ลาร์ซยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม เขาเหม่อมองไปในสวนดอกไม้ด้านหลังพระราชวัง...องค์จักรพรรดิอุ้มดาฟเน่ภรรยาของเขาออกมาพร้อมกับพานางเดินไปยังที่พัก ดาฟเน่ยกมือขึ้นมาโอบคอองค์จักรพรรดิอย่างสนิทสนม
ราวกับว่าเรื่องราวเมื่อคืนคือเรื่องเพ้อฝันที่พอเขาตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็สลายหายไปจนหมด ทว่าเขาก็มิได้เสียใจ แค่คาดหวังเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกหน่อย แต่เมื่อเห็นเธอโอบกอดองค์จักรพรรดิเขาก็เข้าใจแล้วว่าทุกอย่างมันไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
เขาลุกขึ้นก่อนจะพาตัวเองเดินไปขึ้นรถม้าเพื่อกลับไปที่บ้านพักชานเมือง เขาซื้อที่นี่เอาไว้นานแล้ว เพราะในใจรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องกลับไปที่คฤหาสน์ จึงเลือกที่จะออกมาอยู่บ้านหลังเล็กเพียงลำพังที่นอกเมือง
เขาลงจากรถม้าพร้อมกับถอดเสื้อคลุมออกมา ลาร์ซเดินเข้าไปในบ้านก็พบลาม่อนที่กำลังปรุงยาอยู่
"อาการของนาง..เป็นเช่นไร?"
ลาม่อนส่งยิ้มให้พี่ชายของเขา
"ปลอดภัยแล้ว เพียงแต่อาจจะมีอาการข้างเคียงนิดหน่อย นั่นก็คือนางอาจจะจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้เพราะศีรษะของนางถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง"
"อืม ดีแล้วที่นางจำสิ่งใดมิได้ ฝากเจ้าดูแลนางด้วยล่ะ"
ลาม่อนพยักหน้า
"พี่ควรจะไปดูแลลูอีสหน่อย เขาถูกภรรยาของพี่บอกเลิกมาน่ะ...อาการน่าเป็นห่วงอยู่บ้าง"
ลาร์ซถอนหายใจ ก่อนที่เขาจะหัวเราะเบาๆ
"ข้าควรจะไปปลอบใจน้องชายที่ลักลอบเป็นชู้กับภรรยาตัวเองงั้นหรือ ปล่อยให้เขาร้องไห้ไปนั่นแหละถูกต้องแล้ว น้ำตาที่ไหลลงมาจะทำให้เจ้าบ้านั่นเติบโตและแข็งแกร่ง!"
ลาม่อนหัวเราะเบาๆกับคำกล่าวของพี่ชาย
"ตามนั้น"
เขาแบมือออกมา แล้วส่งยิ้มให้พี่ชายเพื่อทวงถามค่ารักษา
"ข้าจะให้พ่อบ้านจัดการให้ ช่วงนี้ข้ากำลังยุ่งเรื่องเกี่ยวกับการสร้างกาสิโนที่ใหม่ ได้แต่ต้องรบกวนเจ้าดูแลนางไปก่อน"
"ครับ ข้ามิอยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของพี่หรอกนะ นางคือคนรักของพี่งั้นหรือ?"
"...มิใช่คนรัก แต่เป็นคนที่พี่รักต่างหาก"
.......
ดาฟเน่ล้มตัวนอนลงบนเตียงนอนในคฤหาสน์เมอลิน อีสเซพยายามอย่างมากที่จะรั้งให้เธออยู่กับเขาอีกคืน แต่ว่าเธอไม่ยอมเขาอีกแล้ว!!
เขาทรมานเธอจนถึงรุ่งสางโดยที่ตัวเองมิยอมปลดปล่อยออกมา เขามีอะไรกับเธอทั้งๆที่ยังวาดรูปไปด้วย นี่ความผิดปกติของเขาส่งมาถึงเธอรึอย่างไรถึงได้ไปยอมเขาง่ายดายเช่นนั้น!!
