ตอนที่ 2

1123 Words
“คุณหนูจะตกลงอะไรกับว่าที่เจ้าบ่าวของคุณหนูหรือคะ?” “ลดาอาจขอร้องเขา ให้ปฏิเสธการแต่งงานกับลดาไงคะ บางทีเขาอาจมีคนที่เขาชอบพออยู่แล้วก็เป็นได้... อ๊ะ! ป้ายูลี่ ! โอ๊ย!”  เสียงหวานขาดหายไปในลำคอทันใดที่เสียงดังโครมกลบทุกอย่างจนหมดสิ้น มีบางอย่างพุ่งเข้ามาปะทะข้างตัวรถและทำให้แขนของหญิงสาวกระแทกเข้าอย่างจังกับโครงคานข้างประตูเมื่อเธอได้ยินเสียงล้อรถบดกับถนนจนทุกอย่างสิ้นสุดและแท็กซี่ที่เธอกับแม่นมโดยสารมาจอดแน่นิ่งอยู่กับที่ “คุณหนู! เป็นอะไรมั้ยคะ!” ยูเลียน่าซึ่งตั้งสติได้ก่อนรีบหันไปทางลดาซึ่งร่างของเธอถูกเบียดเข้าไปจนติดคานแระตูรถ หญิงสาวหน้าซีดตัวสั่นและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “ป้ายูลี่...แขนลดาค่ะ แขนของลดา” ไม่ทันที่แม่นมของเธอจะพูดว่ากระไรประตูอีกฝั่งของรถที่บุบเข้ามาก็ถูกกระชากเปิดออกและแสงสว่างภายนอกก็ทำให้หญิงสาวหันไปเห็นเจ้าของร่างสูงใหญ่ซึ่งไม่ใช่คนขับรถ ทว่าเป็นผู้ชายรูปร่างบึกบึนใหญ่โตและใบหน้าคมคายรับกับเรือนผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มขลับโดยเฉพาะดวงตาสะท้อนประกายราวเหล็กกล้าภายใต้เสื้อหนังและกางเกงเดนิมสะกดสาวไทยให้ตะลึงไปชั่วขณะก่อนเสียงทุ้มกังวานจะดังขึ้น “ตาวาริช (คุณ)! เป็นอะไรหรือเปล่า!” “คุณคะ...ช่วยทีค่ะ คุณหนูบาดเจ็บที่แขน!” ยูเลียน่ารีบตอบแทนลดาที่นั่งหน้านิ่วเอามืออีกข้างกุมแขนเรียวไว้ ชายหนุ่มซึ่งหญิงสาวคาดเดาอายุน่าจะอยู่ราว ๆ สามสิบหันกลับไปพูดคุยเป็นภาษารัสเซียกับคนขับแท็กซี่สักครู่ก่อนเขาจะหยิบเช็คในกระเป๋าเสื้อออกมาเซ็นต์ให้คล้ายว่าจะตัดปัญหาการเฉี่ยวชนซึ่งฝ่ายที่ได้รับกระดาษแผ่นเล็กนั่นไปมีสีหน้าบอกความพอใจเสร็จแล้วเขาจึงยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาในรถอีกครั้ง “ผมตกลงกับคนขับแท็กซี่ได้แล้ว ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล ส่วนเขาจะรีบเอารถไปซ่อม คุณคงจะโอเคนะ” คนตัวโตไม่รอฟังคำตอบแต่รีบอ้อมไปเปิดประตูฝั่งที่คนเจ็บนั่ง หากแต่ก่อนที่เขาทำท่าเหมือนจะอุ้มเธอออกไปหญิงสาวกลับรีบฝืนตัวเองก้าวขาลงจากรถอย่างรวดเร็วเช่นกัน “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินเองได้ รถของคุณล่ะคะ?” “โน่นครับ...คนขับแท็กซี่หิ้วกระเป๋าของคุณไปไว้ในรถผมแล้ว”  ชายหนุ่มแบมือไปอีกทางและหญิงสาวก็มองฝ่าละอองหิมะที่โปรยปรายลงมาเห็นรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูคันใหญ่สีดำสนิทจอดอยู่ใกล้ ๆ โดยกระจังหน้าแทบไม่เห็นรอยบุบสลายแม้เพียงนิด ลดาหันไปรอบ ๆ ถึงได้รู้ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นบนทางแยกซึ่งรถของอีกฝ่ายชนเข้ากลางลำรถแท็กซี่อย่างจังจนประตูอีกข้างบุบบี้เข้าไป ป้ายูเลียน่าไม่เป็นอะไรแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าหากวันนี้หิมะไม่ตกลงมาอย่างหนักรถที่เธอโดยสารมาด้วยจะเป็นยังไง “ผมขอโทษนะครับ ตาวาริช...ผมขับรถเร็วไปหน่อย หิมะก็ตกหนักเป็นบ้า โชคดีคุยกับคนขับแท็กซี่เข้าใจ รถคันนี้เป็นรถกันกระสุน น้ำหนักมันเลยมากกว่าปกติ ถึงขับช้ากว่านี้รถแท็กซี่คันนั้นก็ต้องเข้าอู่ซ่อมอยู่ดี ...อืม...คุณเจ็บมากไหมครับ จากนี่ไม่ไกลก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว ทนอีกนิดนะครับ” หนุ่มหล่อล่ำกระชากใจเจ้าของนัยน์ตาสีเข้มหันมายิ้มกับหญิงสาวซึ่งนั่งบนเบาะข้างคนขับในขณะที่แม่นมของเธอนั่งบนเบาะหลังฟังเสียงพาทีของบุรุษผู้มีน้ำใจที่บังคับพวงมาลัยพารถแล่นฝ่าหิมะตรงไปยังสถานพยาบาล ลดาเพียงเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมนั้นกับส่วนลึกที่รู้สึกประทับใจแต่แรกเห็น แม้ยังมิรู้ชื่อเรียงเสียงไรหากทว่าเขาคงเป็นชายชาวรัสเซียซึ่งอาจอยู่ในกรุงมอสโก ท่าทีนั้นดูอบอุ่นผิดจากที่เคยได้ยินมาว่าคนประเทศนี้ยิ้มยากและไม่ใคร่มีมนุษยสัมพันธ์ดังเช่นคนไทย หากแต่คำพูดแสนสุภาพและใส่ใจทำให้หญิงสาวเผลอไผลใจเต้นตูมตาม ผู้ชายในดินแดนที่เคยอยู่หลังม่านเหล็กเป็นเช่นนี้ทุกคนหรือเปล่า แล้ว โรดิออน แม็กซิมานอฟ ผู้นั้นเป็นคนเช่นไรกันเล่า? ในความเจ็บปวดที่แล่นปราดขึ้นมาเป็นระยะ ลดาก็ยังคงนึกถึงคำพูดที่จะใช้เป็นข้อต่อรองกับคน ๆ นั้นเพียงเงียบ ๆ ...เขาอาจจะไม่อยากแต่งงงาน และถ้ารู้ว่าเธอก็คิดเช่นเดียวกันเขาอาจดีใจจนเนื้อเต้นก็เป็นได้ ลดาพยายามนั่งนิ่ง ๆ ไปตลอดเส้นทางซึ่งเมื่อเข้าสู่ตัวเมืองรถก็เริ่มติดจากหิมะตกหนัก หลายครั้งหญิงสาวลองขยับแขนข้างที่เป็นรอยเขียวจ้ำและบวมขึ้นมาก็รู้สึกเจ็บจนต้องเลิกความพยายามที่จะฝืนตัวเอง กระทั่งผู้บังคับพวงมาลัยรถกันกระสุนซึ่งภายในเต็มไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทคแล่นเลียบมาจนถึงโรงพยาบาลโดยไม่บ่นอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เมื่อเขาจอดรถลงหน้าตึกโรงพยาบาลขนาดใหญ่ คราวนี้ลดาจำต้องยอมให้ชายหนุ่มช่วยพยุงแขนเธอแทนยูเลียน่าเข้าไปหาหมอและผลการตรวจอาการบาดเจ็บปรากฏว่าแขนข้างนั้นต้องเข้าเฝือกอ่อนซึ่งโชคดีกระดูกข้างในไม่หักป่นปี้จากอุบัติเหตุ “แขนของคุณไม่เป็นอะไรมากหรอกนะคะ จากที่คุณบอกหมอเกี่ยวกับอุบัติเหตุเพราะโชคดีที่รถไม่พลิกคว่ำ แต่คราวหลังคาดเข็มขัดนิรภัยก็จะดีมาก เพราะเรื่องไม่คาดคิดเกิดได้เสมอในฤดูหนาว ถนนตอนมีหิมะก็ลานน้ำแข็งดี ๆ นี่ล่ะค่ะ” นายแพทย์หญิงผมทองสว่างภายใต้ชุดกาวน์บอกกับผู้ป่วยในห้องหลังจากพยาบาลทำแผลให้เธอเรียบร้อยแล้ว ลดาพยักหน้าและนึกไปว่าเป็นความจริงที่เธอลืมตัวไม่คาดเข็มขัดนิรภัย สักครู่จึงมีใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องและพูดกับหมอเป็นภาษารัสเซียซึ่งเธอฟังได้เข้าใจ “เธอเป็นยังไงบ้างครับหมอ?” “ผู้ป่วยโอเคแล้วค่ะ แต่น่าจะต้องพักแขน เคลื่อนไหวน้อย ๆ สักเดือน หมอเอ็กซเรย์ดูแล้วกระดูกเป็นปกติ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD