ตลอดหลายวันที่ผ่านมากานต์ธีราจำไม่ได้ว่าตัวเองกินข้าวบ้างหรือเปล่า เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันช่างหนักหนาเหลือเกินสำหรับเธอ นี่ก็ครบอาทิตย์แล้วที่แม่หายไปติดต่อไม่ได้ ความเป็นห่วงตีคู่มากับความน้อยใจเพราะท่านดูไม่เป็นห่วงไม่โทรมาถามไถ่เลย ทั้งที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ท่านก็กล้าทิ้งให้เธอรับเรื่องนี้คนเดียว และวันนี้ต้องให้คำตอบอัคนีแล้วว่าจะรับข้อเสนอที่เขาจะให้ไปทำงานที่บริษัทเขาหรือเปล่า ใจหนึ่งก็อยากไปแต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะมีแผนอะไรหรือเปล่า
“พ่อคะหนูจะทำยังไงดี ถ้าพ่ออยู่ด้วยหนูคงไม่ว้าเหว่อย่างนี้แน่” กานต์ธีรานั่งมองรูปถ่ายของพ่อแล้วพูดออกมา ระหว่างที่เธอนั่งคิดอะไรเหม่อลอยอยู่คนเดียวเสียงเปิดประตูบ้านก็ดังขึ้น ความระแวงเกิดขึ้นทันทีเธอรีบหันไปมองและต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาเป็นใคร
“กลับมาแล้วเหรอคะ” กานต์ธีราร้องทักแม่ที่ดูสดใสผิดกับเธอมาก
“อืม มีอะไรกินบ้างไหมหิวมากเลย” ญาณีพูดและเดินเข้าไปในครัวโดยที่ไม่สนใจถามไถ่ลูกสาวเลยแม้แต่น้อย ทำให้กานต์ธีราเม้มปากแน่นด้วความน้อยใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็เดินตามเข้าไปในครัว
“มีแกงส้มแม่กินได้ไหมเดี๋ยวหนูทอดไข่เจียวเพิ่มให้”
“อืมอะไรก็ได้หิวจะแย่แล้ว” ญาณีพูดแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้เพื่อรอให้ลูกสาวตักข้าวมาให้
กานต์ธีราตักข้าวและอุ่นแกงส้มให้ร้อน ๆ พร้อมกับทอดไข่เจียวเพิ่มให้แม่เสร็จแล้วก็เอามาวางไว้ให้ที่โต๊ะพร้อมกับนั่งลงตรงข้ามท่าน
“แม่หายไปไหนมาคะตั้งหลายวัน” เธอถามเมื่อเห็นว่าแม่อิ่มแล้วก็พูดเอ่ยขึ้นมาทันที
“ไปธุระบ้านเพื่อนมา” ญาณีตอบ
“ไปธุระเป็นอาทิตย์เลยเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิจะถามมากทำไมคนกลับมาเหนื่อย ๆ ยังจะมาพูดเรื่องไร้สาระอยู่ได้” ญาณีขึ้นเสียงเพื่อกลบเกลื่อนความผิดที่ตัวเองก่อไว้
“เมื่อสามวันก่อนคุณอัคนีเขามาหาแม่ เขาบอกว่าแม่ไปกู้เงินเขามา หนูไม่เคยรู้เลยว่าแม่เอาบ้านไปจำนองไว้ แม่เอาเงินไปทำอะไรมากมายขนาดนั้นคะ” กานต์ธีราตัดสินใจพูดเข้าเรื่องทันทีเพราะรู้ว่าแม่กำลังจะหนี
ญาณีชะงักไปเมื่อรู้ว่าอัคนีมาหาที่บ้านด้วยตัวเอง แถมเขายังบอกเรื่องเงินให้กานต์ธีรารู้อีกด้วย ความลับที่เธอปิดมานานถูกเปิดเผยแล้ว
“หนูขอร้องนะอย่าโกหกกันอีกเลย ที่ผ่านมาแม่ปิดบังหนูเรื่องเงินมาตลอดมันเลยแก้อะไรไม่ทันแล้ว” กานต์ธีรารีบพูดดักทางเพราะกลัวว่าแม่จะพูดโกหกอีก
“ที่แม่หายไปหลายวันเพราะกลัวว่าพวกเจ้าหนี้และนักเลงคุมบ่อนมันมาหาและมาทวงเงิน แม่ไม่บอกอะไรหนูเลยแล้วยังทิ้งให้หนูเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ตามลำพัง ถ้าพวกนั้นมันฆ่าหนูตายขึ้นมาจะทำยังไง”
“แล้วตายหรือยังล่ะ!! เป็นลูกมาขึ้นเสียงแบบนี้ได้ยังไงเงินแค่นี้ทำมาเป็นพูดมาก เงินที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโตมันมากขนาดไหน” ญาณีตวาดเสียงดังลั่นบ้านเมื่อถูกต่อว่าและจี้ใจดำ
