10# ตอน ถือว่ามีอิทธิพล

2096 Words
เป็นอย่างที่ซูเจินอ้าง บ้านตระกูลซูถือว่าเป็นครอบครัวใหญ่ พวกเขาคือสกุลเก่าแก่ของหมู่บ้าน อาศัยที่มีเคยมีพรรคพวกจำนวนมากจึงเป็นที่ยำเกรง หัวหน้าหมู่บ้านพ่นลมหายใจแรง รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าจากเด็กรุ่นหลาน ถ้าเขามัวแต่กลัวต่อไปใครจะเคารพเขาล่ะ อีกทั้งในตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว คนสกุลซูตายเป็นเบือตอนนี้เหลือแค่กี่คนกัน ถ้ายังจะเล่นพรรคเล่นพวกไม่สนใจกฎหมาย เขาจะแสดงให้เห็นว่าจุดจบจะเป็นยังไง ในขณะนี้เขาคือคนที่มีอำนาจที่สุด ต่อให้ตระกูลใหญ่แค่ไหน จะสู้คนทั้งหมูบ้านได้หรือ สิ่งสำคัญคือการทำให้ทุกคนเห็นถึงความโอหังของซูเจิน พอคนจำนวนมากลุกฮือบ้านตระกูลซูจะนับว่าเป็นอะไร ทั้งยังไม่ถูกหาว่าทำเกินกว่าเหตุ “ดังนั้นแกจึงคิดว่าตัวเองจะทำร้ายหรือฆ่าใครก็ได้ ในอนาคตถ้ามีคนทำให้แกไม่พอใจ ขอเพียงวิ่งกลับไปฟ้องที่บ้านก็จบแล้ว ซูเจินแกคิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้ารึ” “มันก็เป็นแบบนั้น หัวหน้าหมู่บ้านก็เห็นว่าหลายปีมานี้บ้านของฉันยิ่งใหญ่ ไม่ว่าใครก็ต้องยอมลงให้ คุณเองยังไม่กล้าหาเรื่อง ดังนั้นให้ทำเหมือนที่ผ่านมาเถอะ” “จะเกินไปแล้ว! แกคิดว่าพวกเราเป็นหัวตอ แบมือขอข้าวบ้านแกกินเหมือนสุนัขรึ” “หน็อยแกคิดว่าหมู่บ้านนี้เป็นของแกหรือ! อยากทำอะไรก็ทำ” “ถ้าใช่แล้วจะทำไม ใครกล้าลงมือกับฉัน รึพวกแกอยากตายเหมือนอย่างมัน!” เฟิ่งอิงถูกช่วยขึ้นมาได้สำเร็จ แต่เธอสำลักน้ำเข้าไปมาก ขณะที่ชาวบ้านกำลังหัวเสียทะเลาะกับซูเจิน และคนที่บ้านเธอได้รู้ข่าวจึงวิ่งมาสมทบจนเกิดเป็นการวิวาท หัวหน้าหมู่บ้านไม่คิดห้าม ปล่อยให้คนแสดงอารมณ์วางอำนาจต่อไป มีแต่สร้างความขัดแย้งให้บานปลายจึงจะเป็นผลดีต่อเขา ที่ต้องใส่ใจคือคนเจ็บ “เสี่ยวอิงเธอเป็นยังไงบ้าง” “อาการไม่น่ากลัว ดีที่ตรงนั้นไม่มีกิ่งไม้หรือของอันตราย เธอยืนไหวมั้ย” “ขอบคุณอาสามค่ะ แครก! ฉันพอไหว” “อืม ถึงยังไงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เธอสำลักขนาดนั้นอาจเป็นไข้ ต้องรีบไปเปลี่ยนเสื้อ” “เจียวเจียว ไปเป็นเพื่อนเสี่ยวอิง ช่วยดูแลเธอให้ดี ฉันให้คนไปตามนางจีแล้ว” “พวกนายด้วยรีบเช็ดตัว อากาศแบบนี้อาจทำให้ป่วย” หัวหน้าหมู่บ้านคิดว่าได้เวลาแสดงความเมตตา เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี “แล้วพวกเขาเล่าจะจัดการอย่างไร คนพวกนั้นไร้มโนธรรมสิ้นดี ช่างน่ารังเกียจ!” “ยุคสมัยมันเปลี่ยน พวกเขาจะใช้นิสัยเดิมต่อไปไม่ได้ มันจะทำให้คนอื่นในหมู่บ้านไม่ปลอดภัย บ้านนายมีจักรยานใช่มั้ย ให้คนไปแจ้งทางการเถอะ เพื่อความสงบของหมู่บ้านเรา” “ครับ ผมจะให้ลูกชายไป เขารู้หนังสือ รู้ว่าต้องพูดยังไงกับเจ้าหน้าที่” หัวหน้าหมู่บ้านแสร้งถอนหายใจ แต่ภายในแทบโห่ร้อง ไม่ง่ายเลยที่จะล้มไม้ใหญ่อย่างบ้านซูที่เป็นฝุ่นผงนัยน์ตามานาน หากเป็นตระกูลที่น่าเคารพว่าไปอย่าง แต่เป็นพวกนักเลงอันธพาล เพียงรอให้พลาดพูดยุแยงใส่ไข่ ก็สามารถทำให้ให้คนเกลียด เขาเองจะได้วางใจ ไม่กลัวถูกแย่งตำแหน่งผู้นำ ในอดีตพวกบ้านซูมีแต่ลูกสาวหลานสาว จึงเลือกเขยแต่งเข้าเพื่อรักษาเชื้อสกุล ไม่สามารถลงแข่งขันเป็นหัวหน้าหมู่บ้านได้ ตอนนี้บ้านซูมีหนุ่มวัยฉกรรจ์สองคน สามารถแข่งขันกับตนแล้ว เพื่อตัดปัญหาจำเป็นต้องทำลายความน่าเชื่อถือของพวกเขา เฟิ่งอิงถูกพามาที่บ้าน เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยมีเจียวเจียวช่วย อี้หานไม่อยู่ดังนั้นจึงไม่ต้องเขินอาย “เธอรู้สึกดีขึ้นไหม เอาผ้าห่มเพิ่มรึเปล่า” “ไม่เป็นไรเจียวเจียว ฉันไม่ได้หนาวขนาดนั้น” “เสร็จแล้ว มาเสี่ยวอิง ดื่มน้ำขิงอุ่นๆ ก่อนจะได้ไม่เป็นหวัด” “ขอบคุณค่ะน้าจี” “ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกัน? ตอนได้ยินว่าเธอตกน้ำ น้าหัวใจแทบวาย” เพราะตกใจและร้อนใจ นางจีจึงไม่ถามต้นสายปลายเหตุ ฝากอาเป่าไว้กับเพื่อนบ้าน กำชับเขาห้ามซนแล้วจึงวิ่งหน้าตั้งมา พอนางหนวนเพื่อนบ้านเห็นจึงมาดูอีกคน “นั่นสิ ฉันเห็นอาจีวิ่งฉันก็วิ่ง ดีนะที่นึกได้ว่าตกน้ำจะเป็นหวัด เลยหยิบขิงติดมือมาด้วย” “ทำให้น้าจีกับป้าหนวนเป็นห่วงแล้ว ตอนนั้นมีอาสามกับคนอื่นอยู่ใกล้ ถึงช่วยฉันขึ้นมาได้ทัน” “มันไม่ใช่ความผิดเธอเลย เพราะความอยากหาเรื่องของซูเจินต่างหาก” เจียวเจียวคิดแล้วยังโกรธ คนบ้านเดียวกันทำไมถึงลงมือได้ “ซูเจินผลักเธอรึ! แบบนั้นมันได้ยังไงกัน น้ำป่ามันแรงแค่ไหนขนาดคนที่ว่ายน้ำแข็งยังเหนื่อย นับประสาอะไรกับคนว่ายน้ำไม่เป็น” “ฉันกับเสี่ยวอิงยืนริมตลิ่งเพื่อ ให้คำแนะนำการตักปลาสู้กระแสน้ำ ซูเจินเธอไม่ยอมหา จะแย่งปลาของเสี่ยวอิงให้ได้ ทั้งที่บอกแล้วว่าจะนำไปมอบให้คุณยายหกค่ะ” “อย่างที่รู้ว่ายายเขาป่วยลูกหลานไปทำงานในเมืองหมด เสี่ยวอิงปรารถนาดีอยากให้คนแก่ได้กินปลา เธอกลับจะเอาให้ได้ ไม้ของฉันมีสองอันจะสอนให้เธอทำก็ไม่ยอม เจตนาจะทำร้ายเสี่ยวอิงเพราะเกลียดที่เธอได้รับความสนใจมากกว่า” “เนื้อร้าย! เด็กคนนี้คือเนื้อร้ายที่แย่ในหมู่บ้านของเรา! แล้วหัวหน้าหมู่บ้านว่ายังไงบ้าง” “แน่นอนว่าตักเตือนบอกถึงความร้ายแรงที่เธอทำ แต่ป้าสองคนรู้มั้ยว่าเธอพูดว่ายังไง เธอบอกว่าตระกูลซูใหญ่กว่าใครในหมู่บ้านเรา บอกอย่างไม่อายว่าอยากตีคนก็ตี จะฆ่าก็ฆ่า ไม่ว่าใครต้องยอมลงให้เธอ เรื่องนี้ทำให้หัวหน้าโกรธมาก