บทที่ 2 หนี้ก้อนโต 3

1760 Words
“ตกลงตามนี้ไม่ต้องเถียงอีกนะ ออกไปได้แล้วปล่อยให้คุณอัคนีรอมันน่าเกลียด” พูดจบญาณีก็ดึงแขนกานต์ธีรากลับไปที่ห้องรับแขก “ตกลงว่ายังไงครับ” อัคนีถามขึ้น “ตกลงพวกเรารับข้อเสนอของคุณอัคนีค่ะ” ญาณีตอบเองเสร็จสรรพ กานต์ธีราน้ำตาคลอและเม้มปากแน่นเพราะกลัวว่าตัวเองจะหลุดสะอื้นออกมา อัคนีมองหน้าญาณีรวมไปถึงกานต์ธีราแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างดูถูก ซึ่งกานต์ธีราเห็นเต็ม ๆ เธออยากจะเอ่ยอะไรขึ้นมาบ้าง แต่เพราะแรงบีบมือจากแม่ทำให้เหมือนคนน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออกได้แต่ก้มหน้ารับสภาพไป “ถ้าอย่างนั้นคุณญาณีก็จดรายละเอียดหนี้สินทั้งหมดมาให้ผมดูอีกทีแล้วอีกสองวันผมจะมาหาที่นี่และไปใช้หนี้ให้ครับ” “ได้ค่ะ ขอบคุณคุณอัคนีมากนะคะที่เมตตาฉันและเกรซ” ญาณีพูดอย่างดีใจและไม่เก็บอาการสักนิด โดยไม่เฉลียวใจเลยว่าเพราะอะไรนักธุรกิจอย่างอัคนีต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ถ้าเขาไม่ได้อะไรตอบแทนที่คุ้มค่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” พูดจบอัคนีก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับคนสนิทที่เดินตามหลัง ++++++ วันนี้เป็นวันครบกำหนดที่อัคนีจะมาใช้หนี้ให้กับแม่แล้ว และเธอต้องเข้าไปอยู่ในบ้านของเขาในฐานะลูกหนี้หรือตัวค้ำประกัน แม้หน้าที่การงานที่กำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ในใจเธอกลับมีความระแวงตลอดเวลาเรื่องที่ตัวเองต้องเข้าไปอยู่ในบ้านของอัคนี “เก็บของเรียบร้อยหรือยังเดี๋ยวคุณอัคนีจะมาแล้วนะ” ญาณีเปิดประตูห้องนอนลูกสาวเข้ามา “เรียบร้อยแล้วค่ะ” กานต์ธีราตอบเสียงแผ่วและมองไปรอบ ๆ ห้องนอนที่ตัวเองอยู่มาตั้งแต่เด็กด้วยอย่างใจหาย “ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย ชีวิตกำลังจะดีขึ้นแท้ ๆ” ญาณีพูดอย่างไม่สบอารมณ์ที่เห็นกานต์ธีราทำหน้าเหมือนกำลังจะไปตายอย่างนั้นแหละ “แม่คิดอย่างนั้นเหรอคะ แต่หนูไม่รู้สึกแบบนั้นเลย” “ลงไปรอคุณอัคนีข้างล่างได้แล้วมัวแต่พูดมากไร้สาระอยู่ได้” กานต์ธีราและญาณีนั่งรออยู่ครบชั่วโมงคนที่รอก็มาถึงพร้อมกับคนสนิทที่เดินหน้านิ่งเข้ามา “ขอโทษที่ให้รอนานครับ” อัคนีพูดแล้วนั่งลงที่โซฟาตัวยาว ส่วนไกรก็ยืนอยู่ไม่ห่างในมือของชายหนุ่มมีซองเอกสารสีน้ำตาลอยู่ด้วย “ไม่เป็นไรคะ คุณอัคนีจะดื่มอะไรก่อนไหมคะ” ญาณีถามออกมา “ไม่เป็นไรครับ ผมว่าเรามาจัดการเรื่องธุระของเราให้เสร็จดีกว่า” อัคนีพูดแล้วหันไปรับซองเอกสารจากคนสนิทที่ส่งมาให้อย่างรู้หน้าที่ “นี่เป็นเอกสารหนี้ชุดใหม่ที่ผมทำขึ้น เพราะฉบับเก่าคงต้องยกเลิกไป” “อ่านเอกสารให้ครบนะครับ ส่วนจำนวนเงินผมจะกรอกที่หลังเมื่อไปใช้หนี้ให้คุณญาณีเรียบร้อยแล้ว” อัคนีพูดขึ้นพร้อมกับเลื่อนซองเอกสารให้สองแม่ลูกได้ดู ญาณีหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านคร่าว ๆ อย่างไม่ใส่ใจและหยิบปากกาขึ้นมาเพื่อจะเซ็น แต่กานต์ธีราคว้าเอาไว้ก่อนแล้วพูดขึ้นมา “อะไรของเรายัยเกรซ” ญาณีหันมาถามลูกสาวเสียงเขียว “ฉันขอยังไม่เซ็นชื่อตอนนี้นะคะ รอให้การชำระหนี้เรียบร้อยก่อนแล้วฉันถึงจะเซ็นค่ะ” กานต์ธีราพูดเพราะเห็นว่าแม่ไม่ได้อ่านอย่างละเอียด อัคนียิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหญิงสาวฉลาดทันคนดี รู้จักรอบคอบไม่เหมือนผู้เป็นแม่ที่เห็นเงินก็ประมาทไม่อ่านรายละเอียดให้ดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ไม่ได้เล่นแง่อะไรเลยไม่มีอะไรต้องกังวล “ตามสบาย ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเลยดีไหม” กานต์ธีราพยักหน้าแล้วเดินตามอัคนีเข้าไปนั่งในรถคันหรูเพื่อไปจ่ายหนี้ให้แม่ที่มีประมาณห้าที่ แต่ละที่หลักแสนทั้งนั้น ตอนที่เห็นเธอแทบจะเป็นลมเพราะไม่คิดว่าแม่จะหมกเม็ดเรื่องหนี้สินไว้เยอะขนาดนี้ อัคนีลอบสังเกตสองคนแม่ลูกแล้วต้องยิ้มเยาะเย้ยในใจ ญาณีดูจะมีความสุขที่ได้ใช้หนี้และได้นั่งในรถคันหรูแบบนี้ ซึ่งต่างไปจากกานต์ธีราที่มีทีท่าทางสงบนิ่งมาก สายตาของหญิงสาวมองออกไปนอกรถไม่ได้สนใจความหรูหราที่อยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อย “เป็นแม่ลูกกันนิสัยจะต่างกันได้ยังไง นี่คงแอ๊บท่าทางอยู่ล่ะสิ” อัคนีพูดหมิ่นหญิงสาวในใจ เวลาร่วมสามชั่วโมงที่อัคนีเสียเวลาตะเวนจ่ายหนี้สินของญาณีจนครบทุกคน เจ้าหนี้ทุกคนต่างยิ้มแย้มมีความสุขที่ได้เงินคืนกันถ้วนหน้า และอดมองอย่างแปลกใจไม่ได้ว่าผู้ชายที่มาใช้หนี้ให้เป็นใคร สายตาอยากได้ใคร่รู้ทำให้กานต์ธีรานึกอายอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ แน่นอนว่าญาณีไม่ได้คิดแบบนั้นหญิงวัยกลางคนยิ้มกว้างหน้าเชิดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นสายตาของพวกนั้นที่มองมา “ขอบคุณคุณอัคนีอีกครั้งนะคะที่ช่วยเหลือฉัน บุญคุณครั้งนี้ฉันกับยัยเกรซจะไม่มีวันลืมเลยค่ะ” ญาณีพูดเมื่อเข้ามานั่งในบ้านของตัวเองอีกครั้ง “ไม่เป็นไรครับ” อัคนีตอบสั้น ๆ แล้วหันไปพูดกับกานต์ธีราที่นั่งหน้านิ่งและเงียบมาตลอด “คุณอ่านเอกสารอีกรอบแล้วเซ็นชื่อให้ผมด้วย เดี๋ยวเราจะได้ไปกันเลยเย็นนี้ผมมีงานเลี้ยงต่อ” กานต์ธีราถอนหายใจอย่างหนักใจแล้วหยิบเอกสารที่กรอกตัวเลขจำนวนเงินที่อัคนีจ่ายหนี้ไปทั้งหมดให้ พอเห็นตัวเลขแล้วอยากร้องไห้และคิดว่าหนี้ก้อนนี้เธอจะใช้เวลากี่ปีถึงจะจ่ายหมดและเป็นอิสระจากเขา เธออ่านเอกสารอย่างตั้งใจและใช้เวลานานจนผู้เป็นแม่พูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ “จะอ่านหนักหนาหะยัยเกรซ เซ็น ๆ เข้าไปเถอะไม่ได้ยินหรือไงว่าคุณอัคนีเขามีงานต้องไปทำต่อ” “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณญาณี ให้กานต์ธีราอ่านอย่างละเอียดดีกว่าจะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย” อัคนีพูดและนึกขำหญิงสาวในใจ ดูท่าทางการระวังตัวแบบนี้ค่อยน่าสนุกหน่อย กานต์ธีราอ่านเอกสารตรงหน้าอยู่สักพักก็หยิบปากกามาเซ็นชื่อกำกับลงไป ส่วนแม่นั้นเซ็นไปก่อนแล้ว เมื่อเซ็นเสร็จเธอก็ส่งเอกสารคืนให้ชายหนุ่มไป อัคนีเงยหน้ามองยิ้ม