“วันนี้ดวงไม่ดีเลยเสี่ย เสียมาหลายตาแล้ว” ญาณีพูดแล้วหยิบกระเป๋าถือมานั่งที่บาร์เครื่องดื่มพร้อมกับสั่งน้ำผลไม้มาดื่ม เพราะเธอไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์
“เงินทุนหมดบอกผมได้นะ สำหรับคุณญาณีผมให้ไม่อั้นอยู่แล้ว” เสี่ยสุชาติเอ่ยอย่างใจป้ำ เพราะรู้ว่าถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอัคนีต้องช่วยเคลียร์ได้แน่ เพราะเขารู้มาว่าลูกสาวของญาณีอยู่กับอัคนีที่บ้าน
ญาณีได้ยินก็หูผึ่งแต่ก็สงวนท่าทีเอาไว้บ้างแล้วแกล้งพูดออกมา
“ตอนนั้นเสี่ยก็พูดแบบนี้ พอฉันค้างนิดค้างหน่อยก็ต้องส่งคนไปขู่ด้วย ฉันไม่กล้าหรอก”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณมีแบ็คดีขนาดไหน”
“คุณอัคนีเขาก็แค่ใจดีช่วยจ่ายให้ก่อน ตอนนี้ฉันก็เป็นหนี้เขาอยู่นี่ไง”
“เอาน่าอย่าพูดเรื่องเครียด ๆ เลย ว่าแต่คุณอยากได้เงินทุนเท่าไรเดี๋ยวผมให้เด็กไปเอามาให้” เสี่ยสุชาติถามอย่างเชิญชวนเต็มที่ แล้วมีเหรอที่คนอย่างญาณีที่ตอนนี้ผีพนันกำลังเข้าสิงจะปฏิเสธ
ญาณีเดินเข้าบ้านในช่วงเช้าของวันใหม่ บ้านที่เธอไม่ได้กลับมาหลายวันแล้วเพราะเอาแต่ขลุกตัวอยู่ที่บ่อนและบ้านเพื่อน ตอนที่กำลังจะเดินขึ้นชั้นสองไปพักผ่อนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอหยิบมาดูก็แปลกใจเพราะเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
“สวัสดีครับ นั่นใช่คุณญาณีหรือเปล่า” เสียงชายหนุ่มพูดขึ้นมาเมื่อรู้ว่ามีคนรับสายแล้ว
“ใช่ นั่นใคร โทรมาทำไม”
“ผมเป็นลูกน้องของคุณอัคนีครับ”
“อืมว่าไง มีอะไรหรือเปล่า” แม้จะตกใจเมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นคนของอัคนี แต่ก็พยายามทำเสียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พอดีผมจะโทรมาบอกว่าคุณกานต์ธีราไม่สบายมาก ไม่ทราบว่าคุณญาณีจะมาเยี่ยมไหมครับ” ไกรถามขึ้น
“ไม่ล่ะ ไปก็ไม่รู้จะช่วยอะไร ลูกสาวฉันเขามีสวัสดิการพนักงาน ถ้าป่วยก็ให้ไปหมอเอาแล้วกัน” ญาณีพูดอย่างไม่นึกห่วงลูกสาวตัวเองเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เธอง่วงนอนจะแย่แล้ว
“มีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีขอวางสายก่อนนะ” พูดจบก็วางสายไปโดยไม่รอว่าชายหนุ่มที่โทรมาจะพูดอะไรต่อ
ไกรเงยหน้ามองเจ้านายของตัวเองที่นั่งหน้าเครียดขึ้ง แววตาที่แสดงออกมาดูไม่ค่อยพอใจเท่าไรที่ได้ยินญาณีพูดแบบนั้น
“จะให้ผมไปรับคุณญาณีที่บ้านเลยไหมครับ” ไกรถามและอดสงสารกานต์ธีราไม่ได้
“ไม่ต้องหรอก ขนาดโทรไปบอกยังไม่คิดจะถามอะไรถึงไปรับที่บ้านก็ไม่มีประโยชน์” อัคนีพูด
เมื่อคืนกานต์ธีรามีไข้ขึ้นสูงอีกครั้งแถมยังนอนร้องไห้อีกต่างหาก ที่รู้เพราะป้าแววเข้ามาบอก เขาเลยให้โทรตามหมอมาดูอาการอีกครั้ง เมื่อคืนวารีก็เข้าไปนอนเป็นเพื่อนคอยเช็ดตัวให้
“นี่ถ้าฉันไม่รู้ประวัติของกานต์ธีรามาก่อน ฉันจะคิดว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของคุณญาณี เป็นแม่ที่ไม่ห่วงลูกเลยจริง ๆ” พูดจบอัคนีก็ลุกเดินออกไปจากห้องทำงานเพื่อไปดูคนป่วยสักหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าเขาเป็นคนใจร้าย ยิ่งตอนนี้คนในบ้านเขารักและเอ็นดูกานต์ธีรากันเหลือเกิน
เสียงเคาะประคูดังขึ้นทำให้วารีที่กำลังเช็ดตัวให้กานต์ธีราอยู่ต้องหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นใครก็รีบหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวหญิงสาวเอาไว้
“กานต์ธีราเป็นยังไงบ้าง ไข้ลดลงหรือยัง” อัคนีถามขึ้น
“เริ่มลดลงบ้างแล้วค่ะ แต่ยังเพ้อหาพ่อแม่อยู่” วารีพูดอย่างนึกสงสาร
อัคนีนิ่งไปนิดแล้วถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา
“เดี๋ยวปลุกให้ตื่นแล้วให้กินข้าวกินยาได้แล้วจะได้หายดีขึ้น”
แต่ยังไม่ทันที่วารีจะปลุกหรือพูดอะไรคนป่วยก็รู้สึกตัวขึ้น และพูดเสียงแหบออกมา
“พี่วารีคะกี่โมงแล้ว” กานต์ธีราถามด้วยเสียงอ่อนแรง และไม่ได้สังเกตเลยว่านอกจากวารีแล้วยังมีใครอยู่ในห้องนอนบ้าง
“เก้าโมงเช้าแล้วค่ะ คุณเกรซเป็นยังไงบ้างคะ ปวดหัวไหม” วารีรีบถามพร้อมกับหยิบแก้วน้ำให้หญิงสาวได้ดื่มเมื่อเห็นท่าทางที่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“คุณอัคนีตื่นหรือยังคะ เดี๋ยวเกรซจะรีบไปเตรียมเสื้อผ้าและช่วยในครัวนะคะ” กานต์ธีราพูดแล้วจะลุกขึ้น แต่เพราะพิษไข้ทำให้เธอไม่สามารถลุกหรือขยับไปไหนได้เลย
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เรื่องนั้นพี่จัดการให้แล้วคุณเกรซนอนพักผ่อนไปเถอะ” วารีจับตัวหญิงสาวให้นอนลงไป แต่คนป่วยที่มีความดื้อจะไม่ยอมทำท่าจะลุกขึ้น แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงเข้มติดดุดังขึ้นจนรู้สึกว่าตัวเองหูฝาด
“ไม่ต้องลุกไปไหนทั้งนั้น ป่วยจนไม่มีแรงแล้วยังจะดื้ออีก”
“คะ คุณอัคนี ฉันขอโทษค่ะที่ไม่ได้ไปทำหน้าที่” กานต์ธีราพูดออกมา
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ รักษาตัวให้หายดีก่อนผมไม่หนีไปไหนหรอก คุณยังมีเวลาทำหน้าที่นั้นอีกนาน” อัคนีพูดเสียงดุ แล้วหันไปพูดกับวารี
“ลงไปเอาข้าวต้มมาให้กานต์ธีรากินได้แล้วจะได้กินยาให้ตรงเวลา”
วารีแม้จะไม่อยากลงไปเพราะยังไม่ได้แต่งตัวให้กานต์ธีรา แต่เพราะไม่อาจขัดคำสั่งของอัคนีเลยจำต้องเดินออกจากห้องนอนไป กานต์ธีราที่นอนอยู่บนเตียงก็ทำตัวไม่ถูกพอจะลุกขึ้นก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้เธอปวดศีรษะมาก และต้องตกใจเมื่ออัคนีทรุดตัวนั่งลงที่เตียง
“คุณจะทำอะไรคะ” กานต์ธีรารีบถามออกมาพร้อมกับขยับหนีเท่าที่แรงจะมี
“นอนเฉย ๆ ไม่ต้องพูดมากผมจะเช็ดตัวให้” อัคนีพูดแล้วหยิบผ้าขนหนูที่วารีใช้เช็ดตัวหญิงสาวอยู่ขึ้นมาเช็ดตามใบหน้าและลำคอ ด้วยความที่ไม่เคยทำแบบนี้ทำให้น้ำหนักมือค่อนข้างแรงจนคนป่วยต้องร้องเบา ๆ
“เป็นอะไร” อัคนีถาม
“คุณไม่ต้องเช็ดให้ฉันก็ได้ค่ะ”
“ทำไม”
“ก็คุณเช็ดหน้าฉันแรงมาก เอาไว้เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้ค่ะ” กานต์ธีราพูดและเอื้อมมือไปดึงผ้าขนหนูมาถือไว้เอง ด้วยความที่ไม่รู้ว่าตัวเองโป๊อยู่เลยไม่ได้ระวังตัวทำให้ผ้าห่มผืนใหญ่ร่นลงมาจนเห็นเนินอกขาวเด่นขึ้นมา แต่เจ้าตัวไม่รู้ว่ากำลังโชว์เนื้อตัวอยู่ ส่วนคนที่เห็นก็ตกใจไม่แพ้กันแต่ต้องรักษาท่าทางนิ่ง ๆ เอาไว้แล้วพูดออกมา
“คิดจะอ่อยผมหรือไงกานต์ธีรา” อัคนีพูดเพราะดูเหมือนว่ากานต์ธีราจะยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังโป๊อยู่
“อ่อยอะไรคะ” กานต์ธีราถามด้วยความไม่เข้าใจ แต่พอเห็นสายตาอัคนีเลยมองตามและต้องตกใจเพราะรู้แล้วว่าอัคนีว่าเธออ่อยหมายความว่ายังไง
++++++