เธอถอนหายใจพร้อมกับหลับตาลงเพื่อพักผ่อน กว่าจะตื่นมาอีกทีก็ช่วงค่ำ ดาฟเน่รีบแต่งตัวโดยที่ครั้งนี้เธอสวมเพียงชุดกระโปรงเรียบๆและเสื้อคลุมสีดำสนิท วันนี้เธอจะไปที่ตลาดค้าทาสที่นั่นมีทั้งคนรับใช้และทหารเก่าที่ปลดประจำการ หรือว่าพวกนักสู้ทั้งหลายแหล่ เธอเหลือบมองไอลาพร้อมกับส่งยิ้มให้สาวใช้
"...เจ้าคือคนของอีสเซใช่รึเปล่า? ข้าจะไม่อยู่รอคำตอบของเจ้าหรอกนะเพราะข้าต้องไปที่ตลาดค้าทาส ข้าเพียงอยากจะให้เจ้าตัดสินใจไอลา เจ้าจะอยู่รับใช้ข้าต่อโดยที่เปลี่ยนมาเป็นคนของข้าจริงๆหรือว่าเจ้าจะหนีไป ข้าจะไม่ส่งคนไปทำอะไรเจ้าหรอกนะ ขอเพียงเจ้ากลับไปทำงานที่พระราชวังและเป็นคนของอิสเซตามเดิม เจ้ามีเวลาคิดเพียงแค่จนกว่าข้าจะกลับมา ตัดสินใจให้ดีนะไอลา...."
ดาฟเน่เดินขึ้นรถม้า เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่ได้กล่าวคำที่สงสัยออกไป
ไอลาคือคนของอีสเซที่ถูกส่งมาจับตาดูเธอ ซึ่งนางมิได้ทำอันตรายอะไรกับเธอแต่การที่ถูกรายงานทุกความเคลื่อนไหวให้เขารู้มันน่าอึดอัดเกินไป และเธอรู้ดีว่า ไม่ว่าอย่างไรในตอนที่เธอกลับไป ไอลาก็จะยังคงยืนรอเธออยู่ เพราะอีสเซถึงแม้เขาจะอ่อนโยนกับเธอแต่กับคนอื่นเขามีชื่อเสียงด้านความโหดร้ายมากทีเดียว หากไอลากลับไปรายงานอีสเซว่าเธอจับได้เรื่องของนาง นางจะถูกอีสเซฆ่าจนตายแน่นอน
สาวใช้ผู้นั้นจะสิ้นไร้ทางเลือก และยอมเป็นคนของเธอ...ซึ่งนั่นก็มิอาจไว้วางใจได้อย่างสนิทใจว่านางจะไม่หักหลัง แต่วิธีการหลบหลีกอีสเซได้ก็มีเพียงทางนี้ทางเดียว!
หากไอลาตายไปจริงๆเขาจะส่งคนสอดแนมคนใหม่เข้ามาหาเธอ ซึ่งเธอก็จะต้องมานั่งสืบใหม่อีกว่ามันคือใคร และหากว่าเธอเดาไม่ผิด ผู้ที่ส่งคนมาลอบสังหารเธอก็อาจจะเป็นอีสเซ..แต่เธอก็ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นักเพียงแค่คิดถึงแรงจูงใจและความน่าจะเป็น
ดาฟเน่ยกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ พอดีกับรถม้าที่จอดพอดี
"ท่านหญิงลงไปที่ชั้นใต้ดินได้เลยครับ นี่เป็นบัตรเชิญเข้างานและหน้ากาก"
เธอรับบัตรเชิญและหน้ากากจากมือของคนขับรถม้า เขาคือคนที่เธอว่าจ้างลับๆให้มาส่งที่นี่ เธอสวมหน้ากากเอาไว้พร้อมกับเธอลงไปที่บันไดทอดยาวลงไปยังชั้นใต้ดิน มันมีกลิ่นอับและมีความชื้นจำนวนมาก เธอเดินไปตามช่องแคบไปเรื่อยก็พบกับแสงสว่างที่ปลายทาง
เธอเดินมาโผล่ที่โดมอะไรสักอย่าง มีบุรุษและสตรีสวมหน้ากากจับจองที่นั่งกันจนเกือบเต็ม ดาฟเน่ส่งบัตรเชิญให้กับคนตรวจตั๋ว เขาพาเธอมานั่งที่ด้านหน้าสุด
ดาฟเน่ยกพัดขึ้นมากางปิดบังใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้
หน้ากากนี่ปิดบังเพียงแค่ดวงตาหากว่าคุ้นชินกันจริงๆยังไงก็ต้องจำได้!! คนจัดงานคิดอะไรอยู่ถึงได้ให้สวมหน้ากากที่ไม่ปกปิดอะไรเลยเช่นนี้!!
มีเด็กเสิร์ฟคอยถือถาดแก้วไวน์บริการให้กับแขกทุกท่านที่มาในงานนี้ เธอยกแก้วไวน์ขึ้นมาดม นี่คือกลิ่นหอมจากไวน์ที่ถูกบ่มไว้นาน ราคาคงจะแพงระยับ...ที่นี่คงจะมีแต่ชนชั้นสูงสินะ!
"เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทางโรงค้าทาสของเปิดการประมูล ณ บัดนี้!!"
เสียงตบมือดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงโห่ร้องยินดีของชนชั้นสูง ทาสคนแรกที่ถูกลากขึ้นมาบนเวทีคือหญิงสาววัยกลางคนที่มีใบหน้าหมดจดสะอาดสะอ้าน
"ยี่สิบเหรียญทอง!"
เสียงตบมือดังขึ้นอีกครั้งเมื่อมีบุรุษผู้หนึ่งยกมือขึ้นมาประมูล ดาฟเน่กอดอกมองหญิงสาวผู้นั้นที่ก้มลงกับพื้นอย่างเจียมตัว ที่น่าแปลกคือนางไม่ร้องไห้หรือว่าอ้อนวอนราวกับนางกำลังรอให้ใครสักคนซื้อตัวนางไป...
"หนึ่งร้อยเหรียญทอง"
นางช้อนสายตาขึ้นมามองบุรุษที่บอกราคาที่ค่อนข้างจะสูงอย่างมีจริตและมารยา บุรุษจะมาประมูลสตรีไปเพื่ออะไรล่ะ หากมิใช่ไปเป็นนางบำเรอ ในคราแรกก็รู้สึกสงสารแต่พอเห็นจริตและมารยาที่หญิงสาวผู้นั้นบรรจงสร้างขึ้นมาแล้วก็คิดได้ว่าเธอมิควรเข้าไปขัดขวาง
"ขอบคุณท่านชายมากครับ มาถึงทาสหญิงสาวคนที่สอง"
คราวนี้เป็นหญิงสาววัยกลางคนเช่นกัน ทว่าใบหน้าของสตรีผู้นี้กลับหม่นหมองดวงตาแดงก่ำราวกับว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก หน้าอกของนางขนาดใหญ่กว่าปกติ
"สตรีผู้นี้พึ่งคลอดลูกมาแต่ทว่าบุตรของนางเสียไปแล้ว ใครที่หาแม่นมอยู่ข้าขอแนะนำ!!"
"จริงรึเปล่า ข้าขอพิสูจน์ได้ไหมว่าน้ำนมของนางยังคงไหลอยู่"
"เชิญเลยครับท่านชาย"
บุรุษร่างท้วมผู้หนึ่งวิ่งไปหาหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเวที เขากระชากหน้ากากของตัวเองออกมาก่อนจะซุกหน้าไปที่หน้าอกอวบอิ่มของนาง แทนที่จะมีคนไปห้ามปรามทุกคนกลับส่งเสียงเชียร์ให้ทำมากกว่านั้น ชายผู้นั้นกระชากเสื้อของหญิงสาวออกมา ปรากฏเป็นหน้าอกที่แข็งเป็นไต เขาออกแรงบีบเบาๆน้ำนมของนางก็พุ่งกระฉูดออกมา
"ดูดเลยสิ!! ลองชิมรสชาติดูสิว่าหวานหรือไม่!!"
ไม่มีใคร คิดจะหยุดการกระทำที่ไม่มีความเป็นมนุษย์นั้นลงเลยงั้นหรือ?...
ดาฟเน่ลุกขึ้น
"เริ่มการประมูลสักที!!"
การกระทำน่าละอายบนเวทีหยุดลง เธอถอนหายใจพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้อีกครั้ง
"เริ่มการประมูลราคา..."
"หนึ่งร้อยเหรียญ.."
"ร้อยห้าสิบ"
"สองร้อย..."
"สามร้อย!!"
ดาฟเน่ยกมือขึ้นมา
"หนึ่งพัน!"
ทั่วทั้งห้องประชุมเงียบกริบ หนึ่งพันเหรียญทองนั้นดูจะมากเกินไปกับราคาทาสเช่นนี้ จึงไม่มีใครใส่ราคาต่ออีกเลย
"สุภาพสตรีท่านนี้ได้ทาสของเราไป!!"
เธอถอดเสื้อคลุมออกมาก่อนจะคลุมตัวให้หญิงสาวที่กำลังร่ำไห้ผู้นั้น
"เสื้อของท่านจะเปื้อนนะคะ..."
"ถึงข้าจะประมูลเจ้ามา แต่ว่าข้ามิคิดที่จะบังคับฝืนใจใคร เจ้ายินดีจะไปมีชีวิตครั้งใหม่กับข้ารึเปล่า ข้าขอเพียงความภักดีแลกกับการเป็นอยู่ที่ดีและค่าจ้างที่มหาศาล แต่ถ้าหากเจ้าไม่ยินดีเจ้าสามารถหนีไปตอนนี้ได้เลย..."
หญิงสาวผู้นั้นก้มหน้าลงแนบกับเท้าของดาฟเน่
"ข้าจะไปอยู่กับท่านค่ะ จะรับใช่เป็นอย่างดีแลกกับท่านช่วยชีวิตของข้า!"
ดาฟเน่พาบีเซนเดินมาด้านหลังเพื่อจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า อีกพักใหญ่ๆถึงจะมีการประมูลพวกอัศวิน
"มือเจ้ามิได้มีหยาบกร้านเช่นสตรีที่ชาติกำเนิดต่ำต้อย เหตุใดถึงได้ถูกจับมาขายเช่นนี้"
บีเซนก้มหน้าลง
"ข้าถูกท่านพ่อพามาขายค่ะ เดิมทีท่านพ่อของข้ามียศเป็นเซอร์ ถึงแม้จะมิได้ร่ำรวยแต่ความเป็นอยู่ของข้ากับน้องชายก็ไม่ถึงขั้นลำบาก จุดเปลี่ยนของชีวิตของข้าก็คือวันที่ท่านพ่อพาแม่เลี้ยงเข้ามาในบ้าน"
สำหรับบางคนการมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้ยากเย็น แต่ดันยากเย็นตรงคนในครอบครัว ยิ่งชีวิตสตรีในยุคนี้จะต้องเชื่อฟังพ่อแม่ พอแต่งงานมีสามีก็ต้องเชื่อฟังสามี ตรงนี้ตัวเธอเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก
"ข้ามิรู้ว่าข้าขอท่านมากเกินไปรึเปล่าแต่น้องชายของข้าก็ถูกขายมาเช่นกัน เขาเป็นเด็กชายอายุยี่สิบห้า เบซิลกำลังจะสอบเข้าเป็นอัศวินแต่ถูกท่านพ่อจับเขามาขายก่อน ท่านจะช่วยไถ่ตัวน้องชายของข้าด้วยได้ไหมคะ ท่านไม่ต้องให้เงินเดือนข้าก็ได้ ขอเพียงแค่อาหารและที่พักก็พอ ข้ายินดีทำงานบ้านทุกอย่าง..."
ดาฟเน่พาบีเซนเดินไปด้านหลังที่เป็นคุกคุมขังทาส
"คนไหนน้องเจ้า"
สารภาพในใจว่าเธอมิได้คิดจะพาน้องชายของบีเซนไปเป็นอัศวินเลย เธอเพียงแค่อยากจะช่วยให้สองพี่น้องได้อยู่ด้วยกัน อย่างน้อยเขาคงจะเป็นคนสวนได้...
ทว่าพอเห็นเบซิลความคิดของเธอก็เปลี่ยนไป ผิวกายของเขาคล้ำเพราะถูกแดดเผาอีกทั้งมัดกล้ามที่แขนนั่นดึงดูดสายตาของเธอเป็นอย่างมากรูปร่างของเขามันสวยงามมากราวกับเขาผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก
"สี่พันเหรียญทองจะถูกฝากเข้าบัญชีของเจ้า เพียงแค่ส่งกุญแจมือเขามาให้ข้า"
พ่อค้าทาสยกยิ้มพร้อมกับก้มหน้าพร้อมกับยื่นกุญแจสำหรับไขโซ่ที่ข้อมือของเบซิลให้เธออย่างยินดี
"พรุ่งนี้ไปเก็บเงินที่คฤหาสน์เมอลินได้เลย"
เธอกล่าวพร้อมกับถอดหน้ากากออก เบซิลมองมาที่เธออย่างตกใจ
"ตามมาสิ จากนี้ไปเจ้าคือคนของท่านดาฟเน่คนนี้แล้วนะ เบซิล"