ผู้คนมากมายวิ่งออกมาจากงานด้วยอาการตกใจและเป็นห่วง อีสเซโอบกอดเธอเอาไว้แน่น เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกมาเพื่อคลุมให้เธอก่อนจะอุ้มเธอขึ้นเพื่อพาเธอเดินไปขึ้นรถม้า
ทว่าคนที่มาขัดขวางและฉุดรั้งอีสเซเอาไว้คือลาร์ซ สามีของเธอ
"กระหม่อมจะดูแลภรรยาเองครับ พระวรกายของฝ่าบาทน่าเป็นห่วง พระองค์ควรจะไปพบหมอหลวงโดยไว..."
อีสเซมองหน้าของลาร์ซด้วยสายตาที่ไม่พอใจ เขาสะบัดมือของลาร์ซที่จับแขนของเขาออกมา แล้ววางดาฟเน่ลงที่พื้น
ลาร์ซก้มหน้าลงเพื่อทำความเคารพแก่อีสเซก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปอุ้มดาฟเน่ขึ้นมาแล้วพาเธอเดินไปขึ้นรถม้าของตระกลูมาเดลีน
ความเงียบปกคลุมเราทั้งสองคนจนลาร์ซอดที่จะรู้สึกอึดอัดไม่ได้ เขามองหน้าดาฟเน่ก่อนจะถอนหายใจ
เขานั่งลงคุกเข่าที่พื้นของรถม้าแล้วนำผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดที่หัวเข่าของเธอ
"ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่ถูกลอบสังหาร เหตุใดครั้งนี้เจ้าถึงได้ดูตกใจมากนักล่ะ?"
ดาฟเน่เอนหลังพิงกับที่นั่งบนรถม้า เธอรู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งตัวอาจจะเป็นเพราะถูกเศษกระถางบาด แต่สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือหัวใจต่างหาก
"ทำหน้าราวกับว่ารู้ตัวผู้บงการแล้ว?"
"...ไม่จิกกัดข้าสักวัน เจ้าจะนอนไม่หลับรึไง จริงอยู่ที่เจ้าเองก็มิได้ห่วงข้าอยู่แล้ว ข้าจะเป็นหรือว่าตายเจ้าก็คงจะไม่สนใจ เราอยู่ร่วมกับแบบต่างคนต่างอยู่ไม่ได้รึไง ข้าอยากอยู่เงียบๆไปส่งข้าที่คฤหาสน์เมอลินด้วย!"
"เสียใจที่จะต้องตอบว่าไม่ได้ เพราะพรุ่งนี้คือวันครอบรอบงานแต่งของเรา เจ้าจำไม่ได้ข้าก็มิได้แปลกใจ แต่เราจะต้องช่วยกันอยู่ต้อนรับแขกที่จะมาวันพรุ่งนี้ นั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องพาเจ้ามาจากอ้อมกอดของคนที่เจ้ารัก!"
ดาฟเน่ถอนหายใจ
"ข้ามิได้รักเขา ลาร์ซเราทุกคนต่างมีเหตุผลที่คนอื่นไม่มีวันเข้าใจ ข้าก็เช่นกัน ข้าพึ่งจะบอกกล่าวออกไปว่าให้เราต่างคนต่างอยู่!"
ไม่รัก...แล้วเหตุใดสายตาของเธอถึงได้จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าขององค์จักรพรรดิตลอดเวลา ดาฟเน่เจ้าอาจจะไม่รู้ตัวว่าเจ้าหลงรักองค์จักรพรรดิเข้าแล้ว!
"แค่ช่วยข้ารับแขกพรุ่งนี้ก็พอ หลังจากนั้นเจ้าสามารถกลับเมอลินได้เลย"
"...ตกลง"
"วางใจได้ ท่านแม่ไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ เพราะท่านไปส่งลูอีสที่ชายแดน..."
อ่า นั่นก็อีกเรื่องที่อยู่ๆก็รู้สึกผิด อีสเซส่งลูอีสไปประจำการที่ชายแดน มองจากนอกราชอาณาจักรก็รู้ว่านั่นมันเป็นคำสั่งที่กลั่นแกล้งชัดๆ
"คืนนี้เราอาจจะต้องนอนร่วมห้อง หวังว่าเจ้าคงจะไม่มีปัญหา"
"นั่นมันเป็นเพราะความจำเป็นหรือว่าความอยากของท่าน?"
"ญาติบางส่วนของข้า เดินทางมาถึงคฤหาสน์แล้ว หากเราแยกห้องนอนพวกเขาจะมองไม่ดี ก็แค่นอนร่วมเตียงมีอะไรต้องหวาดกลัวเล่าดาฟเน่?"
เธอเงยหน้ามองเขา
"ไม่มี ข้ามิได้กลัวท่านแม้แต่น้อย นอนก็นอนสิ!"