รวมถึงคนอื่นๆ ตอนที่ฉันมาเห็นพวกเขาบ้านซูยกโขยงกันมาหมดทั้งบ้าน กำลังมีปากเสียงทะเลาะกับคนแถวนั้น” “เกินไปแล้ว! วางมาดใหญ่โตคิดว่าตัวเองเป็นฮ่องเต้รึ ไม่ได้! ถ้าปล่อยไว้ในอนาคตจะมีกี่คนที่ถูกรังแก คนแบบนี้มันต้องสั่งสอน” “ใจเย็นก่อนค่ะป้าหนวน ตอนนี้ประเทศเราได้เปลี่ยนกฎระเบียบ กฎหมายแตกต่างจากแต่ก่อน ไม่สามารถใช้กฎหมู่หรือศาลเตี้ยได้ แทนที่จะทะเลาะกับเขา ให้เจ้าหน้าที่รักษาความสงบเข้ามาจัดการเถอะ น่าจะดีกับสถานการณ์ในตอนนี้” “คิดดูนะคะ คนทะเลาะกันตีกันย่อมเจ็บตัว ถึงพืชจะปลูกเสร็จแล้วแต่ใช่ว่าจะไม่มีงานอื่น ค่าหมอค่ายาก็แสนแพง ยังไงก็อยู่ร่วมหมู่บ้าน สักวันต้องได้เห็นหน้า ถ้าให้มาชกต่อยกันทุกครั้งคงไม่ต้องทำมาหากิน ให้ถูกเรียกไปสอบสวนสักหลายๆ วันคงจะดัดความโอหังเขาลง” “ที่เสี่ยวอิงพูดมามีเหตุผล ถ้ายังนั้นฉันจะไปบอกคนอื่นๆ ให้ช่วยเป็นปากเสียงตอนเจ้าหน้าที่มาถึง ป้องกันไม่ให้เขาแถว่าเป็นเรื่องหยอกล้อรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สั่งสอนพวกเขาทั้งบ้านให้เข็ดหลาบ” “ฉันไปด้วยค่ะ ฉันอยู่ในเหตุการณ์ สามารถตอบทุกคำถามของเจ้าหน้าที่” “เช่นนั้นฉันจะอยู่ดูแลเสี่ยวอิงเอง” “นี่สหาย เธอต้องดื่มน้ำขิงให้หมดนะ ถ้าเป็นไข้ตัวร้อนเรียกหาฉันได้ ฉันจะมาอยู่เป็นเพื่อน” “ได้” นางจีนั่งลงข้างๆ จับมือเธอมากุมเอาไว้ เงยหน้ามองสาวน้อยที่หน้าซีดเซียวจึงถอนหายใจออกมา “เธอนี่นะ ทำฉันใจสั่นไปหมด รู้ใช่ไหมว่าถ้าอี้หานกลับมาเขาจะตกใจมากขนาดไหน” “ฉันไม่คิดว่าซูเจินจะไร้เหตุผล เธออายุเท่าฉันกลับเอาแต่ใจเหมือนเด็กที่ไม่โต” “คนบ้านนั้นหลงลำพองคิดว่าคนอื่นหวาดกลัว พวกเขาอยู่นอกบ้านวางก้ามไปทั่ว แต่พอเข้าบ้านกลับไม่มีปากเสียงกดหัวกันเอง ถึงอย่างนั้นเด็กสาวอย่างเธอไม่ผิดอะไร เพียงหวังว่าต่อจากนี้เธอจะระมัดระวังตัวให้ดี อย่าคิดว่าคนเขาจะมีจิตใจบริสุทธิ์ เลี่ยงได้เลี่ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้ร้องดังๆ พอคนได้ยินจะปลอดภัย” “เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะระวัง” นางจีอาสาอยู่เป็นเพื่อนเฟิ่งอิง เฝ้าเธอที่นอนหลับเพราะอ่อนเพลีย และเพื่อป้องกันไม่ให้ใครลอบมาทำร้ายเธอ คนบ้านซูไม่น่าไว้ใจ เขาอาจโกรธแค้นจนนำมาลงกับเธอในภายหลัง พวกเขาไม่เคยมีเหตุผล จนกว่าจะได้ทางการเข้ามาควบคุมอย่างสมบูรณ์ “น้าจีครับ อิงอิงเธอ..” “ชู่วเบาเสียงหน่อย! เธอหลับมาได้สักพัก โชคดีไม่มีไข้แต่เห็นบ่นปวดหัว” “ขอบคุณน้ามากครับ นี่คือถั่วคั่ว ผมตั้งใจซื้อมาให้อาเป่า ตอนแรกว่าจะแวะที่บ้านน้าก่อน แต่พอได้ข่าวเลยรีบกลับมา” “ได้ เช่นนั้นน้าไปก่อน