ๆ แล้วหยิบปากกาในเสื้อสูทตัวนอกของตัวเองมาเซ็นชื่อลงไปแล้วส่งให้คนสนิทที่ยืนรออยู่ “เดี๋ยวคุณไปเอากระเป๋าลงเลยแล้ว เราไม่มีเวลาแล้ว” อัคนีพูดขึ้นมา “รอสักครู่นะคะ” กานต์ธีราเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้านเพื่อไปหยิบกระเป๋าที่เธอเก็บเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนออกจากห้องเธอก็หันไปมองอีกครั้งใจหาย เพราะไม่รู้อีกนานแค่ไหนเธอถึงจะได้กลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง ไกรเดินมารับกระเป๋าลากใบกลางของกานต์ธีรามาถือไว้ก่อนจะเดินเอาไปเก็บไว้ที่รถที่จอดรออยู่ อัคนีหันมาลาหญิงวัยกลางคนแล้วเดินตามคนสนิทออกไปเพื่อเปิดโอกาสให้แม่ลูกได้ร่ำลากัน “ไปอยู่ที่นู้นก็ทำตัวดี ๆ อย่าไปสร้างเรื่องเดือดร้อนให้คุณอัคนีเขาล่ะ” ญาณีพูดขึ้น “แม่อยู่บ้านคนเดียวก็ระวังและดูแลตัวเองให้ดีนะคะ มีเรื่องหนึ่งที่หนูอยากขอร้องจากแม่ แม่จะให้สัญญากับหนูได้ไหม” กานต์ธีราถามแม่ออกมา “สัญญาอะไร” “อย่าสร้างหนี้หรือทำอะไรให้หนูและตัวเองต้องเดือดร้อนอีกเลยนะคะ เพราะหนูไม่รู้ว่าถ้าครั้งหน้าแม่ทำแบบเดิมอีกหนูจะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ให้แม่อีก คุณอัคนีเขาคงไม่ใจดีแบบนี้ไปตลอดแน่” ญาณีชะงักไปนิดและยอมพยักหน้าอย่างขอทางไปทีก่อนจะพูดออกมา “อืม แม่สัญญาว่าจะไม่สร้างหนี้แบบนี้อีก คนเราเจ็บแล้วจำนะไม่ต้องมาย้ำมากหรอก และไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเราไม่ได้จากกันไปไหนกัน วันไหนคิดถึงก็มาหาแม่ที่บ้านได้นี่...ไปได้แล้วคุณอัคนีเขารอนานแล้ว” กานต์ธีราถอนหายใจแล้วโผเข้าไปกอดแม่แล้วพูดเสียงสั่นเครือออกมา “หวังว่าแม่จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ หนูรักแม่นะคะ อยากให้แม่รู้ไว้ว่าชีวิตหนูก็ให้แม่ได้” พูดจบกานต์ธีราก็เดินออกจากบ้านไปขึ้นรถที่ผู้ชายหน้าดุนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ญาณีมองตามรถคันหรูที่พาลูกสาวเธอไปด้วย คำพูดของกานต์ธีราทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อยในใจรู้สึกใจหายยังไงบอกไม่ถูก แต่เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเธอก็ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าไปเลย “ได้ ๆ เดี๋ยวแกมารับฉันที่บ้านเลย คืนนี้อยากกินอะไรฉันเลี้ยงเอง” ญาณีพูดอย่างอารมณ์ดีแล้วรีบขึ้นไปแต่งตัว ที่จริงแล้วเงินที่อัคนีไปใช้หนี้มีอยู่ที่หนึ่งที่เธอไม่ได้เป็นหนี้หรอก แต่ให้เพื่อนสมอ้างเป็นเจ้าหนี้แล้วจะเอาเงินก้อนนั้นมาใช้และเอาไว้ต่อทุนในบ่อนอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เล่นมาหลายวัน ความโลภทำให้หลงลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับลูกสาว ตอนนี้ใจของญาณีจดจ่ออยู่กับการใช้เงินหาความสุขให้ตัวเอง ยิ่งรู้ว่ามีอัคนีเป็นแบล็คจริงได้ใจ โดยไม่ได้คิดถึงผลที่จะตอบมาเลย และคนที่ต้องรับกรรมที่ตัวเองก็คือลูกสาวนั่นเอง ++++++
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD