“เรียกมีนมาหาทำไมดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้คะ” ฉันหรี่ตามองพี่องศาอย่างไม่ไว้ใจพลางกำชับเสื้อคลุมชุดนอนของตัวเองเอาไว้แน่น
“ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสอง…” พี่องศาขยับขาเดินเข้ามาใกล้ ทำให้ฉันต้องถอยหนีเขาอัตโนมัติจนหลังติดกำแพง “…เขาทำอะไรกันล่ะ”
ไม่พูดเปล่าแต่พี่องศายังใช้ปลายนิ้วไล้พวงแก้มของฉันไปมา พี่องศาในตอนนี้ดูเหมือนผู้ชายที่มีความต้องการในเรื่องอย่างว่า
สายตาที่เขามองมาทำเอาขนอ่อนตามร่างกายของฉันลุกชันไปทั้งตัว
“พะ…พูดบ้าอะไรออกมารู้ตัวมั้ย…อื้อ!” ริมฝีปากของฉันถูกปิดสนิทด้วยริมฝีปากของพี่องศา
ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ฉันใช้สองมือทุบตีแผงอกแกร่งและพยายามจะดันร่างเขาออก แต่พี่องศาก็ล็อกแขนฉันไว้ให้ติดกับกำแพง แถมยังขบเม้มริมฝีปากฉันอย่างหนักหน่วง
หัวใจดวงน้อยมันเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ฉันไม่คิดเลยว่าพี่องศาจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ เราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือไง
แล้วทำไมพี่องศาถึง…
ไม่นานพี่องศาก็ถอนริมฝีปากออก ใช้เรียวลิ้นเลียริมฝีปากฉันขึ้นลง ก่อนจะแสยะยิ้มร้ายแล้วปล่อยฉันให้เป็นอิสระ
“ทะ…ทำแบบนี้ทำไมคะ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบ”
“จะทำแบบนี้กับมีนไปอีกนานแค่ไหนคะ ทั้งๆ ที่เราเป็นพี่น้อ…”
“ฉันเป็นลูกคนเดียว! อย่าเอาฉันไปร่วมสายเลือดกับครอบครัวเธอ!” พี่องศาตวาดเสียงดัง แต่ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้น สิ่งที่ทำให้ฉันคาใจคือคำพูดของเขามากกว่า
หมายความว่ายังไงที่พี่องศาบอกว่าตัวเองเป็นลูกคนเดียว
“พี่องศาพูดเรื่องอะไรคะมีนไม่เข้าใจ” หลายครั้งแล้วที่เขาชอบพูดอะไรทำนองนี้ ฉันพยายามถามเขาทุกครั้ง ทว่าก็ได้แต่คำตอบเดิมๆ
“เธอจะรู้เองเมื่อถึงเวลา”
“แล้วมันต้องอีกนานแค่ไหนล่ะคะ พี่องศาเป็นอะไรกันแน่” เขาจะรู้บ้างไหมว่าฉันสับสนและงุนงงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว ไหนจะเรื่องก่อนหน้านี้ที่เขาทรยศพี่นินอีก
“เธอนั่นแหละเป็นบ้าอะไรถึงขัดขวางการประกันตัวลูกน้องของฉันออกมา!” ลูกน้องที่พี่องศาหมายถึงก็คือสองคนที่พี่องศาส่งไปเฝ้าพี่เนตรตอนที่เธอถูกลักพาตัว
จริงๆ พี่องศาจะประกันตัวสองคนนั้นออกมา แต่ฉันก็ใช้อำนาจที่ตัวเองพอมีทำให้สองคนนั้นติดคุกและยอมรับสารภาพว่าที่ทำไปทั้งหมดเป็นเพราะต้องการเงิน
ทำไมฉันถึงทำแบบนี้น่ะเหรอ? ก็เพราะฉันไม่อยากให้พี่ินินกับพี่องศาทะเลาะกันหากความจริงมันปรากฏ
พี่นินก็อารมณ์รุนแรงส่วนพี่องศาก็โมโหร้าย คิดดูสิว่าถ้าเรื่องทุกอย่างถึงหูพี่นินเข้ามันจะเป็นยังไง
บ้านนี้คงร้อนราวกับมีกองไฟล้อมรอบตลอดเวลา
ฉันไม่อยากให้พี่ชายทั้งสองคนต้องมาทะเลาะกัน ให้ทุกอย่างมันจบและเจ็บที่ฉันคนเดียวนี่แหละ
“คะ…คือมีน…มีน…”
“ฉันจะไปบอกพี่นินว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นฝีมือของฉัน” ว่าจบพี่องศาก็ตั้งท่าจะเดินออกไปจากห้อง ฉันจึงรีบวิ่งไปกอดเขาไว้จากทางด้านหลัง
“ยะ…อย่านะคะ พี่นินกำลังจะไปฮันนีมูนกับพี่เนตร อย่าเอาเรื่องแบบนี้ไปบอกพี่นินเลยนะคะ”
พี่องศาไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วยอมหยุดเดิน
“เธอกลัวว่าฉันกับพี่ชายเธอจะฆ่ากันตาย?”
ฉันพยักหน้าหงึกๆ
“เธอกลัวแต่ฉันไม่กลัว ปล่อย” เสียงแข็งเอ่ยบอก แต่ฉันไม่สามารถปล่อยพี่องศาได้จริงๆ
“มีนไม่ปล่อยค่ะ…” ฉันกอดพี่องศาให้แน่นขึ้นกว่าเดิม แล้วตั้งสติขอร้องเขาดีๆ “…อย่ายุ่งกับพี่นินอีกได้มั้ยคะ”
ที่ผ่านมาพี่นินต้องทุกข์ใจมามากพอแล้ว ฉันอยากเห็นพี่นินได้มีความสุขเหมือนคนอื่นๆ บ้าง
พี่องศาปัดมือฉันออกอย่างแรงแล้วหันหน้ากลับมาสบตากัน มือหนาคว้ามาจับปลายคางของฉันแล้วออกแรงบีบจนรู้สึกเจ็บ
“มะ…มีนเจ็บนะ!”
“ไม่ให้ฉันยุ่งกับพี่ชายเธอ…” พี่องศาเอ่ยเสียงแผ่วแล้วเงียบไป ใบหน้าคมคายก้มลงมาใกล้จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงบนแก้มฉัน “…งั้นฉันยุ่งกับเธอแทนก็แล้วกัน”
หัวใจของฉันกระตุกสั่นไหว ก่อนจะหล่นวูบลงสู่มหาสมุทรที่ทั้งมืดและลึกเหมือนกับจิตใจของพี่องศา จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าพี่องศาต้องการอะไรจากฉันกันแน่
เขาชอบทำเหมือนตัวเองมีเรื่องโกรธแค้นครอบครัวฉันตลอดเวลา ทำเหมือนกับว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของพ่อยังไงอย่างงั้น
ถึงเราจะคนละแม่แต่เราก็มีพ่อคนเดียวกันนะ
“ถ้ามันจะทำให้พี่องศาเลิกยุ่งกับพี่นิน มีนยอมค่ะ”
ฉันไม่รู้ว่านี่คือการตัดสินใจที่ดีที่สุดหรือเปล่า แต่ฉันไม่อยากให้พี่นินต้องรับรู้เรื่องทั้งหมด
ไม่อยากให้เขารู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำของน้องชายตัวเอง…เห็นแบบนั้นแต่พี่นินก็รักพี่องศามากเลยนะ
“ดี แล้วหลังจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จำเอาไว้ด้วยว่าเธอ…เลือกมันเอง”