เธอยังคงโอบกอดคอเขาเอาไว้ เราทั้งสองต่างหายใจหอบเหนื่อย ลาร์ซอุ้มเธอขึ้นมานั่งเคียงข้างเขา
เขาก้มลงไปหยิบกางเกงซับในของเธอขึ้นมาก่อนจะก้มลงอุ้มเธอขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อจะพาเธอเดินเข้าไปยังที่พัก
"ถึงกับเดินไม่ได้เลยรึไง?"
ดาฟเน่หลับตาลง เธอกัดฟันแน่นเพราะกำลังรู้สึกว่าคำกล่าวของเขามันช่างถากถางและดูถูกเธอยิ่งนัก!!
"ท่านล่ะ ทีตอนอยู่ที่กาสิโนทำเป็นไม่อยากแต่งต้องตัวข้า เมื่อครู่ท่านโอบกอดแถมยัง..."
เขาโยนเธอลงบนเตียงอย่างแรง ลาร์ซมองหน้าดาฟเน่พร้อมกับถอดกระดุมเสื้อออก
"มีทางเลือกให้เจ้าไม่มากภรรยา หนึ่งคือไปอาบน้ำแล้วมานอน..."ดาฟเน่หันหน้าไปมองทางอื่นเพราะตอนนี้ลาร์ซเริ่มที่จะถอดกางเกงออกมาแล้ว
"...สะ สองล่ะ?"
"ไม่มี มีข้อเดียวคือไปอาบน้ำซะ!"
แล้วเข้าจะพูดตัวเลขมาทำอะไรฟะ!! ดาฟเน่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าเธอก็ต้องชะงักเมื่อของเหลวสีขาวขุ่นมันไหล่ออกมา..หลังจากที่เธอลุกขึ้นยืน
มันไหลย้อยลงมาตามขาจนหยดลงไปบนพื้น
ดาฟเน่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าของลาร์ซด้วยความอับอาย เธอรีบวิ่งเข้าไปที่ห้องน้ำทันที ส่วนลาร์ซเขายกมือขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้เพราะใบหน้าของเขามันกำลังเห่อร้อนและมันคงจะขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อแน่นอน เขากำลังอับอายให้ตายเถอะ!! เพราะนั่นคือหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกว่าเขาและสตรีผู้นี้เป็นสามีภรรยากันทั้งทางกฎหมายและทางร่างกาย
ที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือตัวตนที่มันตื่นขึ้นมาอีกครั้งและไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงเลย เขาเดินตามเธอเข้าไปในห้องน้ำแต่ก็ต้องเดินออกมาอย่างรวดเร็วเพราะถูกดาฟเน่ไล่ออกมา
เธอหลับตาลงช้าๆ ความเหนื่อยล้ากำลังโจมตีเธออย่างหนัก เหนื่อยล้ากับทุกเรื่อง รวมไปถึงการนอนร่วมเตียงกับคนที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังจากลอบสังหารเธอ
หวังว่าเขาคงจะฆ่าเธอในตอนที่เธอหลับหรอกนะ
ดาฟเน่ลืมตาขึ้นมาเธอก็พบกับลาร์ซที่นอนตะแคงมองหน้าเธออยู่
.....บรรยากาศตอนนี้มันคืออะไรกันฟะ!!
เธอจึงพลิกตัวมานอนตะแคงหันหน้าอีกฝั่งแล้วหันหลังให้เขาแทนแต่ราวกับว่าลาร์ซรอเวลานี้มานานเขารีบขยับเข้ามาพร้อมกับโอบกอดเธอจากด้านหลัง
"นี่...ข้าจำได้ว่าความสัมพันธ์ของเรามันไม่ได้สนิทกันขนาดที่ท่านจะสามารถนอนกอดข้าได้"
เขาไม่ตอบแต่กลับเลื่อนมือที่โอบกอดเอวของเธอขึ้นมาบีบเคล้นที่หน้าอกเธอแทน ดาฟเน่ทำท่าจะลุกขึ้นแต่แรงของลาร์ซนั้นมีมากกว่า เขากักตัวเธอเอาไว้ให้อ้อมแขนโดยที่เรี่ยวแรงน้อยๆของดาฟเน่มิอาจจะต่อสู้ได้เลย
"ลาร์ซ!! ปล่อย!"
"เจ้าเป็นคนเริ่มก่อนเองนะ"
"ก็ใช่ ข้าเริ่มก่อนแต่มันก็จบไปแล้วครั้งหนึ่ง และมันจะไม่มีใครต่อไปอีก ข้า-จะ-นอน"
"ก็นอนไปสิ ใครห้าม"
ก็เขาไม่ใช่เรอะที่กำลังกระทำเรื่องราวสองแง่สองง่ามพวกนี้น่ะ!
