“ทำไมเอาแต่มองฉันเล่าอิงอิง”
“นายดูอารมณ์ดี ทั้งที่เกิดเรื่องแบบนั้นในหมู่บ้าน ตอนนี้ผู้คนตื่นตระหนกที่ทหารเข้ามาจับกุมคนตระกูลซู ข่าวที่เขาสมคบกับฝ่ายต่อต้านมันน่ากังวล แต่นายกลับไม่แปลกใจเลย”
“เธอคิดว่าฉันเป็นคนทำหรือ อิงอิง ฉันจะมีความสามารถขนาดนั้นเลย”
“มันก็ใช่ จู่ๆ มีหลักฐานว่าพวกเขาติดต่อกับฝ่ายต่อต้าน และยังคอยสอดแนมส่งข่าวรายงานสถานการณ์ต่างๆ อืมนายว่า...จดหมายโต้ตอบของพวกเขา มันลอยไปอยู่ในมือผู้บัญชาการได้ยังไง” เธอตงิดใจว่าต้องเป็นฝีมือเขาแน่ แต่รู้หนังสือไม่กี่ตัวจะเขียนจดหมายได้หรือ ยังมีกระดาษที่ราคาแพง จะไปหามาจากไหนเพื่อใส่ร้ายคน
ซึ่งเจ้าตัวยังคงแสร้งทำไม่เข้าใจ เรื่องอะไรที่จะยอมรับ ของพวกนั้นมันหาได้จากบ้านซู เรื่องเลียนแบบลายมือไม่ใช่งานยากอะไร สำหรับอดีตทหารระดับสูงที่ได้เกิดใหม่
“เธอไม่คิดบ้างว่า บางทีทหารอาจจับตามองเขามานานแล้ว และมันประจวบเหมาะกับที่ซูเจินแกล้งเธอ”
“เหมาะเจาะมาก! เวลาช่างพอดิบพอดี จับแต่ผู้ชายในบ้านทิ้งผู้หญิงที่อ่อนแอไว้ ทั้งที่รู้ว่าถูกคนเกลียดชัง จากนี้ซูเจินคงซ่าไม่ออกแล้ว”
“ซ่าหรือ? หมายถึงวางตัวกร่างใช่มั้ย เธอไปเอาคำพูดประหลาดนี้มาจากไหน”
“นั่นสิ? ทำไมนะ” สงสัยจะอ่านนิยายในสมุดมากไป ติดคำศัพท์แปลกๆ มาเสียแล้ว
สกุลซูถูกพูดถึงอยู่ระยะหนึ่ง คนในบ้านไม่กล้าออกไปไหนเพราะตอนนี้ผู้ชายยังไม่ถูกปล่อยตัว ทหารสอบสวนอย่างเข้มงวดมาก ห้ามเยี่ยมโดยเด็ดขาด ทั้งยังไม่มีใครเห็นใจเลย
เหตุเพราะตอนที่หัวหน้าแจ้งเรื่องซูเจินทำร้ายเฟิ่งอิง พวกเขาใช้ข้ออ้างเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีกับนายทหารยศสูง ทำให้เจ้าหน้าที่ลังเลไม่กล้าจับเธอ สุดท้ายกลัวจะเดือดร้อนจึงบอกให้จัดการกันเอง ผู้นำบ้านซูไม่เพียงไม่แสดงความรับผิดชอบ ยังขู่จะเล่นงานคนทั้งหมู่บ้าน แบบนี้ใครจะเหลือความรู้สึกดีๆ ให้
“อี้หานดูข้าวโพดพวกนี้สิ ฉันคิดว่าเราควรหักมันก่อน หรือขุดมันฝรั่งก่อน โอ้ยังมีมันเทศ! ตอนนี้โตเต็มที่หมดทั้งไร่”
“แล้วเธออยากทำอะไรก่อน”
“ฉันอยากขุดมันฝรั่งก่อน อยากจะนำหัวมาเพาะให้งอกเพื่อปลูกใหม่ เราต้องขุดพรวนดินตากไว้และกลบด้วยใบพืชกับปุ๋ย เตรียมความพร้อมของดิน ไม่อย่างนั้นดินมันจะเสีย ปลูกของไม่งอกงามอีก” พืชที่ลงหัวจะดูดสารอาหารในดินเก่งกว่าพืชประเภทอื่น ดังนั้นพืชที่ปลูกเพื่อต้องการหัวต้องได้รับการฟื้นฟูในดินมากกว่า
