“เกรซเป็นอะไรหรือเปล่าหน้าตาดูซีด ๆ นะ” ชลธิชาถามด้วยความเป็นห่วง
“เวียนหัวนิดหน่อยค่ะ”
“ไปกินยาแล้วนอนพักที่ห้องพยาบาลหน่อยไหม งานใกล้เสร็จหรือยังเดี๋ยวพี่ทำต่อเอง” ชลธิชาพูด แต่ยังไม่ทันที่กานต์ธีราจะพูดหรือลุกไปไหนอัคนีก็เดินเข้ามาพร้อมกับไกรเสียก่อน
“งานที่ผมให้ทำเสร็จหรือยังกานต์ธีรา” อัคนีเดินมาหยุดที่โต๊ะทำงานของหญิงสาวแล้วเอ่ยปากถามขึ้นมา
“เสร็จแล้วค่ะ”
“ดี ถ้าอย่างนั้นเอาเข้ามาให้ผมด้วยนะ” พูดจบอัคนีก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันที
กานต์ธีราหยิบเอกสารที่จัดใส่แฟ้มเรียบร้อยแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องทำงานใหญ่ แต่เพราะเคลื่อนไหวตัวเร็วไปทำให้อาการเวียนศีรษะกำเริบขึ้นมาเลยเดินเซเล็กน้อย แต่ก็ประคองตัวให้เดินตรง ๆ ต่อไปท่ามกลางสายตาความเป็นห่วงของอีกสองคน
“เกรซจะไหวไหมเนี่ยคุณไกร” ชลธิชาเปรยเบา ๆ ออกมา โดยมีสายตาของไกรมองตามไปเช่นเดียวกัน
อัคนีเงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาใหม่พร้อมกับเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ากานต์ธีราวางแฟ้มเอกสารงานที่เขาต้องการไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย ไม่รอช้าเขาเปิดดูและต้องเลิกคิ้วขึ้นอีกครั้งด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่างานที่เขาสั่งเร่งด่วนหญิงสาวจะทำเสร็จทัน แถมงานก็ดูเรียบร้อยดีด้วย
“ทำงานใช้ได้เลยนี่ เห็นอย่างนี้ค่อยสมกับเงินที่ผมเสียไปหน่อย” อัคนีพูดและก้มอ่านข้อมูลที่ตัวเองต้องการโดยไม่สนใจหรือสังเกตเลยว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีอาการอย่างไร
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่อัคนีก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งเหมือนเดิม
“งานนี้ใช้ได้ แต่ผมมีงานใหม่ให้คุณทำ”
“งานอะไรคะ” กานต์ธีราถามด้วยเสียงเบา
“เดี๋ยวไปร้านคุณวิมลไปเอาของให้ผมหน่อย ส่วนร้านอยู่ที่ไหนไปถามชลธิชาเอาแล้วกัน รีบไปให้ทันก่อนบ่ายโมงนะเพราะผมจะใช้ตอนนั้น”
“ได้ค่ะ” กานต์ธีรารับคำและเดินออกจากห้องทำงานใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากถามว่าร้านคุณวิมลอยู่ที่ไหน พอรู้ก็อยากจะร้องไห้เพราะตรงนั้นการจราจรก็แน่นขนัดกว่าจะไปถึงและกลับมาที่นี่ไม่รู้จะทันบ่ายโมงไหม
แต่เมื่อไม่มีทางเลือกสุดท้ายกานต์ธีราจำต้องพาร่างกายที่อ่อนแรงและเวียนศีรษะ ก่อนออกมาเธอแวะไปขอยาที่ห้องพยาบาลมาแล้ว แม้เจ้าหน้าที่จะแนะนำให้นอนพักแต่เพราะคำสั่งของอัคนีเธอไม่อาจนอนพักได้ กานต์ธีราฝ่ารถติดไปถึงร้านคุณวิมลได้สำเร็จ ไม่รอช้าเธอรีบเดินเข้าไปในร้านทันที
“สวัสดีค่ะมีอะไรให้ทางร้านเรารับใช้หรือเปล่าคะ” พนักงานสาวเดินเข้ามาถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะ ฉันมารับของที่คุณอัคนีสั่งไว้น่ะค่ะ” กานต์ธีรายื่นนามบัตรของอัคนีให้พนักงานดู
“ถ้าอย่างนั้นเชิญนั่งรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันไปเอาของมาให้ค่ะ”
กานต์ธีรานั่งรออยู่ไม่นานพนักงานก็ถือถุงชุดมาให้ ก่อนกลับเธอก็เปิดตรวจของเพื่อเช็คว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมแล้วรับออกจากร้านทันที เพราะตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ช่วงเที่ยงแดดแรงทำให้เธอรู้สึกหน้ามืดและเซเล็กน้อย แต่ก็ประคองตัวเองมาเรียกรถแท็กซี่ซึ่งเธอก็รออยู่นานและเรียกหลายคันมากเพราะไม่มีคันไหนรับเลย กว่าจะเจอคันที่รับก็ใช้เวลาอยู่หลายนาที พอไปถึงบริษัทก็เห็นว่าอีกสิบนาทีก็จะบ่ายโมงแล้วเธอรีบวิ่งเพื่อไปให้ทันเวลา
“เป็นยังไงบ้างเกรซหน้าเราน่ะซีดมากเลยนะ” ชลธิชาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่ากานต์ธีรากลับมาพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียว
“ไม่เป็นไรค่ะ เกรซขอตัวเอาชุดไปให้คุณอัคนีก่อนนะคะ” กานต์ธีราพูดและยิ้มให้หญิงสาวรุ่นพี่ก่อนจะถือถุงชุดทั้งสองชุดเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านายทันที
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้คนที่นั่งทำงานอยู่ในห้องต้องเงยหน้าขึ้นมามอง พอเห็นว่าเป็นใครก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ยิ่งเห็นท่าทางเหนื่อยหอบและเหงื่อเม็ดโตที่หน้าผากมนของกานต์ธีราก็ยิ่งสนุก ที่ทำเพราะเขาอยากรู้ว่าคนอย่างกานต์ธีราจะอดทนได้นานแค่ไหน
“ชุดที่คุณอัคนีสั่งได้แล้วค่ะ จะให้ฉันเก็บไว้ที่ไหนดีคะ” กานต์ธีราถามเสียงหอบ
“เอาไปไว้ในห้องด้านหลังแล้วกัน เดี๋ยวถ้าคุณวิสามาถึงก็ให้เขาเข้ามาเลยแล้วกัน” อัคนีพูดสั่งจบก็ก้มหน้าทำงานต่อโดยไม่สนใจกานต์ธีราเลย
กานต์ธีราเดินเข้าไปในห้องนอนของอัคนีแล้วเอาชุดทั้งสองไปแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าแล้วรีบเดินออกจากห้องไป แต่เพราะฝืนร่างกายไม่ไหวแล้วอยู่ ๆ สติก็ดับมืดไปทันที ด้านอัคนีรู้สึกผิดสังเกตเพราะเขายังไม่เห็นหญิงสาวออกมาจากห้องนอนด้านหลังทำให้เขาต้องลุกเดินไปดู
“กานต์ธีราทำอะไรอยู่ทำไมไม่ออกไปทำงานเสียที หรือคิดจะอู้งาน” เขาพูดทั้งที่ยังไม่เดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบเขาก็เปิดประตูเข้าก็เห็นร่างของกานต์ธีรานอนอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ไม่รอช้าเขารีบเข้าไปดูพอมือโดนร่างกายของอีกฝ่ายก็ต้องสะดุ้งเพราะอุณหภูมิร่างกายของหญิงสาวสูงมาก
“ทำไมตัวร้อนขนาดนี้เนี่ย” อัคนีบ่นพึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะช้อนตัวหญิงสาวขึ้นไปวางไว้บนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์โทรออกไปหาชลธิชาทันที
“คุณชลโทรตามหมอให้มาตรวจกานต์ธีราด้วย”
“เกรซเป็นอะไรเหรอคะ! ได้ค่ะเดี๋ยวดิฉันโทรตามคุณหมอให้” ชลธิชาพูดด้วยความตกใจ เธอคิดอยู่แล้วว่ากานต์ธีราต้องไม่ไหว
หลังจากวางสายชลธิชาแล้วอัคนีก็นั่งมองผู้หญิงที่นอนหลับอยู่ตรงหน้า ตั้งแต่เจอหน้ากันมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองสำรวจกานต์ธีราชัด ๆ และต้องยอมรับตามตรงว่าหญิงสาวเป็นคนหน้าตาดี ผิวพรรณเนียนสวยไม่น้อย สัดส่วนก็พอประมาณไม่มากไม่น้อยเกินไป
“เพราะแบบนี้นี่เองไอ้นักเลงพวกนั้นมันถึงอดใจไม่อยู่” อัคนีพูดออกมาคนเดียว พอได้มองก็ทำให้เขาคิดถึงคำพูดของตัวเองที่เคยแกล้งพูดเพื่อลองใจกานต์ธีราเรื่องงานพิเศษที่เขายื่นไปให้ แต่พอเห็นความหยิ่งทะนงตัวของกานต์ธีราทำให้เขาชักอยากจะทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาแล้ว
เวลาผ่านไปไม่นานคุณหมอก็เดินตามชลธิชาเข้ามาในห้องนอนซึ่งเป็นที่พักผ่อนของอัคนี ชายหนุ่มเองก็รู้หน้าที่เลยลุกไปยืนอยู่อีกฝั่งเพื่อให้คุณหมอได้ตรวจร่างกายของกานต์ธีรา ส่วนชลธิชารีบเดินไปเอาอ่างแก้วใส่น้ำพร้อมกับผ้าขนหนูมาเตรียมเช็ดตัวให้คนป่วย
“กานต์ธีราเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ” อัคนีถามขึ้นเมื่อเห็นคุณหมอวัยกลางคนตรวจเสร็จแล้ว
“คุณกานต์ธีรามีความดันต่ำ และเป็นไข้หวัดใหญ่ด้วยครับ เดี๋ยวหมอจะฉีดยาและจัดยาไว้ให้ ถ้าอาการเป็นมากขึ้นคงต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกทีนะครับ” คุณหมอพูดจบก็ฉีดยาให้คนไข้แล้วจัดยาให้ ดีที่ตอนมีคนโทรไปตามได้แจ้งอาการเบื้องต้นคร่าว ๆ ทำให้เขาติดยามาเผื่อไว้ด้วย
“ช่วงนี้ให้คุณกานต์ธีราพักผ่อนให้มาก ๆ นะครับอาการจะดีขึ้น”
“ขอบคุณคุณหมอมากครับ” อัคนีพูดและหันไปสั่งชลธิชา
“เดี๋ยวให้คนขับรถไปส่งคุณหมอด้วยนะ แล้วให้แม่บ้านทำข้าวต้มมาให้กานต์ธีราที่นี่ด้วย”
“ได้ค่ะบอส” ชลธิชารับคำและเดินออกไปส่งคุณหมอพร้อมกับรีบโทรไปสั่งแม่บ้านให้ทำข้าวต้มด้วย
++++++