ถ้ามีอะไรให้รีบไปตามอย่าได้เกรงใจ” “ครับ” “ไม่ต้องส่ง นายเข้าไปดูเสี่ยวอิงเถอะ” อี้หานจึงเดินเข้าในบ้าน มองคนที่กำลังหลับสนิทอยู่ เขาไม่ส่งเสียงหรือทำอะไรให้เธอตกใจ แม้แต่มือใต้ผ้าห่มยังไม่กล้าแตะ กลัวจะรบกวนเธอจนตื่น เขาอยู่แบบนั้น เพียงครุ่นคิดคำนวณบางอย่างในหัวเงียบๆ “อื้อ..! อี้หาน นายกลับมาแล้ว” “ดูเธอสิ ทำไมถึงถูกรังแกแบบนี้ ฉันน่าจะกลับมาให้เร็วหน่อย” มือหนาที่หยาบกระด้างลูบข้างแก้มเฟิ่งอิงอย่างปวดใจ เขามองเธอที่เฝ้าทะนุถนอม ใบหน้าที่ซีดเซียวจุดไฟในใจเขา จากที่คิดว่าไม่ต้องการอำนาจ เมื่อมีสถานการณ์อันตรายเกิดขึ้น บางทีมันอาจจำเป็น “ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเรื่อง ความจริงฉันสังหรณ์ใจบางอย่างถึงได้ตัวติดกับเจียวเจียว และฉันก็รู้ว่าซูเจินต้องลงมือแน่ เพียงคิดว่าอาจจะถูกตี กลับไม่ใช่ถูกผลักลงน้ำ ผู้หญิงคนนี้โหดร้ายไม่เบา ทั้งหมดคือความผิดของนาย” “ความผิดฉัน? ทำไมแบบนั้นล่ะ ไม่ใช่ว่าเถียงกันเรื่องปลาหรือ” “มันก็แค่ข้ออ้าง นายไม่รู้บ้างหรือว่าตอนนี้ตัวเองกลายเป็นหนุ่มแล้ว หน้าตาหล่อใช้ได้ ถ้าไม่เพราะฉันคงมีสาวๆ วนมาเคาะประตู” “เธอจะบอกว่าซูเจินชอบฉัน? เลยหาเรื่องทำร้ายเธอ” “ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เหวี่ยงฉันออกไป กระแสน้ำมันเชี่ยวกรากมาก โอกาสที่จะถูกพัดหายไปสูง เสียงร้องของเจียวเจียวทำให้คนช่วยฉันขึ้นมาทัน ลองถ้าฉันอยู่คนเดียวอาจเป็นอาหารปลาไปแล้ว” “แล้วเธอคิดยังไง โกรธมั้ย?” “โกรธสิ! ถึงเธอจะชอบนายก็ไม่ควรเอาชีวิตคนอื่น” “ไม่ได้หมายความแบบนั้น” “อ้าว? แล้วแบบไหนล่ะ” “ช่างเถอะ ฉันแค่พูดไปเรื่อย เธอหิวรึยัง เดี๋ยวฉันไปทำอะไรให้กิน” เขากำลังคาดหวังอะไรอยู่ ถึงได้คิดว่าเธอจะหึงหวง ดูเหมือนต้องแสดงออกให้มากกว่านี้ เฟิ่งอิงจะได้เข้าใจความสัมพันธ์ชายหญิง “โอ้! พูดถึงเรื่องนี้ฉันยังไม่ได้ทำปลาเลย ได้มาตั้งสามถังแน่ะ” “ให้เป็นหน้าที่ฉัน เธอนอนพักเถอะ” เขาดันบ่าเธอให้นอนลง มองหน้าที่ซีดนั่นแล้วปวดใจเหลือเกิน “ฝากด้วยนะ” “ครับผม” เฟิ่งอิงนอนลงเอามือรองหัว ปากเรียวเล็กหาวออกมาสองครั้งจากนั้นจึงนิ่งไป มีลมหายใจสม่ำเสมอ อี้หานมองเข้ามาเป็นครั้งคราวเพื่อดูว่าเธอยังสบายดีหรือไม่ จากนั้นเขาเดินอ้อมไปหลังบ้านกระโดดข้ามรั้วลัดเลาะเพื่อไปทำธุระ และกลับเข้ามาอีกครั้งก่อนที่ฟ้าจะมืดสนิท การกระทำของเขาไม่มีใครรู้เห็น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้จะเป็นฝันร้ายของคนบ้านตระกูลซู กล้าแตะคนของฉัน! ต่อให้เป็นเทพแล้วคิดว่าจะรอดไปได้งั้นหรือ ในเมื่อกฎหมายทำอะไรแกไม่ได้ ฉันจะลงมือเอง!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD