“ฉันไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นมาใช้คืนคุณหรอกนะ แต่ถ้าคุณจะใจดีช่วยทำเป็นงวดให้ฉันผ่อนได้ไหม ฉันสัญญาว่าจะใช้คืนคุณให้ครบทุกบาททุกสตางค์แน่นอน” เมื่อไม่มีทางเลือกกานต์ธีราจำต้องก้มหน้าใช้หนี้ให้แม่ต่อไป
อัคนีมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกสมเพชเวทนา เพราะญาณีสร้างหนี้ไว้มากมายเขาเชื่อว่าเดี๋ยวก็ต้องมีคนมาทวงหนี้เรื่อย ๆ อยู่ดีแล้วผู้หญิงตรงหน้าจะเอาเงินที่ไหนมาคืนหนักหนา
“คุณรู้ใช่ไหมว่าแม่คุณติดการพนันอย่างหนัก แล้วคุณคิดว่าตัวเองมีปัญญาใช้หนี้แทนแม่ได้ทุกครั้งได้หรือเปล่า เงินเดือนที่ได้มันเยอะมากพอขนาดนั้นเลยเหรอ” อัคนีโยนความจริงลงตรงหน้ากานต์ธีรา
กานต์ธีราหน้าหม่นหมองก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดเสียงหนักแน่นออกมา
“ฉันมีทางเลือกอื่นด้วยเหรอคะ อย่างไรท่านก็เป็นแม่จะให้ฉันทิ้งไม่สนใจดูแลท่านก็คงไม่ได้”
“งั้นผมมีทางเลือกให้คุณสนใจไหม” อัคนีถามขึ้นหลังจากที่ตัดสินใจอยู่สักพักแล้วว่าจะทำแบบนี้
“ทางเลือกอะไรคะ”
“ผมจะให้คุณไปทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ของผมที่บริษัท ผมให้เงินเดือนคุณมากกว่าที่เดิมสองเท่าเพื่อที่คุณจะได้มีเงินมาคืนผมได้เร็วขึ้น แถมยังมีเงินไว้ไปใช้หนี้คนอื่นด้วย” ทั้งที่ไม่เคยให้โอกาสใครแบบนี้ แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาตัดสินใจพูดกับหญิงสาวไป
“ว่าไงคุณจะตกลงไหม” อัคนีถามและยังมั่นใจว่าไม่มีใครปฏิเสธข้อเสนอนี้แน่
“ขอบคุณคุณอัคนีมากนะคะที่อุตส่าห์ช่วยเหลือทั้งเรื่องงานและเรื่องวันนี้ แต่ฉันไม่ขอรับข้อเสนอที่คุณให้ค่ะ” กานต์ธีราพูดขึ้นมาหลังจากที่นั่งคิดอยู่สักพัก ไอ้เรื่องเงินเดือนใครก็อยากได้ แต่เธอไม่รู้ว่าการที่อัคนียื่นมือเข้ามาช่วยทั้งที่เขาเองก็เป็นเจ้าหนี้คนหนึ่งของแม่เหมือนกัน ความใจดีของเขาทำให้เธอไม่ไว้ใจ
อัคนีพอโดนปฏิเสธหน้าก็บึ้งตึงหนักกว่าเดิม เพราะในชีวิตไม่เคยถูกปฏิเสธมาก่อน มีแต่คนอยากให้เขาช่วยเหลือทั้งนั้น แต่ทำไมกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่กำลังเข้าตาจนคนนี้ถึงปฏิเสธเขา ทั้งที่ตัวเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว
“ทำไมถึงปฏิเสธ ที่จริงถ้าคุณฉลาดมากพอน่าจะรับข้อเสนอนี้ไปนะ เงินเดือนที่มากขึ้นมันจะทำให้คุณมีเงินใช้หนี้และเอาเงินมาเลี้ยงดูแม่คุณเผื่อว่าคุณญาณีจะไปสร้างหนี้เพิ่มจะได้มีเงินไง นี่ผมไม่เคยให้โอกาสใครมากเท่านี้มาก่อนเลยนะ”
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดแล้วทำไมคุณถึงให้โอกาสฉันล่ะ ทั้งที่เราสองคนเพิ่งจะเจอหน้ากันเป็นครั้งแรก ฉันว่าระดับคุณคงไม่ใจดีกับลูกหนี้เท่านี้ล่ะมั้ง” กานต์ธีราเองก็ถามขึ้นด้วยความอยากรู้ แม้จะจุกที่คำพูดของเขาพูดถูกทุกอย่าง เธอเชื่อว่าต่อให้ใช้หนี้ก้อนนี้หมดแม่ก็จะสร้างหนี้ขึ้นมาใหม่อีกนั่นแหละ ตราบใดที่ผีพนันยังอยู่ในตัวท่าน
อัคนีนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของกานต์ธีรา เขาเองก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงช่วยหญิงสาวเอาไว้แล้วทำไมต้องเอาตัวไปมีปัญหากับเสี่ยเจ้าของบ่อนนั่นอีก
“ไม่เห็นต้องคิดเยอะเพราะถ้าคุณทำงานที่เดิมแล้วคุณจะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ผมล่ะ เงินสามล้านแต่เงินเดือนคุณแค่หยิบมือชาตินี้จะใช้หนี้ผมหมดไหม”
เหตุผลที่อัคนีพูดก็ถูกเงินเดือนเธอแค่นี้แต่ภาระหนี้สิ้นที่แม่ได้ก่อไว้ช่างมากมายเหลือเกิน และเธอก็เชื่อว่าท่านคงไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่
“ฉันขอเวลาคิดหน่อยได้ไหมคะ ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกจริง ๆ” กานต์ธีราพูดเสียงแผ่ว
“ได้ผมจะให้เวลาคุณสามวัน ถ้าได้คำตอบยังไงก็โทรไปบอกผมแล้วกัน” อัคนีพูดแล้ววางนามบัตรของตัวเองไว้ที่โต๊ะตัวเล็กก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าคนสนิทส่งสายตามาให้
“วันนี้ผมต้องไปจัดการเรื่องของสองคนนั้นให้จบ หวังว่าผมจะได้คำตอบที่น่าพอใจนะ” พูดจบอัคนีก็เดินออกจากบ้าน แต่ยังไม่ทันได้ไปไหนไกลเสียงหวานของกานต์ธีราก็ดังไล่หลังขึ้นมาก่อน
“เรื่องวันนี้ฉันขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเหลือ ถ้าไม่ได้คุณฉันคงแย่” กานต์ธีราพูดด้วยความซึ้งใจเพราะถ้าชายหนุ่มมาช่วยไม่ทันป่านนี้เธอคงเหมือนตกนรกทั้งเป็นหรือไม่อาจจะตายไปแล้วก็ได้
อัคนีหมุนตัวกลับมามองหน้าหญิงสาวเจ้าของบ้านก่อนจะพูดเสียงเรียบนิ่งออกมา
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ผมไม่เคยช่วยใครโดยไม่ได้อะไรตอบแทน” พูดจบเขาก็เดินออกจากบ้านไปขึ้นรถที่คนสนิทเปิดประตูรออยู่
กานต์ธีรามองตามร่างสูงใหญ่ขึ้นรถไปด้วยความที่รู้สึกไม่ถูก เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอัคนีเขาจะเป็นฮีโร่หรือผู้ร้ายอีกคนแน่ เพราะสายตาและคำพูดของเขานี่แหละที่ดูน่ากลัว และขนลุกทุกครั้งที่สบตาชายหนุ่ม
++++++
“นายจะไปหาเสี่ยสุชาติที่บ่อนเลยไหมครับ” ไกรถามขึ้นเมื่อขับรถออกจากหมู่บ้านของกานต์ธีราแล้ว
“อืมไปเลยก็ได้ ป่านนี้เสี่ยสุชาติน่าจะกำลังจะของขึ้นอยู่” อัคนีพูดแล้วมองออกไปนอกรถ เพราะตอนนี้ลูกน้องเขาเอาลูกน้องของเสี่ยสุชาติไปส่งที่บ่อนแล้ว
ไกรขับรถตรงมาที่บ่อนซึ่งเป็นที่ดินของอัคนี โดยที่เสี่ยสุชาติมาขอเช่าและแอบทำบ่อนโดยคิดว่าเจ้านายของเขาไม่รู้ไม่เห็น ทันทีที่รถสีดำคันหรูไปจอดที่หน้าบ่อนเสี่ยสุชาติและลูกน้องจำนวนหนึ่งก็วิ่งออกมารับกันถึงหน้าประตูรถเลยทีเดียว
“สวัสดีครับคุณอัคนี วันนี้ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่ได้ครับ” เสี่ยสุชาติถามขึ้นและใช้รอยยิ้มเป็นทัพหน้ามาก่อน
“ลมคิดถึงมั้งครับ ว่าแต่กิจการเสี่ยดูจะคึกคักดีนะ ไม่เห็นเสี่ยบอกผมเลยว่าเอาที่ดินของผมมาเปิดเป็นบ่อนแบบนี้” อัคนีถามแล้วใช้สายตากวาดไปรอบ ๆ บริเวณแล้วย้อนกลับมาจ้องหน้าเสี่ยสุชาติ
เสี่ยสุชาติกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เพราะเขาแอบเปิดบ่อนโดที่ไม่ได้บอกให้อัคนีรู้ แต่เพราะวันนี้ลูกน้องสองคนที่ไปทวงหนี้ให้เกิดไปเจอกับชายหนุ่มเข้าทำให้เขาต้องตกที่นั่งลำบาก ที่ผ่านมาคิดว่าตัวเองสามารถตบตาผู้ชายตรงหน้าได้ แต่ความดันมาแตกเอาซะได้
“เชิญคุณอัคนีเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่าครับ”