เขาบดเบียดตัวตนที่แข็งขืนกับบั้นท้ายของเธอพร้อมกับก้มหน้าลงไปขบกัดที่ซอกคอของเธออย่างแรง
"นอนสิ หากว่าเจ้าหลับลงก็นอนเลย"
"ท่านควรจะหยุดการกระทำเกินเลยพวกนี้"
"ข้ายังยืนยันคำเดิมว่าทุกอย่างเป็นเพราะเจ้า ที่เริ่มก่อน"
ทำไมมันวนมาที่คำถามเดิมราวกับไม่มีวันจบสิ้นเช่นนี้กันนะ เธอง่วงและเธอก็อยากจะนอนแล้ว หากมัวมาเถียงกันเช่นนี้จะต้องต่อสู้กันไปจนถึงรุ่งเช้าเป็นแน่ เธอต่างรู้จักนิสัยการไม่ยอมแพ้ของลาร์ซดี
"....อีกครั้งเดียว อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!"
ลาร์ซแสยะยิ้มพร้อมกับพลิกตัวขึ้นมาคล่อมร่างของเธอเอาไว้
"จนกว่ามันจะสงบลงต่างหาก เจ้าทำมันตื่นขึ้นมา และ...เจ้าต้องรับผิดชอบ!"
.......
กว่าดาฟเน่จะตื่นก็ปาไปช่วงเย็นของอีกวัน เขาทรมานเธอมากทีเดียว เธอกัดฟันแน่นด้วยความโกรธพร้อมกับยกแก้วยาห้ามตั้งครรภ์ขึ้นมาดื่ม
สิ่งที่ดึงสติของดาฟเน่กลับมาจากความโกรธแค้นก็คือ ไออุ่นจากแสงแดดยามเย็น
ยังคงหายใจอยู่สินะ ยังมีชีวิตอยู่จริงๆด้วย
รู้สึกได้ถึงไออุ่นของแดดและเสียงนกที่กำลังร้องตอนเย็นเลย...
ดีแล้ว ดีจริงๆที่ยังหายใจอยู่
เธอหลับตาลงเพื่อสูดกลิ่นของลมและต้นไม้ ก่อนจะล้มตัวนอนลงบนพื้นหญิงที่เขียวขจี ดาฟเน่นั่งอยู่ด้านหน้าเรือนรับรองเธอยกยิ้มพร้อมกับหัวเราะอย่างดีใจ
"ต้องเตรียมตัวไปงานเลี้ยงแล้วค่ะท่านหญิง"
"..ไม่ไป วันนี้ข้าจะกลับเมอลิน"
ไอลาเดินเข้าไปนั่งลงข้างดาฟเน่ สาวใช้ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดที่ใบหน้าของเจ้านายผู้งดงาม
"เป็นเรื่องยากเย็นเกินกว่าจะปฏิเสธ เพราะองค์จักรพรรดิรอคอยท่านหญิงอยู่ค่ะ"
ดาฟเน่ถอนหายใจ อีสเซมิใช่คนที่จะสามารถหลีกหนีได้จริงๆด้วย
"เช่นนั้นก็ไปเตรียมตัวเถิด จริงสิไอลา เจ้าไปจัดการสอบถามทางพระราชวังว่ายังพอมีเรือนรับรองว่างอีกหรือไม่ ข้ารู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยที่ต้องอยู่กับลอร์ดมาเดลีน"
"เรื่องนั้นท่านหญิงมิต้องเป็นกังวลเลยค่ะ ท่านลอร์คย้ายไปอยู่เรือนอื่นแล้ว เมื่อช่วงสายท่านส่งคนมาขนของท่านออกไปและฝากข้าบอกให้ท่านหญิงอยู่ที่นี่ได้เลย"
ดาฟเน่พยักหน้า
ดียิ่งนัก การต้องมาทนเห็นหน้ากันทั้งที่มิได้รักมันค่อนข้างน่าอึดอัด ถึงจะผ่านเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมาแล้ว แต่ความรู้สึกของคนเราใช่จะเปลี่ยนได้ง่าย
และท่าทางจะไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น เพราะลาร์ซเองก็คงจะคิดเช่นเดียวกัน มันเป็นเพียงความสัมพันธ์ฉาบฉวยทางกายเท่านั้นเอง หลังจากที่ตื่นขึ้นมาเรายังคงไม่ชอบขี้หน้ากันเหมือนเดิม
วันนี้ดาฟเน่สวมชุดกระโปรงดีขาวปักด้วยไข่มุกสีเดียวกัน ส่วนทรงผมนั้นรวบขึ้นไปเพื่อโชว์ลำคอขาวเนียน ทำให้ดูงดงามและอ่อนหวานในเวลาเดียวกัน
"ข้ารอคอยเจ้าอยู่ค่อนคืน แต่ก็ไร้เงาของสตรีที่ข้ารอคอย ใจร้ายเกินไปแล้วดาฟ"
อีสเซจับจูงมือของดาฟเน่เข้ามาในสวน เขานั่งลงที่ม้านั่งพร้อมกับดึงให้เธอนั่งลงข้างเขา
"เมื่อคืน ข้าเมา ขอโทษด้วย.."
อีสเซเอนศีรษะไปพิงที่ไหล่ของเธอ
"เจ้าคือรักแรกและรักเดียวของข้านะดาฟเน่ การที่ต้องมองเจ้าอยู่ในฐานะภรรยาของผู้อื่นมันคือความเจ็บปวดที่กัดกินหัวใจของข้า จนหัวใจของข้ามันจะแหลกสลายไปหมด แต่ว่านะ...ข้ายังทนอยู่ได้ ที่ข้ายังสามารถรอคอยเจ้าก็เพราะว่าเจ้าเองก็ต้องการเช่นเดียวกัน"
ดาฟเน่รู้สึกปวดใจไปกับคำกล้าวตัดพ้อของอีสเซ เธอรู้สึกได้เลยว่าเขากำลังเสียใจจากน้ำเสียงและท่าทาง
"ตอนนี้...เจ้ายังอยากให้ข้ารอเจ้าอยู่อีกรึเปล่า หรือว่าในใจของเจ้าไม่มีข้าแล้ว"
เธอไม่รู้ว่าดาฟเน่คนเก่านั้นกระทำสิ่งใดเอาไว้ มิรู้ว่าเขาทั้งสองคนในอดีตสัญญาอะไรกัน...แต่หากว่าถามเธอในตอนนี้
เธอในตอนนี้มิได้รักอีสเซ แต่การกล่าวปฏิเสธเขามันจะสร้างความเสียหายต่อดาฟเน่มากทีเดียว เพราะอีสเซคือที่พึ่งหนึ่งเดียวของเธอ หากว่าไม่มีเขา...เรื่องบางอย่างจะยากมากขึ้น
เธอไม่ได้โง่และไม่ได้คิดฉวยโอกาสหรือว่าหลอกใช้ใคร...เพียงแต่เธอจำเป็นที่จะต้องรักษาชีวิตเอาไว้
ความเงียบปกคลุมเราทั้งสองคนจนอีสเซเงยหน้าขึ้นมามองหน้าดาฟเน่
"ไปคุยกันที่ห้องของข้าเถอะ ข้ามีบางอย่างให้เจ้าดูด้วย"
เขาลุกขึ้นพร้อมกับจับมือของเธอเอาไว้แน่น ดาฟเน่รู้สึกได้ถึงแรงกระชากจากมือของเขา เธอสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เยือกเย็นขึ้นมาจนรู้สึกหวาดกลัว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีความกล้าพอที่จะขัดขืน
มีแต่ต้องเดินตามเขาไปเท่านั้น
เขาเปิดประตูห้องบานใหญ่ออกมา อีสเซค่อยๆดึงผ้าม่านประตูออก
"!!!"
สิ่งที่ทำให้เธอตกใจจนแทบสิ้นสติคือรูปปั้นใบหน้าของเธอในอิริยาบถต่างๆ มีทั้งยิ้มหัวเราะร้องไห้ มีทั้งสวมเสื้อผ้าและไม่สวมเสื้อผ้า...
ด้านในสุดคือเตียงนอนขนาดใหญ่ ที่ผนังก็เป็นรูปวาดของเธอขนาดต่างๆเต็มไปหมด มีตั้งแต่ที่ยังเป็นเด็กจนถึงปัจจุบัน และบางรูปคือรูปที่เธอและเขากำลังร่วมรักกัน!!!
เธอกำมือแน่น แผ่นหลังของเธอชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ เลือดของเธอกำลังสูบฉีดเป็นอย่างมาก เธอไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกเช่นนี้ว่าอย่างไรดี
อีสเซโอบกอดรูปปั้นที่เป็นใบหน้าของเธอในท่วมท่าที่กำลังยิ้มเอาไว้ เขาโอบกอดพร้อมกับพรมจูบที่ใบหน้าของรูปปั้นนั้นราวกับว่าเขารักใคร่และหลงใหล
"เหตุใดถึงทำหน้าตกใจเช่นนั้น เจ้ามิได้มาที่นี่ครั้งแรกสักหน่อย...อ่า ข้าลืมไปว่าเจ้าจดจำเรื่องราวระหว่างเรามิได้"
เขาผละออกมาจากรูปปั้นแล้วเดินมาจับจูงมือเธอไปที่เตียง อีสเซอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตักของเขา เขาฝังใบหน้าลงไปที่ซอกคอของเธอ พร้อมกับหลับตาลงเพื่อสูดดมกลิ่นกายที่หอมหวานไปเก็บกักเอาไว้ในความทรงจำ
"เห็นโซฟาตรงนั้นรึเปล่า?"
ดาฟเน่มองไปที่อีสเซชี้ มีโซฟาไม้สีน้ำตาลวางอยู่ติดกับผนัง ส่วนด้านหน้าโซฟาคือกระดานไม้และอุปกรณ์สำหรับวาดภาพ
"เจ้าชอบไปนอนบนนั้น...เรามีความทรงจำมากมายในห้องนี้ เจ้าจะนอนเป็นแบบให้ข้าวาดรูปเจ้าลงไปในกระดาษโดยไร้เสื้อผ้าที่จะมาขวางกั้น มันดีมากเลยดาฟโดยเฉพาะตอนที่เจ้าใช้นิ้วเล่นกับตัวเองต่อหน้าข้า..."
.
.
.
.
ไว้ใจนายได้บ่น้อ พ่อหนุ่มอีสเซ