PLEASE - Atom ชนกันต์