กานต์ธีราน้ำตาร่วงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของแม่ ทุกครั้งที่เถียงกันท่านจะพูดเรื่องบุญคุณแบบนี้ตลอด แล้วเงินเก็บของเธอที่เอาไปใช้หนี้ให้เขาตั้งไม่รู้เท่าไรทำไมท่านถึงไม่คิดบ้าง
“หนูไม่รู้ว่าแม่เป็นอะไร แต่หนูอยากได้แม่คนเดิมเหมือนตอนที่พ่ออยู่กลับมา” คนเดิมที่กานต์ธีราพูดถึงคือผู้หญิงพูดเพราะใจดีอยู่บ้านทำกับข้าวรอสามีและลูกกลับมา ไม่ใช่ผู้หญิงที่ติดการพนันสร้างหนี้สินเยอะขนาดนี้
ญาณีนึกสะท้อนในใจ แต่รู้ว่าตัวเองเลิกเล่นการพนันไม่ได้และเธอก็เสียนิสัยถ้าเมื่อไรที่เงินในกระเป๋าหร่อยหรอลงจะขวนขวายเพื่อให้ได้มีเงินมา ทำธุรกิจอะไรก็เจ๊งพังไม่เป็นท่าเพราะความไว้ใจและมั่นใจในตัวเองมากเกินไป รู้ว่าตัวเองมีข้อเสียอะไรแต่ไม่สามารถแก้ไขได้
“วันนี้คุณอัคนีเขาจะมาที่บ้านอีกครั้ง แม่ก็คิดหาคำตอบไว้ตอบเขาด้วยแล้วกัน” คำพูดของกานต์ธีราทำให้ญาณีหันขวับไปมองอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบถามออกมา
“เขาจะมาทำอะไรอีก วันนั้นเราไม่ได้บอกเขาหรือไงว่าขอผลัดไปก่อน”
“หนูบอกไปแล้ว แต่เขาจะมาเอาคำตอบเรื่องการใช้หนี้แล้ววันนั้นเขาก็มาเจอลูกน้องของเสี่ยเจ้าของบ่อนที่แม่ไปติดเงินเขาไว้ด้วย” เธอไม่คิดจะบอกแม่ว่าตัวเองเกือบโดนนักเลงพวกนั้นข่มขืนดีที่วันนั้นอัคนีมาช่วยได้ทัน คิดว่าพูดไปท่านคงไม่รู้สึกอะไรป่วยการที่จะพูด
ญาณีหน้าเสียไปเมื่อรู้ว่าอัคนีรู้เรื่องที่เธอเล่นการพนันแล้ว เพราะตอนที่ไปยืมเงินเธอบอกว่าจะเอาไปลงทุนทำร้านอาหารกับเพื่อน แต่ที่จริงเงินส่วนหนึ่งเธอไปลงทุนจริงแต่มันเจ๊งเลยไปยืมอีกก้อนแต่ครั้งนี้เอาไปเล่นการพนันที่บ่อนจนหมด ยังไม่ทันที่ญาณีจะคิดหนีไปไหนเสียงเข้มดุก็ดังขึ้นที่หน้าประตูห้องครัว
“สวัสดีครับคุณญาณี ไม่เจอกันนานสบายดีหรือครับ” อัคนีทักทายหญิงวัยกลางคน ที่จริงเขามาถึงได้สักพักและแอบยืนฟังแม่ลูกคุยกันอยู่ พอเห็นท่าทางของญาณีที่เหมือนจะหนีไม่เจอหน้าเขาเลยต้องแสดงตัว
“คะ คุณอัคนี มะ มาตั้งแต่เมื่อไรคะ” ญาณีถามเสียงอึกอัก
“เพิ่งมาถึงครับ พอดีเรียกแล้วแต่ไม่มีใครตอบเลยถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้าน หวังว่าคุณทั้งสองคนจะไม่ว่าอะไร”
กานต์ธีรามองหน้าชายหนุ่มหน้าดุแล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เชิญคุณอัคนีนั่งรอที่ห้องรับแขกสักครู่นะคะเดี๋ยวฉันยกน้ำไปเสิร์ฟให้”
อัคนีปรายตามองคนพูดแล้วเดินออกไปด้านนอกทันที ญาณีเองเมื่อไม่มีทางเลี่ยงจำต้องเดินตามเจ้าหนี้รายใหญ่ไปเช่นเดียวกัน ไม่นานกานต์ธีราก็เดินเอาน้ำมาเสิร์ฟอัคนี้รวมไปถึงชายหนุ่มหน้าเข้มที่นั่งรออยู่ด้านนอกด้วย
“เอาล่ะครับในเมื่อมาพร้อมกันแล้วงั้นผมเริ่มคุยธุระเลยแล้วกัน” อัคนี้พูดขึ้นมาเป็นคนแรก
“เชิญค่ะ”
“คุณญาณีคงไม่ลืมใช่ไหมครับว่าคุณติดค้างชำระเงินผมอยู่หลายครั้งแล้ว” อัคนีเลือกที่จะถามกับหญิงวัยกลางคนเป็นคนแรก
“ไม่ลืมค่ะ แต่ฉันไม่มีเงินจริง ๆ ทำธุรกิจอะไรก็เจ๊งไปหมด ถ้าคุณจะยึดบ้านหลังนี้ไปเลยก็ได้นะคะ” ญาณีพูดเสียงเศร้าออกมา ผิดกลับกานต์ธีราที่ได้ยินพูดเหมือนตัดช่องน้อยแต่พอตัวแบบนี้
++++++++