ลาร์ซยกมือขึ้นมาปิดปากเขาเอาไว้ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาแบบเนียนๆโดยที่ไม่ให้เธอเห็น
พอเราเดินทางถึงคฤหาสน์มาเดลีน ไอลาและบีเซนก็มายืนรอต้อนรับเธอ ดาฟเน่ขึ้นไปด้านบนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำแผล
"ให้ข้าเรียกเบซิลมาคุ้มกันท่านหญิงไหมคะ?"
"ไม่ต้องหรอกบีเซนข้ารู้แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารพวกนี้ หากเดาไม่ผิด เขาจะลงมืออีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ที่งานเลี้ยงตระกูลมาเดลีน"
บีเซนชะงัก สาวใช้ตกใจจนแทบสิ้นสติ
"เช่นนั้นยิ่งต้องเรียกเบซิลมาเลยไม่ใช่หรือคะ ท่านหญิงกำลังตกอยู่ในอันตราย!!"
ดาฟเน่ส่ายหน้า
"ไม่ต้อง ข้ามีบางอย่างที่ต้องยืนยันอีกครั้ง พรุ่งนี้เช้าก็ทำเหมือนกับปกติทุกวัน อย่าบอกคนอื่นเรื่องนี้โดยเฉพาะไอลา..."
บีเซนก้มหน้าลง
"ทราบแล้วค่ะท่านหญิง ข้าทำแผลพวกนี้เรียบร้อยแล้ว ท่านหญิงจะลงไปร่วมรับประทานอาหารกับมาเดลีนไหมคะ"
สายตาที่ลาร์ซมองมามันราวกับว่าเขาต้องการให้เธอแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของเรายังดีอยู่ อาจจะเป็นเพราะลูกพี่ลูกน้องแสนงดงามที่มาด้วยสินะ..
การแต่งงานระหว่างลูกพี่ลูกน้องถือเป็นเรื่องปกติในชนชั้นสูง บางตระกูลก็บ้าคลั่งเกี่ยวกับสายเลือดที่สูงส่งมากทีเดียว ท่าทางว่าลาร์ซจะถูกบังคับให้รับลูกพี่ลูกน้องเป็นอนุภรรยางั้นสิ
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สนใจเรื่องราวของเขา แต่ในเมื่อเขามาร้องขอเช่นนี้เธอจะยอมใจดียื่นมือเข้าไปช่วยเหลือก็แล้วกัน
หวังว่าเขาจะจดจำความช่วยเหลือในวันนี้แล้วตอบแทนเธอคืนในยามที่เธอร้องขอ...
ดาฟเน่เดินลงบันไดมาจากด้านบน เธอสวมชุดเดรสผ้าไหมเปิดไล่สีม่วงเข้มที่ดูหรูหรา วันนี้เธอเลือกจะปล่อยผมที่ยาวสลวยลงมา ทำให้ดูงดงามแต่ทว่าแฝงไปด้วยความสบายตา
ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธอ เรื่องนั้นดาฟเน่ตั้งใจเอาไว้แล้วถึงในชีวิตของเวด้าจะไม่มีโอกาสได้เข้าสังคมแต่เธออ่านหนังสือเกี่ยวกับการเข้าสังคมหนักมาก นั่นเป็นเพราะค่าจ้างที่กาเลนจ้างเธอ มนุษย์ที่แสนขี้เกียจผู้นั้นจ้างเธอปลอมตัวไปสอบที่อคาเด็มมี่ทุกปี เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับเธอจนถึงอายุสิบแปดท่านแกรนด์ดยุคจึงมารับเขาเข้าไปเป็นคนของเบอริฮาน
เรื่องที่เธอมั่นใจว่าจะไม่มีวันแพ้ใครก็คือเรื่องการทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจนี่ล่ะ
"นี่ข้ามาช้างั้นหรือคะ ขออภัยทุกท่านด้วย"
เพราะว่าเธอจงใจมาช้ายังไงล่ะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอคือท่านหญิงแต่คนพวกนี้หากจะนับกันจริงๆพวกเขาคือบารอนและชาวบ้านธรรมดา จริงอยู่ทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน และเธอก็คิดเช่นนั้นแต่การที่เธอจะลงมาก่อนและนั่งรอคอยพวกเขามันไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำ
หากเรายอมอ่อนข้อให้ก่อนก็จะถูกเหยียบย่ำเรื่อยๆ หรือหากเราเป็นคนใจดียอมช่วยเหลือผู้อื่น ในยามที่คนที่เราช่วยเหลือเดือดร้อนเขาก็จะมารบกวนเราไม่จบไม่สิ้น สุดท้ายเขาจะจดจำเราได้เฉพาะเวลาที่เขาเดือดร้อน
ทุกอย่างมีความพอดีและเราควรจะหาความพอดีนั้นให้เจอ..ช่วยกับคนที่สมควรช่วยเท่านั้นพอ
"มานั่งกับข้าสิภรรยา"
เธอยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเดินไปนั่งข้างลาร์ซที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ตรงกันข้ามกับเธอคืนดรุณีน้อยที่หน้าตาอ่อนหวานผู้หนึ่ง
"มีข่าวลือว่าท่านลอร์ดกับภรรยามีปัญหากัน แถมยังเขียนจดหมายรอวันหย่า ข้าที่เป็นป้าของท่านลอร์ดเพียงแต่หวังดีและห่วงตระกูลมาเดลีนว่าจะมิสามารถมีผู้สืบทอด..."
หญิงชราผู้หนึ่งกล่าวมาด้วยท่าทางจีบปากจีบคอ ดาฟเน่มองหญิงชราผู้นั้นนิ่งๆ
"ข้าก็เลยพาคาร่ามาแนะนำให้ท่านลอร์ด นางพึ่งจะผ่านพิธีบรรลุนิติภาวะมาหมาดๆ กิริยามารยาทก็งดงาม ท่านลอร์ดช่วยรับนางไปดูแลได้หรือไม่ หวังว่าท่านหญิงคงจะไม่ใจคอคับแคบกับเด็กน้อยคาร่าหรอกนะคะ"
เธอยกยิ้มพร้อมทั้งมองไปที่ลาร์ซ เขาถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ
"ข้าไม่คิดมีอนุ พานางกลับไปหาบุรุษที่ดีพร้อมกว่าข้าเถิด"
"ท่านลอร์ดรังเกียจข้างั้นหรือคะ ตัวข้านั้นเห็นท่านลอร์ดมาตั้งแต่ข้ายังเด็กและแน่นอนท่านคือรักเดียวและรักแรกของข้า ที่พวกท่านป้าพาข้ามามิใช่ว่าข้าถูกบังคับแต่เป็นข้าที่ร้องขอมาเอง!"
อ่า เด็กนี่กล้าคิดกล้าพูดดีแฮะ เธอมองดูเรื่องราวตรงหน้าราวกับกำลังสนุกสนาน เพราะตอนนี้ใบหน้าของลาร์ซมันเขียวคล้ำราวกับว่าเขากำลังจะขาดอากาศหายใจ
"ข่าวลือเรื่องท่านหญิงแพร่ไปทั่วเมือง ข้าเพียงเป็นห่วงท่านลอร์ดเท่านั้นเองค่ะ ให้ข้าได้ดูแลจิตใจที่บอบช้ำของท่าน..."
ดาฟเน่เลิกคิ้วมองหน้าของเด็กน้อยคาร่า
"ข่าวลือของข้างั้นหรือ เช่นอะไรบ้างล่ะ?"
ดรุณีน้อยผู้นั้นก้มหน้าลงอย่างเอียงอายพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดปาก
"ขออภัยท่านหญิงด้วยค่ะ เป็นข้าที่พูดออกไปไม่คิด..."
"เจ้าเมินเฉยกับคำถามของข้างั้นหรือ? ข้าถามว่าข่าวลือนั่นพูดถึงข้าว่าอย่างไร?"
บรรยากาศบนโต๊ะกินข้าวเงียบกริบ ลาร์ซเองก็สัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นบนคำกล่าวนั้นของดาฟเน่
ทว่าที่มุมปากของคาร่ากลับมีรอยยิ้มขึ้นมา
"ก็ เช่นท่านมั่วบุรุษไปทั่ว และมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับองค์จักรพรรดิ"
ดาฟเน่หัวเราะเบาๆ
"อ่า อย่างน้อยในข่าวลือก็ยังมีเรื่องจริงอยู่ เจ้าชื่อคาร่าใช่หรือไม่?"
"ค่ะ"
"ข่าวลือเกี่ยวกับข้านั้นมีมากมาย แต่เจ้ารู้รึเปล่าว่ามิมีผู้ใดกล้ากล่าวข่าวลือพวกนั้นต่อหน้าข้าสักคนเลย สาวน้อยเจ้ารู้รึเปล่าว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น?"
ดวงตาของคาร่านั้นเริ่มสั่นไหว เธอมองที่ลาร์ซซึ่งเป็นญาติผู้พี่ราวกับขอความช่วยเหลือ
"เอาเถอะ วันนี้อุตส่าห์มีแขกมาที่มาเดลีนทั้งที ข้าจะทำเสียบรรยากาศได้อย่างไร แต่ช่วยจำใส่หัวของเจ้าเอาไว้หน่อยก็ดีว่าข้ามิใช่คนที่เจ้าสามารถวิจารณ์ได้ทั้งต่อหน้าและลับหลัง..."
ลาร์ซยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มก่อนที่เขาจะลุกขึ้นจากโต๊ะ
"น่าเสียดายที่ข้าเมาแล้ว คืนนี้คงจะต้องกล่าวลาแล้ว ไปเถิดภรรยา.."
เขาเดินไปอุ้มดาฟเน่ขึ้นมาในอ้อมแขนก่อนจะก้มหน้าลงหอมแก้มเธอเบาๆ
"ข้ายังกินไม่อิ่ม!"
"ไม่เป็นไรข้าจะป้อนเจ้าเอง..ไอลาเตรียมสำรับขึ้นไปด้านบนด้วย!!"