“เอาสิ พรุ่งนี้เรามาลงมือขุดกัน บ้านอื่นคงคิดเหมือนเรา กว่าจะเสร็จคงใช้เวลาหน่อย”
“แบบนั้นจะดีมาก ยิ่งนานแสดงว่าหัวมันเยอะ ตอนนี้ปลายฝนต้นหนาวเราจะสามารถลงมันอีกรุ่นได้ทัน”
“แล้วข้าวโพดล่ะ ไม่ทำรุ่นสองหรือ”
“ฉันจะปลูกในลานบ้าน เผื่อว่าต้องรดน้ำ อาจใช้น้ำที่เหลือจากการชะล้างในแต่ละวัน เพื่อประหยัดแรงงานไม่ต้องหามไปหามมาจากในคลอง อยากได้เมล็ดแตงจังจะเอามาปลูกสลับกับมันฝรั่ง”
เพราะคำนวณแล้วว่าผลผลิตจะต้องออกมามาก เธอจึงคิดใช้พื้นที่ในไร่ทั้งหมดเพื่อปลูกมันฝรั่ง มันสามารถใช้แทนอาหารจำพวกข้าว เพราะจัดอยู่ในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเหมือนกัน และดีกว่ามันเทศตรงกินแล้วท้องไม่ผูก ตอนนี้การทำนาในหมู่บ้านยังมีน้อย เนื่องจากพันธุ์ข้าวเปลือกมีราคาสูง ทั้งเพิ่งจะผ่านภัยแล้งมาก น้ำท่าไม่สมบูรณ์นัก ชาวบ้านจึงเปลี่ยนมาทำไร่ปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย
“อิงอิงเธอดูนี้สิ แค่เพียงหนึ่งหลุมเท่านั้น และฉันไม่ต้องขุด แค่ดึงมันขึ้นมา การปลูกมันฝรั่งในดินทรายออกหัวเยอะมากยังเก็บง่าย”
มันในหนึ่งหลุม ซึ่งคือหนึ่งหัวในตอนปลูก กลับให้หัวมันหลายสิบหัวกะคร่าวๆ น่าจะยี่สิบกิโลต่อหลุม ไม่ผิดจากข้อมูลในสมุดเลย
“อี้หาน ฉันว่าถ้าเราสามารถปลูกมันฝรั่งได้ทั้งปีล่ะก็ นายไม่จำเป็นต้องเข้าเมืองไปทำงานแล้ว”
“ไปสิ! ฉันยังต้องไปหาแหล่งรับซื้อที่ได้ราคาสูง ไว้เราจ่ายภาษีส่งคืนค่าพันธุ์ ฉันจะหาพืชชนิดอื่นมาให้เธอปลูก”
เฟิ่งอิงเคยบอกเขาว่าพื้นที่ต่อไร่ สามารถแบ่งปลูกพืชที่เกื้อกูลกันได้ มีอายุสั้นที่ต้องเก็บทันทีกับพืชอายุยาวที่เก็บได้เรื่อยๆ การทำเกษตรประเภทนี้เรียกว่าเกษตรเชิงผสม ต่างจากที่คนสมัยก่อนทำ พวกเขาจะมุ่งเน้นไปที่ชนิดเดียว ปลูกข้าวคือข้าวไม่ปลูกอย่างอื่น ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถหาพืชเครือเถาอย่างฟักหรือแตงไว้รอบๆ กระทั่งปลูกผักไว้ข้างคันนาเก็บขายเอาเงินก่อน
ไม่เพียงแบ่งมาเป็นอาหาร ยังช่วยในเรื่องของราคา บางปีมันฝรั่งอาจถูกแต่ข้าวโพดแพง หรืออันนั้นถูกอันนี้แพง เขาเคยถามเธอว่าต้องการที่ดินเพิ่มไหม ถึงในตอนนี้จะยังมีนโยบายห้ามซื้อขายโดยไม่ผ่านภาครัฐ ป้องกันการฉ้อโกงสวมสิทธิ์ แต่ถ้าเงินถึงอะไรก็พอเป็นไปได้ เธอกลับบอกว่าใช้เท่าที่มี เพราะมันง่ายต่อการดูแล
“อี้หาน กระสอบในบ้านเราน่าจะไม่พอใส่นะ ฉันคิดว่าต้องขนกลับไปเทแล้วถ่ายเอากระสอบมาใส่ใหม่”
“ฉันจะแบกไปเอง เธอเด็ดหัวมันให้ทันฉันเถอะ”
“ชิ! นายแค่เดินแล้วดึงขึ้นมา รีบยกไปเทเลย ฉันจะทำกองไว้ก่อน”
เฟิ่งอิงตื่นเต้นกับจำนวนของผลผลิต เธอยังใช้คราดขูดดูในหลุมเพราะยังมีหัวมันบางส่วนที่อยู่ข้างล่าง ยิ่งขุดยิ่งเจอ แต่ขณะที่กำลังตั้งใจทำงาน ก้อนดินได้ลอยมาผ่านหน้าเธอไป หากไม่เพราะเงยหน้าขึ้นพอดี คาดว่าจะปาถูกหัวเธอ
“ใครกัน! ทำไมถึงนิสัยแย่แบบนี้ ปาของใส่คนอื่น”
“ขอโทษที! มือฉันมันพลาดไป เดิมทีฉันจะปาหัวสุนัข ไม่รู้ทำไมถึงลอยไปหาเธอ”
เฟิ่งอิงหรี่ตามองซูเจิน นี่ขนาดตกต่ำยังไม่วายหาเรื่องเธอ คิดจะทำร้ายคนไม่เลิก หากปล่อยไว้จะย่ามใจและคิดว่าเธอกลัว จะรังแกอย่างไรก็ได้
“อ้าว! นึกว่าใครที่ไหน คุณหนูซูผู้ยิ่งใหญ่นี่เอง นึกยังไงถึงออกจากบ้านได้ จริงสิฉันถามอะไรไม่เข้าท่า เธอคงเดินไปไร่เพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตสินะ แต่ไม่สะดวกจะเดินผ่านหมู่บ้าน โอ้! ที่ดินตั้งหลายสิบไร่ทำกันแค่ผู้หญิงคงเหนื่อยแย่”
ความจริงไม่ใช่ทางผ่าน คงอยากมาสอดแนมว่าเธอเป็นอย่างไร พอเห็นว่าผลงานออกมาดีจึงริษยา ตอนนั้นซูเจินเคยพูดดูถูกเธอ ว่าไม่สามารถทำไร่ที่ประสบผลสำเร็จได้ ตอนนี้เล่า? ยืนตะลึงตาค้างเลยละสิ
“ไม่ต้องมาอิจฉาฉันหรอก! ถึงบ้านฉันจะตกต่ำลงแต่มรดกไม่ได้ไปไหน ดีกว่าที่ดินเท่าแมวดิ้นตาย เห็นมันออกหัวเยอะหน่อยทำกระดี๊กระด๊า”
“ใช่แล้ว! ฉันเหมือนปลาได้น้ำเลยล่ะ หัวมันฝรั่งหัวเดียวที่ปลูกได้มากถึงยี่สิบกิโล หมดนี้น่าจะได้เยอะต่อให้หักคืนทางการแล้ว แต่คงน้อยกว่าของเธอ เฮ้อ! ก็ที่ดินเท่านี้เอง หากว่ามีที่กว้างแต่ออกลูกติ๊ดเดียว แบบนั้นขายหน้าเขาหมด”
เฟิ่งอิงเอ่ยเย้ยหยันคืนบ้าง เธอมั่นใจว่ามันในไร่ของซูเจินไม่มีทางออกมาดี พวกเขาดูแลผิดวิธีทั้งยังขุดหลุมตื้นไม่ใส่ปุ๋ยบำรุง ไม่แน่ว่าลูกอาจเท่าไข่เจ้าด่าง
“แก!”
“อ๊ะมือฉันมันเจ็บจัง! สงสัยต้องหาอะไรมาขว้างเพื่อออกแรงออกกำลังบ้างแล้ว เห็นมีสุนัขหลงทางมา”
“ฮึ่ยฝากไว้ก่อนเถอะ!” ถึงจะโมโห แต่ก้อนหินในมือเฟิ่งอิงมันก้อนใหญ่ สายตาก็ไม่ได้อ่อนปวกเปียกแต่เอาจริง จึงทำได้เพียงรีบเดินหนี
“ฉันว่ามันนานไปนะ! เฮ้จะจัดการตอนนี้ก็ได้! แค้นเก่าของใหม่สะสางมันทีเดียว”
ซูเจินมองตาขวางแต่ไม่กล้าอยู่หาเรื่องเฟิ่งอิง ตั้งรับขนาดนั้นคงลงมือไม่ง่าย ตอนนี้เธอหัวเดียวกระเทียมลีบจึงแทบวิ่งไปยังไร่ของตัวเอง แม่กับยายยังรอให้ไปทำงานอยู่
“อิงอิงเมื่อกี้ฉันได้ยินเสียง ใครหาเรื่องเธอ”
“ไม่มีอะไรแล้ว! ก็แค่หมาบ้าตัวหนึ่ง ฉันไล่ไปเรียบร้อย”
อี้หานเดินมาอย่างรวดเร็ว พอเขาได้ยินเสียงจึงสะบัดถุง เมื่อเห็นเธอยิ้มจึงเบาใจ อย่างน้อยอิงอิงในตอนนี้รู้จักสู้คนแล้ว
การขุดมันฝรั่งกับมันเทศผ่านไปอย่างง่ายดาย เพราะดินที่ปลูกคือดินทราย จำนวนผลผลิตเกินความคาดหมายไปพอสมควร ในไร่ยังเหลือข้าวโพด สองคนช่วยกันหักทั้งเปลือก ห้อยแขวนไว้เต็มชายคาที่ทำขึ้นเป็นห้องเก็บผลผลิต หนาแน่นไปด้วยกองมันอัดสูงเกือบถึงหลังคา เพราะสภาพอากาศเอาแน่นอนไม่ได้ เกิดปลอกเปลือกแล้วโดนความชื้นมันจะเสียหาย
“ขุดตรงนี้! มันยังสามารถปลูกได้อีก”
“ได้ เอาตามเธอว่า”
“ฮาตอนนี้บ้านเราสีเขียวเยอะแล้ว ถ้ามีม้านั่งตรงนั้น มีต้นส้มต้นสาลี่คงจะดีไม่น้อย”
“อิงอิงเธออยากเข้าเมืองมั้ย ฉันนัดกับคนในหมู่บ้านจะไปติดต่อหาที่ขายมันฝรั่งเพื่อส่งประจำ เราตกลงกันว่าจะปลูกมันฝรั่งแทนข้าว เพราะใช้น้ำน้อยปลูกง่ายกว่า”
“นอกจากมันแล้วฉันว่าถั่วก็น่าสนใจ ถั่วเหลืองหรือถั่วลิสงก็ดี ฉันมองว่าอนาคตคงมีราคาดี เพราะมันสามารถบีบเอาน้ำมัน ถ้าสามารถทำน้ำมันขาย นั่นจะเป็นกิจการแรกของเรา”
“ฟังดูน่าสนใจ มันสามารถปลูกสลับกันเพื่อบำรุงดิน เราจะปลูกชนิดละหนึ่งครั้งต่อปี”
“ดี ฉันต้องฝากเนื้อฝากตัวกับเถ้าแก่โจวแล้ว”
“วางใจเถอะ ฉันจะดูแลเธออย่างดี ตั้งแต่หัวจรดเท้า” เขามองเธอแบบที่ผู้ชายมองผู้หญิง ยังยิ้มที่มุมปากดูไม่น่าไว้ใจ
“....” เฟิ่งอิงอึ้งหน้าเห่อร้อนกับคำพูดที่กำกวมนั้น เธอต้องเป็นฝ่ายหลบตาเขาเพราะจ้องมาด้วยประกายบางอย่าง มันทำให้หัวใจเธอเต้นเร็วมาก
“ไม่สบายหรือ หน้าแดงเชียว”
“ออกห่างฉันหน่อย! ไม่จำเป็นต้องมาใกล้ขนาดนั้น”
“ทำไมเล่า? ใกล้กว่านี้ใช่ว่าไม่เคย ตอนเธอมีไข้ฉันคือคนที่เช็ดตัว และยังเป็นผ้าห่มให้เธอหายหนาว”
“หยุดพูด! ไม่อย่างนั้นฉันจะโกรธนาย”
อี้หานหัวเราะ มองคนที่เขินอายอย่างมันเขี้ยว บุคลิกแบบนี้ทำให้เขาพอใจอย่างมาก มันคือการแสดงออกที่หญิงสาวมีต่อชายหนุ่ม ไม่ใช่สหายที่รู้ใจ แต่ยังไม่พอหรอก เขาต้องการให้เธอเปิดใจทั้งหมด เพื่อเขาจะได้ครอบครองเธออย่างสมบูรณ์ สายตาร้อนแรงของเขาทำให้แผ่นหลังเธอร้อนฉ่า
“ห้ามมองฉัน!” นับวันเขายิ่งรุกหนักขึ้น ผีบรรพบุรุษเจ้าชู้เข้าสิงรึ ถึงขยันจีบเธอนัก
เฟิ่งอิงแอบมองเขาอย่างพิจารณา เธอกำลังคิดว่าอี้หานในตอนนี้ต่างจากสิ่งที่ฝันเห็นมาก เขาไม่ได้เย่อหยิ่งหรือเอาแต่ใจกับเธอ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการฝึกและหน้าที่ เพื่อบรรลุเป้าหมายเกียรติยศสูงสุด แต่เขามองเธอมาก่อนเป็นอันดับแรก
อาจเพราะเธอขัดขวางและดึงเขาให้ถอยห่างจากอำนาจรึเปล่า แล้วในอนาคตหากมีทางเลือกอื่นล่ะ อี้หานเขาจะเปลี่ยนไป จะยังห่วงใยเธออยู่มั้ย จะกลายเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการ แสวงหาความก้าวหน้าอุดมการณ์จนไม่สนใจสิ่งใด แม้แต่ทอดทิ้งเธอเขายังทำมัน
ในฝันนั่นเธอตายลงเพราะรักเขามาก น่าเสียดายคือ... เธอไม่คิดว่าเขาจะมองชีวิตเธอไร้ค่าขนาดนั้น จึงไม่ได้บอกเขาว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเขา ถ้าเขารู้ บางที เขาอาจเสียใจ หรืออาจไม่รู้สึกอะไร
“อิงอิงเธอเป็นอะไรไป เหนื่อยหรือ” เสียงที่แสนห่วงใยกับมือหนาที่วางลงบ่าเล็ก อี้หานตื่นตระหนกที่เห็นเธอมีอาการเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ทำไมถึงดูเจ็บปวดและผิดหวัง
“ปะเปล่า! ฉันแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
“มันคงเป็นความคิดที่เศร้ามาก เธอถึงได้ร้องไห้”
“หา! ฉัน ฉันคิดว่าฝุ่นคงเข้าตา” มือลูบแก้มปรากฏว่ามันชื้นมีน้ำไหลออกมาจริง เธอรู้สึกเศร้าขนาดนั้นเลย
แต่ข้ออ้างของเธอไม่ได้ทำให้เขาหายสงสัย เพราะทุกครั้งที่เธอเศร้า สายตาเธอมักจะมองมาอย่างตัดพ้อเสมอ